click

รับทำ SEO ติดหน้าแรก GOOGLE และ AI SEARCH เห็นผลใน 3 เดือน

เราคือบริษัทรับทำ SEO ที่ช่วยยกระดับธุรกิจของคุณได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

ลูกค้าที่ใช้บริการรับทำ SEO กับเรา :

ผลลัพธ์ธุรกิจที่ใช้บริการ รับทำ SEO กับเรา

NISSAN SMT

ศูนย์นิสสันศรีนครินทร์ (Nissan SMT) เป็นโชว์รูมผู้ให้บริการนิสสันที่มีบริการให้เลือกครบครัน ทั้งตรวจเช็กสภาพ ทำสี หรือซื้อรถมือสอง

5.49X

ยอด Organic Traffic เพิ่มขึ้น 5.49 เท่าภายใน 4 เดือน

TOP 10

ติดหน้าแรกบน Google ในระยะเวลา 9 เดือน

SIAMCHAI

สยามชัยเต็นท์
ผู้ให้บริการเช่าเต็นท์ผ้าใบโครงสร้างเหล็กและโครงสร้างอลูมิเนียม ทั้งเต็นท์ผ้าใบแบบรายวัน-รายเดือน

X19.2

ยอด Click เพิ่มขึ้น 19.2 เท่า ภายใน 6 เดือน

TOP 10

ติดหน้าแรกบน Google ในระยะเวลา 6 เดือน

DRIVE CAR RENTAL

ศูนย์บริการเช่ารถ
ผู้ให้บริการรถเช่าหลากหลายรูปแบบตามต้องการ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

X2

ยอด Organic Traffic เพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 4 เดือน

TOP 10

ติดหน้าแรกบน Google ในระยะเวลา 4 เดือน

KJL

ผู้นําและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ตู้ไฟ รางไฟ ผู้จัดจำหน่ายตู้ไฟ รางไฟ ตู้ไฟสวิทช์บอร์ด รางเดิน สายไฟ ระบบไฟฟ้า และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่น

X2.48

ยอด Organic Traffic เพิ่มขึ้น 2.48 เท่า ภายใน 4 เดือน

TOP 1

ติดอันดับ 1 บน Google ภายใน 12 เดือน

CTEK

ตัวแทนจำหน่ายเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ป้องกันอาการแบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อม จากการจอดทิ้งไว้นาน ๆ

90K+

ยอด Click เพิ่มขึ้นทุกเดือน ตลอดระยะเวลาที่ทำ SEO

TOP 2

ติดอันดับ 2 บน Google ภายใน 6 เดือน

ประเภทธุรกิจที่ควรใช้บริการรับทำ SEO

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็เหมาะที่จะทำ SEO ถ้าธุรกิจนั้นต้องการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์และต้องการเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้มากขึ้น หรือเพื่อโปรโมตสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จัก การทำ SEO ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ การทำงานได้ดีในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกิจต่อไปนี้ที่สามารถเข้ากับ การทำ SEO ได้เป็นอย่างดี
Icon

ธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค

ช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค ติดอันดับสูงในผลการค้นหา เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าออนไลน์

มี ROI สูงถึง

1600%

ธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค

ผลลัพธ์


61%

ตัดสินใจซื้อจากรีวิวบนเว็บ Google

1,600%

ROI ที่เพิ่มขึ้นหลังจากทำ SEO

53x

การทำวิดีโอสินค้าส่งผลให้เว็บติดอันดับ
Icon

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลดงบโฆษณาจ่ายเงิน และเพิ่มการมองเห็น ในผลการค้นหา

ใช้ Google ค้นหาบ้านสูงถึง

97%

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ผลลัพธ์


97%

ใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลบ้าน คอนโด

51%

ของธุรกิจอสังหาฯ เริ่มทำ SEO

88%

ให้ความเชื่อถือกับรีวิวบน Google
Icon

ธุรกิจสุขภาพและความงาม

สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและบริการ เพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใช้บริการได้ มากขึ้น

ใช้ Google ในการค้นหาบริการถึง

92%

ธุรกิจสุขภาพและความงาม

ผลลัพธ์


59%

ใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลและบริการ

92%

ในช่วงอายุ 18-34 ปี ใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์

50%

เพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
Icon

ธุรกิจการศึกษา

ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย โดยลูกค้าสามารถ ค้นหาและเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการอบรม หรือบริการอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น

คอร์สเรียนออนไลน์มีผู้ใช้มากขึ้น

60%

ธุรกิจการศึกษา

ผลลัพธ์


94%

ของนักศึกษาใช้ Google ในการหาข้อมูล

60%

การใช้สมัครคอร์สออนไลน์เพิ่มขึ้น

64%

ของนักศึกษาตัดสินใจจากเว็บไซต์ของสถาบัน
Icon

ธุรกิจยานยนต์

กลุ่มลูกค้าเข้าถึงธุรกิจและบริการง่ายขึ้น เพิ่มการมองเห็นแบรนด์ในผลการค้นหา และเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่สนใจบริการ

โทรหาตัวแทนหลังค้นหาข้อมูลถึง

61%

ธุรกิจยานยนต์

ผลลัพธ์


95%

ใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลรถยนต์

61%

จะติดต่อเซลล์หลังจากค้นหาข้อมูลแล้ว

14 ชั่วโมง

ของนักศึกษาตัดสินใจจากเว็บไซต์ของสถาบัน
Icon

ธุรกิจการท่องเที่ยว

เมื่อธุรกิจติดหน้าแรกของ Google สามารถ ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถค้นหา ตัดสินใจ จองที่พักได้ง่ายขึ้น

เพิ่มการค้นหาด้วยบทความได้ถึง

150%

ธุรกิจการท่องเที่ยว

ผลลัพธ์


53%

ของนักท่องเที่ยวจองตรงกับโรงแรมเพิ่มขึ้น

51%

ของ Keyword ที่เกี่ยวข้องเพิ่มการค้นหาได้

150%

Traffic เว็บเพิ่มขึ้นจากบทความที่เกี่ยวข้อง
Icon

ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

ช่วยให้ลูกค้าเปรียบเทียบและเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกและโอกาสในการ ตัดสินใจซื้อ

