การทำ SEO กับ SEM สองกลยุทธ์ทางการตลาดนี้ต่างกันอย่างไร ?
หากคุณเป็นเจ้าของทำธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แล้วเกิดคำถามว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร ไม่แปลกที่เว็บไซต์เป็นช่องทางหลักในการสร้างยอดขายให้กับคุณ ซึ่งโอกาสที่จะสร้างยอดขายให้มากขึ้นมีหลายช่องทาง หนึ่งในนั้นก็คือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่าง การทำ SEO และ การทำ SEM แต่คำถามมันอยู่ตรงที่จะเลือกทำ SEO หรือทำ SEM ดี?
เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว
ทำความเข้าใจทั้งกลยุทธ์ออนไลน์ SEO กับ SEM
ก่อนที่เราจะไปตัดสินใจว่าจะเลือกทำ SEO กับ SEM สำหรับธุรกิจของคุณ เรามาทำความเข้าใจความเหมือนและต่างของทั้งคู่กันก่อน ซึ่งการทำ SEO และ SEM มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ทำให้เว็บไซต์อยู่อันดับต้นๆบน Google แต่วิธีการของทั้งคู่แตกต่างกันดังนี้
ทั้งนี้คุณสามารถศึกษาเกี่ยวกับ ลักษณะของ Link ที่ใช้ทำ Backlink เพิ่มเติมได้ ที่นี่ — ความกว้างตัวหนังสือไม่ 470 px ค่ะ
ทดลองเขียนสามบรรทัดแบบเต็ม ๆ จะเป็นแบบนี้ค่ะ ตัวอย่างการเขียน 3 บรรทัด
SEO หรือ Search Engine Optimization
เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google ซึ่งเว็บไซต์จะปรากฎขึ้นก็ต่อเมื่อเราค้นหาคีย์เวิร์ดคำนั้น หรือเรียกอีกชื่อว่า Organic Search เพื่อผลลัพธ์จาก Organic Traffic
ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นการปรับเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคนิค SEO เพื่อให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล และทำการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณบนหน้า Google เช่น การปรับ Title, ปรับ Description, ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ และเทคนิคอื่นๆ
SEM หรือ Search Engine Marketing
คือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ผ่านการซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google หรือเรียกอีกอย่างว่า Google Adwords คือ การโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์อยู่อันดับแรกของการ Search หรือเรียกอีกชื่อว่า Paid Search โดยจะจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณาเพื่อเข้าชมเว็บไซต์โดยวิธีสังเกตของ SEM จะมีคำว่า AD อยู่หน้าชื่อเว็บไซต์
การทำ SEM ถือเป็นช่องทางที่ทำให้สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้ซื้อพื้นที่โฆษณาต่อ อันดับเว็บไซต์ของคุณก็จะหายไป
เปรียบเทียบจุดเด่นของ SEO และ SEM
SEO ประหยัดเงินกว่า SEM
หากคุณทำ SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ธุรกิจคุณ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณในตำแหน่งที่ดี ผู้ใช้เห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น ต่างจากการทำ SEM ที่คุณต้องจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google ตามจำนวนที่ผู้ใช้คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจมากถึงหลักร้อยหรือหลักพันต่อเดือน
SEM ทำยอดขายได้ไวกว่า SEO
เนื่องจากกลยุทธ์ SEM ทางเจ้าของธุรกิจสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่สนใจในตัวสินค้าหรือบริการของธุรกิจ ซึ่งการกำหนดกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีโอกาสเกิดการซื้อขายมากกว่า โดยกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้อาจสนใจสินค้าหรือบริการจากธุรกิจของคุณก็เป็นได้
ส่วน SEO จะไม่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเหมือน SEM ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แค่ Search คำที่ต้องการ ก็จะเจอสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับคำที่คุณค้นหา ด้วยความที่ไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน กลุ่มเป้าหมายอาจไม่ได้สนใจในตัวสินค้าหรือบริการเหล่านี้ และมองข้ามธุรกิจของคุณไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำยอดขายได้แค่จะทำยอดขายได้ช้ากว่า SEM นั่นเอง
SEO ทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพยั่งยืนกว่า SEM
เพราะการทำ SEM คุณต้องเสียเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เมื่อไหร่ที่คุณหยุดจ่ายเงิน อันดับของเว็บไซต์คุณก็จะตกไป
เมื่อเทียบกับการทำ SEO แล้ว หากคุณเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ถูกต้องตามหลัก SEO เว็บไซต์ของคุณจะอยู่ในอันดับที่ดี ซึ่งผลลัพธ์เรื่องอันดับจะมีความยั่งยืนกว่า หรือหากอันดับเว็บไซต์อันดับตกไปบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าคุณทำถูกหลัก SEO มีการอัพเดตเนื้อหาในเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ มีเว็บไซต์อื่นพูดถึงคุณ อันดับหน้าแรกบน Google คงหนีไม่พ้นคุณแน่นอน
SEM เห็นผลลัพธ์อันดับบน Google ไวกว่า SEO
การทำ SEO หากคุณหวังผลลัพธ์ภายใน 1 เดือน คงเป็นไปได้ยาก เพราะการทำ SEO จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ถึงจะเห็นผล ดังนั้นหากคุณต้องการเห็นผลที่เร็ว ใช้ระยะเวลาที่สั้นในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกในหน้า Google แนะนำให้เลือกกลยุทธ์ SEM กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ เพียงเท่านี้กลุ่มเป้าหมายก็จะเห็นเว็บไซต์ของคุณตั้งแต่หน้าแรกของการค้นหา
สรุปแล้ว ควรเลือกทำ SEO หรือ SEM ก่อน?
แท้จริงคำถามที่ว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร แล้วนั้นเราควรเลือกทำทั้งกลยุทธ์ SEO และ SEM ควบคู่ไปด้วยกัน เนื่องจากทั้งคู่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างออกไป ถ้าใช้ทั้ง 2 กลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ จะช่วยอุดช่องโหว่ของทั้งคู่ได้ เพราะหากเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย คุณอาจสูญเสียผลประโยชน์ที่อาจทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้
แต่ถ้าต้องเลือกว่าอันไหนควรทำก่อน แนะนำให้เลือกทำ SEO ก่อน เพราะระยะเวลาการแสดงผลใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป และช่วงเวลาที่ต้องรอ SEO แสดงผล คุณควรทำ SEM ควบคู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ หรือนำข้อมูลส่วนนี้มาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วอยากใช้กลยุทธ์ SEO กับ SEM แต่คุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Digital Marketing งานนี้ลองให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Cotactic Media เป็นผู้ดูแลกลยุทธ์ให้คุณโดยทางเราบริการตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ในบริการรับทำเว็บไซต์ WordPress พร้อมทั้งมีบริการรับทำ SEO ดันให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับแรกบน Google เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์อย่างยั่งยืน