มีการค้นสินค้าบน Google ถึง

53%

ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

ผลลัพธ์


53%

ของผู้ซื้อค้นหาสินค้าบน Google

55%

ใช้มือถือในการค้นหาและสั่งซื้อสินค้า

70%

เพิ่มการค้นหาโดยใช้ Long-tail Keyword
Icon

ธุรกิจร้านอาหาร

เพิ่มโอกาสให้ร้านอาหารของคุณติดอันดับในหน้าผลการค้นหาของ Google ทำให้ลูกค้าเข้ามา ใช้บริการได้มากขึ้น

รีวิวบน Google ส่งผลต่อผู้ใช้ถึง

86%

ธุรกิจร้านอาหาร

ผลลัพธ์


60%

ใช้มือถือในการค้นหาร้านอาหาร

24 ชั่วโมง

สามารถเกิด Conversion จากการทำ SEO

86%

ตัดสินใจเข้ารับบริการจากรีวิวบน Google
Icon

ธุรกิจอื่น ๆ

ช่วยสนับสนุนธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่ ความน่าเชื่อถือ, สร้างการรับรู้แบรนด์ และเข้าถืงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้แม่นยำ

การเข้าชมเว็บในหน้าแรกสูงถึง

90%

ธุรกิจอื่น ๆ

ผลลัพธ์


90%

เข้าเว็บไซต์ที่ติดอันดับในหน้าแรก

30%

ของการคลิกอยู่ที่อันดับ 1 บนหน้า Google

46%

ของการค้นหาบน Google ใช้คำว่า “ใกล้ฉัน”

บริการรับทำ SEO ของเรา
มีอะไรบ้าง

เหตุผลที่ “เจ้าของธุรกิจ” เลือก COTACTIC
เป็นบริษัทรับทำ SEO

ทำงานเหมือนทีม In-House ส่วนตัว

Cotactic ดำเนินงานในรูปแบบของ SEO Agency ที่ทำหน้าที่เสมือนทีม Digital Marketing In-house ขององค์กร ให้คำปรึกษาและรับทำ SEO ครบวงจรทั้งในส่วนของ On-page และ Off-page โดยไม่จำเป็นต้องสร้างทีมภายในซึ่งอาจมีต้นทุนสูงกว่า

มีประสบการณ์รับทำ SEO ในหลากหลายอุตสาหกรรม

ทีมงานของ Cotactic สะสมประสบการณ์จากการทำ SEO ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่ภาคการค้าปลีก การเงินการธนาคาร ธุรกิจเชิงสุขภาพ ธุรกิจการท่องเที่ยว ไปจนถึงภาคการผลิตและเทคโนโลยี ทำให้ Cotactic เข้าใจลึกซึ้งถึงลักษณะการแข่งขัน และกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเภทธุรกิจ

เพิ่ม Organic Traffic เข้าเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพ

เราเริ่มต้นด้วยการประเมินเว็บไซต์อย่างครอบคลุม ตามด้วยการคัดเลือก Keyword ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย กระบวนการนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ แต่ยังมุ่งเน้นการดึงดูดผู้มีศักยภาพในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณโดยเฉพาะ

เขียนบทความ SEO ที่มีคุณค่าต่อคนอ่าน

การผลิตคอนเทนต์เป็นอีกหนึ่งความเชี่ยวชาญหลักของเรา โดยทีมงานจะสร้างสรรค์บทความและเนื้อหาที่ปฏิบัติตามหลักการ SEO อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งคำนึงถึงคุณค่าที่ผู้อ่านจะได้รับ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ได้อย่างต่อเนื่อง

รายงานผลการทำ SEO ให้ทราบทุกเดือน

แม้ว่าผลลัพธ์ของ SEO จะต้องใช้เวลาในการสร้างความยั่งยืน แต่ Cotactic เข้าใจดีว่าการมองเห็นความก้าวหน้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ เราจึงกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มแคมเปญ และรายงานผล SEO Ranking อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะที่ทำ SEO กับเรา

ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของธุรกิจ

ด้วยประสบการณ์และผลงานที่หลากหลาย Cotactic สะสมความเชี่ยวชาญและเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามเป้าหมาย รีวิวและคำยืนยันจากลูกค้าที่ผ่านมาสะท้อนถึงความสำเร็จของโครงการและความพึงพอใจที่ได้รับ

ราคาบริการรับทำ SEO

สร้างแบรนด์ให้อยู่เหนือคู่แข่งขันด้วย การทำ SEO สายขาว ตามหลัก E-E-A-T

การทำ SEO จะเน้นการปรับแต่งและพัฒนาเว็บไซต์ด้วยเทคนิค ต่าง ๆ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน หน้าแรก ของ Search Engine อย่างเช่น Google เมื่อติดอันดับแล้ว ย่อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ ธุรกิจได้ เช่น

การทำ SEO ช่วยดึงลูกค้าใหม่มายังเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการ Research Keywords ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

แชร์เทคนิคเลือก Keyword สร้างคอนเทนต์คุณภาพให้เว็บไซต์

การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือ โดยการปรับปรุงเว็บไซต์ให้สมบูรณ์ พร้อมใช้งาน และยังสามารถแสดงผลบนหน้าการค้นหาได้ในระยะยาว

บริการรับทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์กลายเป็นช่องทางหาลูกค้าใหม่ ได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่า โฆษณาจากการทำ SEM หรือ Google Adword ทำให้เว็บไซต์สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างยั่งยืน และเพิ่มโอกาสปิดการขาย อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด ในระยะยาว

บริการรับทำ SEO เป็นการปรับโครงสร้าง และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรก ของการค้นหาของ Google ซึ่งการทำ SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็นเว็บไซต์ผ่าน Search Engine และช่วยสร้าง Brand Awareness ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจในระยะยาว

รู้หรือไม่? ว่ายอดคลิกกว่า 95% บน Google นั้นมาจากเว็บไซต์ที่อยู่ 5 อันดับแรกของการ ค้นหา ถ้าหากเว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาของ Google ได้ ก็ย่อมได้เปรียบทางการแข่งขัน และการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้าที่มากกว่า

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้ Search Engine ก็จะ กลายเป็นพื้นที่โปรโมทเว็บไซต์แบบฟรี ๆ ที่มีการโปรโมทตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังดูมี ความน่าเชื่อถือ เพราะการที่เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก มักสื่อถึงเนื้อหาที่ดี มีคุณภาพเป็นที่ ต้องการ และเป็นที่นิยมของกลุ่มเป้าหมาย

บริการรับทำ SEO ของเรา มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

1

Keyword research

วิเคราะห์ คัดเลือก Keyword ที่สอดคล้องกับธุรกิจ และตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย (Intent) เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏต่อสายตาผู้มีศักยภาพในการเป็นลูกค้าได้ในอนาคต

2

Technical Seo audit

ตรวจสอบและปรับปรุงโครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ โครงสร้าง URL เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์เป็นไปตามมาตรฐานของ Search Engine

3

On - page seo

มุ่งเน้นการปรับแต่งองค์ประกอบภายในเว็บไซต์ ทั้งโครงสร้างหน้าเว็บ Meta Tags และการเขียนบทความตามหลักการ SEO เพื่อให้ Search Engine เข้าใจและประเมินเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง

4

Off - page SEO

สร้างความน่าเชื่อถือผ่านการเชื่อมโยง Backlink คุณภาพสูง ช่วยเพิ่มอำนาจของโดเมนและส่งสัญญาณที่ดีต่อ Search Engine ว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่า

5

Report SEO

เราใช้ Looker Studio ในการรายงานผลประจำเดือน ช่วยติดตามความคืบหน้า รวมถึงภาพรวมเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ Cotactic สามารถปรับกลยุทธ์ SEO ได้ทันท่วงที เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า

อยากใช้บริการรับทำ SEO ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

การเตรียมตัวก่อนหาบริษัทรับทำ SEO ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลา, ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเป้าหมายธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถเตรียมตัวได้โดยการ

ระบุให้ชัดว่าหลังจากใช้บริการรับทำ SEO แล้ว สามารถสร้างอะไรให้กับธุรกิจ เช่น อยากติดอันดับเหนือคู่แข่ง หรือต้องการลูกค้ากดติดต่อเข้ามาเยอะขึ้น เป็นต้น
การทำ SEO คืออะไร? ดีอย่างไรต่อเจ้าของธุรกิจในปัจจุบัน

เตรียมสิทธิ์การเข้าถึง Google Search Console และ Google Analytics 4 เพื่อให้บริษัทรับทำ SEO ตรวจสอบปัญหาและประเมินผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ
กลยุทธ์ SEO ของคุณจะเหมาะกับช่วงเวลานี้หรือไม่ ?

บอกให้บริษัทรับทำ SEO ของคุณรู้ว่า จุดขายที่ไม่เหมือนใคร (USP) ของธุรกิจคืออะไร และลูกค้าใช้ Keyword หลักคำไหน ในการค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณ
7 วิธีเลือกบริษัท Digital Marketing Agency มาเป็นที่ปรึกษา

แบ่งปันความรู้จากมุมมองของ seo

ในยุคที่ AI สามารถสร้างเนื้อหา ทั้งบทความ หรือรูปภาพได้ด้วยแค่การป้อนคำสั่งเพียงไม่กี่คำ การแข่งขันบนหน้าผลการค้นหาของ Google SERP จึงดุเดือดยิ่งกว่าเดิม หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบางเว็บไซต์ถึงยังครองอันดับหนึ่งได้อย่างยาวนาน ในขณะที่บางเว็บร่วงหล่นหายไป คำตอบสำคัญอยู่ที่ “คุณภาพ” และ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่ง Google ใช้เกณฑ์ที่เรียกว่า E-E-A-T เป็นตัวชี้วัดสำคัญ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อเราต้องการค้นหาข้อมูลเรื่องใดก็ตาม Google มักจะเป็นตัวเลือกแรกที่เรานึกถึงในฐานะ Search Engine ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งในปัจจุบัน Google ได้พัฒนาฟีเจอร์ที่ชื่อว่า AI Overview ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวก โดยทำหน้าที่สรุปเนื้อหาสำคัญมาแสดงไว้ที่ส่วนบนสุดของหน้าค้นหา ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดเวลาในการหาคำตอบได้เป็นอย่างดี

เดี๋ยวนี้อยากรู้อะไรก็แค่พิมพ์คำถามไม่กี่วินาทีก็ได้คำตอบแล้ว บนโลกออนไลน์อย่าง “Search Engine” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้ ข่าวสาร สินค้า หรือบริการต่าง ๆ เพียงแค่พิมพ์สิ่งที่คุณอยากรู้ Search Engine ก็สามารถดึงผลลัพธ์จากเว็บไซต์นับล้านมาจัดเรียงให้ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด ดังนั้นการเข้าใจว่า Search Engine คืออะไรและทำงานอย่างไร จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นและน่าสนใจในโลกออนไลน์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ
การรับทำ SEO

ใช้เวลาในการทำ SEO นานไหมกว่าจะติดอันดับ?

ต้องทำ SEO นานแค่ไหนเว็บไซต์ถึงจะติดอันดับ? คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะโดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ SEO ให้ติดอันดับการค้นหาบน Google จะใช้เวลาราว ๆ 3-6 เดือน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ส่วนจะติดอันดับช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการทำงาน โดยทาง SEO Agency จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของตัวเว็บไซต์ เพื่อวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจคุณ เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด

ผลลัพธ์ของการทำ SEO อยู่นานแค่ไหน?

ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ของการทำ SEO อยู่ได้นาน ปัจจัยสำคัญคือความเข้าใจและความสม่ำเสมอ เพราะถ้าตัวเว็บไซต์ไม่ได้ทำ SEO อย่างต่อเนื่อง หยุดทำไปนานหรือขาดช่วงไปเพียงไม่กี่เดือน มันก็อาจส่งผลโดยตรงต่ออันดับบนหน้าค้นหาและการเข้าถึงของกลุ่มผู้บริโภคได้ ฉะนั้นถ้าหากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและคงทน ตัวเว็บไซต์ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเว็บต้องตกอันดับเมื่อเวลาผ่านไป

การทำ SEO ต่างกับ SEM อย่างไร ?

SEO คือการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Google ผ่านการปรับแต่งโครงสร้างและออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของ Search Engine ส่วน SEM หรือ Search Engine Marketing คือการซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เพื่อให้ตัวเว็บไซต์ขึ้นไปแสดงอยู่บนหน้าแรกของการค้นหา ผ่านการประมูล Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือตัวธุรกิจ การทำ SEM จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาทันที ไม่ต้องรอและใช้เวลานานเหมือนการทำ SEO แต่ SEM จำเป็นต้องจ่ายเงินอยู่ตลอด ไม่เหมือนกับการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้โดยธรรมชาติ

SEO กับ SEM เลือกกลยุทธ์อันไหน ถึงเรียกว่าดี!

ใช้เวลาในการทำ SEO นานไหมกว่าจะติดอันดับ?

ต้องทำ SEO นานแค่ไหนเว็บไซต์ถึงจะติดอันดับ? คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะโดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ SEO ให้ติดอันดับการค้นหาบน Google จะใช้เวลาราว ๆ 3-6 เดือน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ส่วนจะติดอันดับช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการทำงาน โดยทาง SEO Agency จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของตัวเว็บไซต์ เพื่อวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจคุณ เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด

ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ของการทำ SEO อยู่ได้นาน ปัจจัยสำคัญคือความเข้าใจและความสม่ำเสมอ เพราะถ้าตัวเว็บไซต์ไม่ได้ทำ SEO อย่างต่อเนื่อง หยุดทำไปนานหรือขาดช่วงไปเพียงไม่กี่เดือน มันก็อาจส่งผลโดยตรงต่ออันดับบนหน้าค้นหาและการเข้าถึงของกลุ่มผู้บริโภคได้ ฉะนั้นถ้าหากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและคงทน ตัวเว็บไซต์ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเว็บต้องตกอันดับเมื่อเวลาผ่านไป

การทำ SEO สายขาว เป็นวิธีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ และตรงตามความต้องการของ Search Engine และส่งผลให้ทาง Google มองเว็บไซต์ของเราว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือและมีเนื้อหาที่มีประโยชน์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด ช่วยให้เว็บไซต์ของตัวธุรกิจมีประสิทธิภาพ มีอันดับที่ดีและมั่นคง จนแทบไม่มีโอกาสโดนลงโทษหรือถูกลดอันดับจากทาง Google เลย เพราะฉะนั้นแล้วการเลือก SEO Agency ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณก็เป็นส่วนสำคัญ

พาเจ้าของธุรกิจมารู้จักการทำ SEO สายขาว – สายเทา แตกต่างกันอย่างไร

SEO คือการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Google ผ่านการปรับแต่งโครงสร้างและออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของ Search Engine ส่วน SEM หรือ Search Engine Marketing คือการซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เพื่อให้ตัวเว็บไซต์ขึ้นไปแสดงอยู่บนหน้าแรกของการค้นหา ผ่านการประมูล Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือตัวธุรกิจ การทำ SEM จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาทันที ไม่ต้องรอและใช้เวลานานเหมือนการทำ SEO แต่ SEM จำเป็นต้องจ่ายเงินอยู่ตลอด ไม่เหมือนกับการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้โดยธรรมชาติ

SEO กับ SEM เลือกกลยุทธ์อันไหน ถึงเรียกว่าดี!

สามารถทำได้ ตามจริงแล้วเราควรเลือกทำ SEO และ SEM ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากทั้งคู่มีเป้าหมายในการทำงานแบบเดียวกัน คือการดันเว็บไซต์ให้ขึ้นไปติดอันดับแรกบนหน้าค้นหาของ Google ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการใช้กลยุทธ์ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันจะช่วยอุดช่องโหว่ของกันและกันได้เป็นอย่างดี หากเลือกทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณอาจสูญเสียผลประโยชน์ที่อาจทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้

ในยุคปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้งาน Google ในการค้นหาข้อมูลหรือสิ่งที่ต้องการกันมากขึ้น ซึ่งการทำ SEO นั้นจะช่วยเพิ่มยอด Traffic หรือจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและเข้าถึงธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อมีการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้อง ผู้บริโภคก็จะเจอเว็บไซต์ของคุณบนหน้าค้นหาทันที ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจ เพราะยิ่งมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นเท่านั้น

Voice Search คือฟีเจอร์การค้นหาด้วยเสียง โดยมีเนื้อหาที่ยาวแต่ได้ใจความ รูปประโยคจะดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ Search Engine วิเคราะห์และเข้าใจ Keyword ได้ง่ายขึ้น เป็นการดึงดูดให้ผู้ใช้งานเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้น
Google Algorithm คือ ระบบที่ Google ใช้พิจารณาว่าข้อมูลใดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และควรแสดงในหน้าการค้นหาเป็นลำดับแรก ๆ หากต้องการให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกก็ต้องหมั่นอัปเดตคุณภาพเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Keyword, การสร้าง Backlink, คุณภาพเนื้อหา และปัจจัยอื่น ๆ
 
Canonical Tag คือ Tag ที่เอาไว้ใส่ URL เพื่อบอกกับ Google Bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูลให้รู้ว่า URL ที่เราใส่ไว้คือหน้าหลักของเว็บไซต์ เพื่อป้องกันไม่ให้คอนเทนต์ที่คล้ายกันปรากฏในหน้าการค้นหา การทำ Canonical Tag จึงช่วยให้ Google มองเว็บไซต์เราว่าเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือ

Google Trends คือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหา Keyword ต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน โดยนำปริมาณการค้นหา Keyword จากการค้นหาบนแหล่งออนไลน์ต่าง ๆ มาคำนวณแล้วแสดงผลเป็นกราฟที่อ่านง่าย เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงว่า Keyword ไหนที่กำลังได้รับความนิยมหรือถูกค้นหามากที่สุด

Google Sitelinks คือ ลิงก์ย่อย ๆ ที่แสดงใต้ Meta Description ในหน้าการค้นหา ซึ่งจะแสดงก็ต่อเมื่อ Google วิเคราะห์แล้วว่าเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน โดย Sitelinks มักปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลด้วยชื่อแบรนด์หรือชื่อเว็บไซต์โดยตรง
Yoast SEO คือ ปลั๊กอินที่มีให้ใช้งานเฉพาะในโปรแกรม WordPress ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถไต่อันดับสูงขึ้นได้บน Search Engine ด้วยการช่วย Optimize SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทั้งในส่วนของ Keyword, Meta Description, รูปภาพ, Internal Links, External Links พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขให้ทันที
Google Analytics คือ เครื่องมือที่ใช้วัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดย Google จะทำการวิเคราะห์และเก็บสถิติข้อมูลเชิงลึกของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ ทำให้เจ้าของเว็บไซต์รับรู้ข้อมูลด้านต่าง ๆ และสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ของตนเอง
Core Web Vitals คือ หนึ่งในเกณฑ์การจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าค้นหา โดย Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานมาก และได้นำมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินการติดอันดับบน Search Engine เว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากที่สุดจึงมีโอกาสติดหน้าแรกของการค้นหา
Anchor Text คือ ข้อความหรือประโยคที่เราทำการฝังลิงก์เอาไว้ เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้งานให้ไปยังหน้าเพจหรือเว็บไซต์ที่เราต้องการ ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ในหน้าการค้นหา เพราะทำให้ตัว Google รู้เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
Alternative Text หรือ Alt Text คือ คำอธิบายรูปภาพที่จะไม่แสดงบนหน้าเว็บไซต์ปกติ แต่จะแทรกอยู่ใน HTML Code เพื่อให้ Google เข้าใจความหมายของรูปภาพที่เราอัปโหลด ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO ในหน้าการค้นหา
SEO Youtube คือเทคนิคการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อคลิป (Title), คำอธิบาย (Description) หรือปกวิดีโอ (Thumbnail) ให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ช่วยเพิ่มโอกาสให้คลิปวิดีโอติดอันดับการค้นหาบน Youtube และทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงคอนเทนต์ของตัวธุรกิจได้อย่างง่ายดาย
404 not found คือ หน้าเพจที่แสดงผลผิดพลาดจากการที่ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วไม่พบ URL หรือข้อมูลที่อยู่บน Server ของเว็บไซต์ จึงแสดงผลให้ผู้ใช้งานรู้ว่าหน้าเพจนี้ไม่มีอยู่ ลิงก์อาจเสียหรือหน้าเพจมีปัญหา โดยสาเหตุของการเกิด 404 not found เช่น เปลี่ยนชื่อ URL, เปลี่ยนโดเมนเว็บไซต์, โฮสติ้งมีปัญหา และอื่น ๆ
Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวหรือก็คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink (Off page) ให้กับเว็บไซต์หลักที่เราต้องการโดยเฉพาะ เพื่อให้ Google มองว่าเว็บไซต์หลักมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เป็นการผลักดันให้ตัวเว็บไซต์หลักขึ้นไปติดอันดับ SEO บน Search Engine ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Redirect 301 คือ การเปลี่ยนเส้นทางจาก URL เดิมที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว ไปยัง URL ใหม่ที่เราต้องการใช้แบบถาวร การทำ Redirect 301 จึงเป็นการบอกให้ Google รู้ว่า URL ใหม่ก็คือเว็บไซต์เดิมที่มีตัวตนและยังสามารถคงอันดับเดิมในหน้าค้นหาอีกด้วย
Rich Snippets เป็นฟีเจอร์การแสดงผลบนหน้า Google แบบพิเศษที่ไม่ได้มีเพียง Title และ Description แต่จะมี คำอธิบาย, ราคา หรือคะแนนรีวิวเพิ่มด้วย ซึ่งเป็นการดึงดูดสายตาผู้เข้าชม ทั้งยังกระตุ้นอัตราการคลิกผ่านเว็บไซต์ และหากมีเนื้อหาที่ให้คำตอบกับผู้ใช้งานได้ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO
Long Tail Keywords คือ คำหรือรูปประโยคที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง มักเป็นกลุ่มคำที่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มีการระบุรุ่น ยี่ห้อ ชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้า หรือสถานที่ตั้งต่าง ๆ ไว้ เพื่อให้การค้นหาถูกบีบให้แคบและเจอกับสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Long Tail Keywords จะเป็น Keywords ที่ถูกใช้โดยผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าหรือบริการจริง ๆ หากเราทำให้ Keywords ประเภทนี้ติดอันดับได้ เราก็มีแนวโน้มที่จะขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
Internal Link คือลิงก์ที่เชื่อมต่อไปยังหน้าเพจอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้งานให้ไปยัง Content หรือหน้า Landing Page อื่นที่เราต้องการ ช่วยให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น ซึ่ง Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
External Link คือ การวางลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ Google Bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูล เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งมันจะทำให้ Search Engine มองเว็บไซต์ของเราว่ามีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และมีประโยชน์ เพราะเรามีการอ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกันนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์อีกด้วย
Site Structure คือ โครงสร้างเว็บไซต์ที่คอยบอกว่าเว็บไซต์เรามีเนื้อหาหรือคอนเทนต์แบบใด และมีรูปแบบการเชื่อมโยงภายในอย่างไร ซึ่งถ้าเราทำ Site Structure ดี มันก็จะทำให้ Google Bot เข้ามาจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าเว็บไซต์มี Site Structure ที่ไม่ดี มันก็จะส่งผลเสียต่อการเก็บข้อมูลและเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับ SEO บนหน้าค้นหาของ Google
ไฟล์ WEBP คือ ไฟล์มาตรฐานที่ Google กำหนดขึ้นในช่วงปี 2010 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันสามารถรองรับการทำงานได้แทบทุกเบราว์เซอร์ และไฟล์ WEBP ยังได้รับความนิยมสูง เนื่องจากไฟล์ชนิดนี้จะช่วยให้ขนาดไฟล์เล็กลง แต่คงคุณภาพของรูปได้อย่างดีเยี่ยม โดยเล็กกว่า ไฟล์ jpeg กว่า 25-34% และเล็กกว่าไฟล์ png กว่า 22% โดยประมาณ
Schema Markup คือ โค้ดชุดหนึ่งสำหรับเพิ่มเข้าไปในเว็บไซต์ มีหน้าที่ในการเพิ่มข้อมูลหรือเนื้อหาให้กับ Keywords เพื่อเป็นตัวช่วยให้ Google Bot เก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาหรือคีย์เวิร์ดเกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ที่ติดตั้ง Schema Markup มีโอกาสติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google มากขึ้น
Bounce Rate คือ อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานที่คลิกเพียงหน้าเดียว จากนั้นก็กดปิดทันที โดยไม่มีการคลิกต่อหรือมีส่วนร่วมใด ๆ ค่านี้จึงเปรียบเสมือนตัวชี้วัดเนื้อหาและคุณภาพของตัวเว็บไซต์ ที่ทาง Google นำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับบนหน้าค้นหา
YMYL คือ อัลกอริทึมจากทาง Google ที่สร้างขึ้น เพื่อทำหน้าที่คัดกรองเนื้อหาเฉพาะด้าน เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการเงิน การลงทุน หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองมากขึ้น ดังนั้น ทุกเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องนำเสนอเนื้อหาหรือข้อมูลที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ (ทั้งนี้คำว่า YMYL ย่อมาจากคำว่า “Your Money Or Your Life” ซึ่งแปลว่า “เงินหรือชีวิต” นั่นเอง)
ChatGPT คือ แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาโดยบริษัทวิจัย OpenAI ย่อมาจากคำว่า “Chat” และ “Generative Pre-training Transformer” ตัวแชทบอทถูกออกแบบมาให้ตอบคำถามกับผู้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการทำงานด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
Plugin WordPress คือ ส่วนขยายหรือโปรแกรมเสริมของซอฟต์แวร์บน WordPress ที่จะช่วยเพิ่มหรือขยายฟังก์ชันใหม่ ๆ ให้กับตัวเว็บไซต์ ทำให้นักพัฒนาสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย และช่วยประหยัดเวลาในการทำงานมากยิ่งขึ้น
WordPress คือ โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ประเภท CMS ซึ่งเขียนด้วยภาษา PHP และใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL ถือเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์และปรับแต่งได้อย่างอิสระแม้จะไม่มีความรู้ เพราะมี Plugin และ Theme สำเร็จรูปต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้
Link Building คือ กลยุทธ์การเชื่อมโยงเว็บไซต์อื่น ๆ มายังเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรียกว่า “Backlink” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือให้กับตัวเว็บไซต์ โดยมักจะเชื่อมโยงเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันเป็นหลัก
E-commerce คือ การซื้อ-ขายสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เพราะเป็นธุรกรรมการเงินที่ต้องทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก โดยทั่วไป E-commerce สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) หรือธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer)
Landing Page คือหน้าเว็บไซต์หนึ่งหน้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง เช่น เพื่อนำเสนอสินค้าบริการ, เพื่อโฆษณาส่วนลดโปรโมชัน หรือเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลรับข่าวสาร โดย Landing Page ในแต่ละเว็บไซต์ก็มีหน้าตาและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
LSI Keywords คือการใช้เทคนิคเลือกคำที่สอดคล้องกับ Main Keyword ที่เราต้องการจะโฟกัสหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา เพื่อให้ Google เข้าใจในคอนเทนต์ และบริบทที่เราต้องการจะสื่อมากขึ้น ซึ่งการทำ LSI Keywords ที่ดี จะช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาเจอได้ง่าย และยังช่วยให้หน้าเว็บของเราถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ อีกด้วยถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้
HTTP Status คือ ชุดตัวเลขที่ประกอบเข้าด้วยกัน 3 ตัว มีไว้ตอบกลับจากเซิฟเวอร์เพื่อแจ้งปัญหาต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานทราบ ว่าปัญหาในการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์แล้วไม่ขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร ต้องแก้ไขอย่างไรถึงจะถูกต้อง
การทำ Disavow Links เป็นการปฏิเสธลิงก์ที่ไม่ดีและไม่มีคุณภาพที่ส่งมายังตัวเว็บไซต์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการ Spam Backlink ที่อาจส่งผลให้ตัวเว็บโดนลงโทษได้ แม้ว่าตัวธุรกิจคุณจะไม่ได้ทำลิงก์เหล่านั้นขึ้นมาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลิงก์เหล่านั้นก็ตาม
Search Engine คือ โปรแกรมที่อำนวยความสะดวกเรื่องการหาข้อมูล เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำ วลี หรือประโยค ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยากรู้ Search Engine ก็จะแสดงผลออกมาเป็นเว็บไซต์ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอ นอกจากนี้ ยังมีระบบรวบรวมสถิติการค้นหา และวิเคราะห์ว่าข้อมูลใดเป็นที่นิยม เพื่อจัดลำดับการแสดงผลให้ตรงกับความต้องการในครั้งถัดไป

ต้องทำ SEO นานแค่ไหนเว็บไซต์ถึงจะติดอันดับ? คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะโดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ SEO ให้ติดอันดับการค้นหาบน Google จะใช้เวลาราว ๆ 3-6 เดือน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ส่วนจะติดอันดับช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการทำงาน โดยทาง Cotactic จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของตัวเว็บไซต์ เพื่อวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจคุณ เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด

ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ของการทำ SEO อยู่ได้นาน ปัจจัยสำคัญคือความเข้าใจและความสม่ำเสมอ เพราะถ้าตัวเว็บไซต์ไม่ได้ทำ SEO อย่างต่อเนื่อง หยุดทำไปนานหรือขาดช่วงไปเพียงไม่กี่เดือน มันก็อาจส่งผลโดยตรงต่ออันดับบนหน้าค้นหาและการเข้าถึงของกลุ่มผู้บริโภคได้ ฉะนั้นถ้าหากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและคงทน ตัวเว็บไซต์ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเว็บต้องตกอันดับเมื่อเวลาผ่านไป

การทำ SEO สายขาว เป็นวิธีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ และตรงตามความต้องการของ Search Engine และส่งผลให้ทาง Google มองเว็บไซต์ของเราว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือและมีเนื้อหาที่มีประโยชน์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด ช่วยให้เว็บไซต์ของตัวธุรกิจมีประสิทธิภาพ มีอันดับที่ดีและมั่นคง จนแทบไม่มีโอกาสโดนลงโทษหรือถูกลดอันดับจากทาง Google เลย

พาเจ้าของธุรกิจมารู้จักการทำ SEO สายขาว – สายเทา แตกต่างกันอย่างไร

SEO คือการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Google ผ่านการปรับแต่งโครงสร้างและออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของ Search Engine ส่วน SEM หรือ Search Engine Marketing คือการซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เพื่อให้ตัวเว็บไซต์ขึ้นไปแสดงอยู่บนหน้าแรกของการค้นหา ผ่านการประมูล Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือตัวธุรกิจ การทำ SEM จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาทันที ไม่ต้องรอและใช้เวลานานเหมือนการทำ SEO แต่ SEM จำเป็นต้องจ่ายเงินอยู่ตลอด ไม่เหมือนกับการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้โดยธรรมชาติ

SEO กับ SEM เลือกกลยุทธ์อันไหน ถึงเรียกว่าดี!

สามารถทำได้ ตามจริงแล้วเราควรเลือกทำ SEO และ SEM ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากทั้งคู่มีเป้าหมายในการทำงานแบบเดียวกัน คือการดันเว็บไซต์ให้ขึ้นไปติดอันดับแรกบนหน้าค้นหาของ Google ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการใช้กลยุทธ์ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันจะช่วยอุดช่องโหว่ของกันและกันได้เป็นอย่างดี หากเลือกทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณอาจสูญเสียผลประโยชน์ที่อาจทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้

ในยุคปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้งาน Google ในการค้นหาข้อมูลหรือสิ่งที่ต้องการกันมากขึ้น ซึ่งการทำ SEO นั้นจะช่วยเพิ่มยอด Traffic หรือจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและเข้าถึงธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อมีการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้อง ผู้บริโภคก็จะเจอเว็บไซต์ของคุณบนหน้าค้นหาทันที ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจ เพราะยิ่งมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นเท่านั้น

Voice Search คือฟีเจอร์การค้นหาด้วยเสียง โดยมีเนื้อหาที่ยาวแต่ได้ใจความ รูปประโยคจะดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ Search Engine วิเคราะห์และเข้าใจ Keyword ได้ง่ายขึ้น เป็นการดึงดูดให้ผู้ใช้งานเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้น
Google Algorithm คือ ระบบที่ Google ใช้พิจารณาว่าข้อมูลใดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และควรแสดงในหน้าการค้นหาเป็นลำดับแรก ๆ หากต้องการให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกก็ต้องหมั่นอัปเดตคุณภาพเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Keyword, การสร้าง Backlink, คุณภาพเนื้อหา และปัจจัยอื่น ๆ
Canonical Tag คือ Tag ที่เอาไว้ใส่ URL เพื่อบอกกับ Google Bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูลให้รู้ว่า URL ที่เราใส่ไว้คือหน้าหลักของเว็บไซต์ เพื่อป้องกันไม่ให้คอนเทนต์ที่คล้ายกันปรากฏในหน้าการค้นหา การทำ Canonical Tag จึงช่วยให้ Google มองเว็บไซต์เราว่าเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือ
Google Trends คือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหา Keyword ต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน โดยนำปริมาณการค้นหา Keyword จากการค้นหาบนแหล่งออนไลน์ต่าง ๆ มาคำนวณแล้วแสดงผลเป็นกราฟที่อ่านง่าย เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงว่า Keyword ไหนที่กำลังได้รับความนิยมหรือถูกค้นหามากที่สุด
Google Sitelinks คือ ลิงก์ย่อย ๆ ที่แสดงใต้ Meta Description ในหน้าการค้นหา ซึ่งจะแสดงก็ต่อเมื่อ Google วิเคราะห์แล้วว่าเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน โดย Sitelinks มักปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลด้วยชื่อแบรนด์หรือชื่อเว็บไซต์โดยตรง
Yoast SEO คือ ปลั๊กอินที่มีให้ใช้งานเฉพาะในโปรแกรม WordPress ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถไต่อันดับสูงขึ้นได้บน Search Engine ด้วยการช่วย Optimize SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทั้งในส่วนของ Keyword, Meta Description, รูปภาพ, Internal Links, External Links พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขให้ทันที
Google Analytics คือ เครื่องมือที่ใช้วัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดย Google จะทำการวิเคราะห์และเก็บสถิติข้อมูลเชิงลึกของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ ทำให้เจ้าของเว็บไซต์รับรู้ข้อมูลด้านต่าง ๆ และสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ของตนเอง
Core Web Vitals คือ หนึ่งในเกณฑ์การจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าค้นหา โดย Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานมาก และได้นำมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินการติดอันดับบน Search Engine เว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากที่สุดจึงมีโอกาสติดหน้าแรกของการค้นหา
Anchor Text คือ ข้อความหรือประโยคที่เราทำการฝังลิงก์เอาไว้ เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้งานให้ไปยังหน้าเพจหรือเว็บไซต์ที่เราต้องการ ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ในหน้าการค้นหา เพราะทำให้ตัว Google รู้เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
Alternative Text หรือ Alt Text คือ คำอธิบายรูปภาพที่จะไม่แสดงบนหน้าเว็บไซต์ปกติ แต่จะแทรกอยู่ใน HTML Code เพื่อให้ Google เข้าใจความหมายของรูปภาพที่เราอัปโหลด ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO ในหน้าการค้นหา
SEO Youtube คือเทคนิคการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อคลิป (Title), คำอธิบาย (Description) หรือปกวิดีโอ (Thumbnail) ให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ช่วยเพิ่มโอกาสให้คลิปวิดีโอติดอันดับการค้นหาบน Youtube และทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงคอนเทนต์ของตัวธุรกิจได้อย่างง่ายดาย
404 not found คือ หน้าเพจที่แสดงผลผิดพลาดจากการที่ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วไม่พบ URL หรือข้อมูลที่อยู่บน Server ของเว็บไซต์ จึงแสดงผลให้ผู้ใช้งานรู้ว่าหน้าเพจนี้ไม่มีอยู่ ลิงก์อาจเสียหรือหน้าเพจมีปัญหา โดยสาเหตุของการเกิด 404 not found เช่น เปลี่ยนชื่อ URL, เปลี่ยนโดเมนเว็บไซต์, โฮสติ้งมีปัญหา และอื่น ๆ
Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวหรือก็คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink (Off page) ให้กับเว็บไซต์หลักที่เราต้องการโดยเฉพาะ เพื่อให้ Google มองว่าเว็บไซต์หลักมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เป็นการผลักดันให้ตัวเว็บไซต์หลักขึ้นไปติดอันดับ SEO บน Search Engine ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Redirect 301 คือ การเปลี่ยนเส้นทางจาก URL เดิมที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว ไปยัง URL ใหม่ที่เราต้องการใช้แบบถาวร การทำ Redirect 301 จึงเป็นการบอกให้ Google รู้ว่า URL ใหม่ก็คือเว็บไซต์เดิมที่มีตัวตนและยังสามารถคงอันดับเดิมในหน้าค้นหาอีกด้วย
Rich Snippets เป็นฟีเจอร์การแสดงผลบนหน้า Google แบบพิเศษที่ไม่ได้มีเพียง Title และ Description แต่จะมี คำอธิบาย, ราคา หรือคะแนนรีวิวเพิ่มด้วย ซึ่งเป็นการดึงดูดสายตาผู้เข้าชม ทั้งยังกระตุ้นอัตราการคลิกผ่านเว็บไซต์ และหากมีเนื้อหาที่ให้คำตอบกับผู้ใช้งานได้ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO
Long Tail Keywords คือ คำหรือรูปประโยคที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง มักเป็นกลุ่มคำที่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มีการระบุรุ่น ยี่ห้อ ชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้า หรือสถานที่ตั้งต่าง ๆ ไว้ เพื่อให้การค้นหาถูกบีบให้แคบและเจอกับสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Long Tail Keywords จะเป็น Keywords ที่ถูกใช้โดยผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าหรือบริการจริง ๆ หากเราทำให้ Keywords ประเภทนี้ติดอันดับได้ เราก็มีแนวโน้มที่จะขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
Internal Link คือลิงก์ที่เชื่อมต่อไปยังหน้าเพจอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้งานให้ไปยัง Content หรือหน้า Landing Page อื่นที่เราต้องการ ช่วยให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น ซึ่ง Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
External Link คือ การวางลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ Google Bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูล เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งมันจะทำให้ Search Engine มองเว็บไซต์ของเราว่ามีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และมีประโยชน์ เพราะเรามีการอ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกันนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์อีกด้วย
Site Structure คือ โครงสร้างเว็บไซต์ที่คอยบอกว่าเว็บไซต์เรามีเนื้อหาหรือคอนเทนต์แบบใด และมีรูปแบบการเชื่อมโยงภายในอย่างไร ซึ่งถ้าเราทำ Site Structure ดี มันก็จะทำให้ Google Bot เข้ามาจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าเว็บไซต์มี Site Structure ที่ไม่ดี มันก็จะส่งผลเสียต่อการเก็บข้อมูลและเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับ SEO บนหน้าค้นหาของ Google
ไฟล์ WEBP คือ ไฟล์มาตรฐานที่ Google กำหนดขึ้นในช่วงปี 2010 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันสามารถรองรับการทำงานได้แทบทุกเบราว์เซอร์ และไฟล์ WEBP ยังได้รับความนิยมสูง เนื่องจากไฟล์ชนิดนี้จะช่วยให้ขนาดไฟล์เล็กลง แต่คงคุณภาพของรูปได้อย่างดีเยี่ยม โดยเล็กกว่า ไฟล์ jpeg กว่า 25-34% และเล็กกว่าไฟล์ png กว่า 22% โดยประมาณ
Schema Markup คือ โค้ดชุดหนึ่งสำหรับเพิ่มเข้าไปในเว็บไซต์ มีหน้าที่ในการเพิ่มข้อมูลหรือเนื้อหาให้กับ Keywords เพื่อเป็นตัวช่วยให้ Google Bot เก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาหรือคีย์เวิร์ดเกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ที่ติดตั้ง Schema Markup มีโอกาสติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google มากขึ้น
Bounce Rate คือ อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานที่คลิกเพียงหน้าเดียว จากนั้นก็กดปิดทันที โดยไม่มีการคลิกต่อหรือมีส่วนร่วมใด ๆ ค่านี้จึงเปรียบเสมือนตัวชี้วัดเนื้อหาและคุณภาพของตัวเว็บไซต์ ที่ทาง Google นำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับบนหน้าค้นหา
YMYL คือ อัลกอริทึมจากทาง Google ที่สร้างขึ้น เพื่อทำหน้าที่คัดกรองเนื้อหาเฉพาะด้าน เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการเงิน การลงทุน หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองมากขึ้น ดังนั้น ทุกเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องนำเสนอเนื้อหาหรือข้อมูลที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ (ทั้งนี้คำว่า YMYL ย่อมาจากคำว่า “Your Money Or Your Life” ซึ่งแปลว่า “เงินหรือชีวิต” นั่นเอง)
ChatGPT คือ แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาโดยบริษัทวิจัย OpenAI ย่อมาจากคำว่า “Chat” และ “Generative Pre-training Transformer” ตัวแชทบอทถูกออกแบบมาให้ตอบคำถามกับผู้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการทำงานด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
Plugin WordPress คือ ส่วนขยายหรือโปรแกรมเสริมของซอฟต์แวร์บน WordPress ที่จะช่วยเพิ่มหรือขยายฟังก์ชันใหม่ ๆ ให้กับตัวเว็บไซต์ ทำให้นักพัฒนาสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย และช่วยประหยัดเวลาในการทำงานมากยิ่งขึ้น
WordPress คือ โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ประเภท CMS ซึ่งเขียนด้วยภาษา PHP และใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL ถือเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์และปรับแต่งได้อย่างอิสระแม้จะไม่มีความรู้ เพราะมี Plugin และ Theme สำเร็จรูปต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้
Link Building คือ กลยุทธ์การเชื่อมโยงเว็บไซต์อื่น ๆ มายังเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรียกว่า “Backlink” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือให้กับตัวเว็บไซต์ โดยมักจะเชื่อมโยงเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันเป็นหลัก
E-commerce คือ การซื้อ-ขายสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เพราะเป็นธุรกรรมการเงินที่ต้องทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก โดยทั่วไป E-commerce สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) หรือธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer)
Landing Page คือหน้าเว็บไซต์หนึ่งหน้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง เช่น เพื่อนำเสนอสินค้าบริการ, เพื่อโฆษณาส่วนลดโปรโมชัน หรือเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลรับข่าวสาร โดย Landing Page ในแต่ละเว็บไซต์ก็มีหน้าตาและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
LSI Keywords คือการใช้เทคนิคเลือกคำที่สอดคล้องกับ Main Keyword ที่เราต้องการจะโฟกัสหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา เพื่อให้ Google เข้าใจในคอนเทนต์ และบริบทที่เราต้องการจะสื่อมากขึ้น ซึ่งการทำ LSI Keywords ที่ดี จะช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาเจอได้ง่าย และยังช่วยให้หน้าเว็บของเราถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ อีกด้วยถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้
HTTP Status คือ ชุดตัวเลขที่ประกอบเข้าด้วยกัน 3 ตัว มีไว้ตอบกลับจากเซิฟเวอร์เพื่อแจ้งปัญหาต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานทราบ ว่าปัญหาในการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์แล้วไม่ขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร ต้องแก้ไขอย่างไรถึงจะถูกต้อง
การทำ Disavow Links เป็นการปฏิเสธลิงก์ที่ไม่ดีและไม่มีคุณภาพที่ส่งมายังตัวเว็บไซต์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการ Spam Backlink ที่อาจส่งผลให้ตัวเว็บโดนลงโทษได้ แม้ว่าตัวธุรกิจคุณจะไม่ได้ทำลิงก์เหล่านั้นขึ้นมาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลิงก์เหล่านั้นก็ตาม
Search Engine คือ โปรแกรมที่อำนวยความสะดวกเรื่องการหาข้อมูล เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำ วลี หรือประโยค ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยากรู้ Search Engine ก็จะแสดงผลออกมาเป็นเว็บไซต์ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอ นอกจากนี้ ยังมีระบบรวบรวมสถิติการค้นหา และวิเคราะห์ว่าข้อมูลใดเป็นที่นิยม เพื่อจัดลำดับการแสดงผลให้ตรงกับความต้องการในครั้งถัดไป

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้