Reading Time: 3 Mins
3 Mins
Apr 5, 2023

Rich Snippets คืออะไร ? เทคนิค SEO ที่ทำให้เว็บไซต์น่าสนใจ!

บทความเรื่อง Rich snippets คืออะไร ? เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับเว็บไซต์

เวลาที่เราเสิร์ช Google หาอะไรบางอย่าง เช่น “SEO คืออะไร” “ร้านอาหารใกล้ฉัน” แล้วเจอข้อมูลที่โชว์อยู่บนหน้าเพจ ทั้งพิกัด หรือรายละเอียดต่าง ๆ แบบที่เราแทบไม่ต้องคลิกเข้าไปหาคำตอบในเว็บต่อ มันทั้งสะดวกและมีประโยชน์มากเลยใช่ไหมครับ ? สิ่งนี้แหละครับที่เรียกว่า “Rich snippets” ที่นักการตลาดและบริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress และให้บริการรับทำ SEO หลายแห่งนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มความโดดเด่นและน่าสนใจให้กับเว็บไซต์หรือธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Rich Snippets ว่าคืออะไร มีประโยชน์ต่อการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน รวมถึงตัวอย่างการทำ Rich Snippets SEO ที่คุณควรต้องรู้!

Rich Snippets คืออะไร ?

Rich Snippets คืออะไร บทความจาก Cotactic

Rich snippets หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Google Rich snippets เป็นฟีเจอร์การแสดงผลบนหน้า Google แบบพิเศษที่ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ที่นอกเหนือจาก Title และ Description ไม่ว่าจะเป็น คำอธิบายเพิ่มเติม, ราคา, คะแนนรีวิว หรือสินค้าต่าง ๆ โดยจะแสดงผลอยู่ด้านบนสุดหรือด้านขวามือของหน้าค้นหา

การทำ Rich Snippets มีข้อดีอย่างมากในการดึงดูดสายตาผู้เข้าชม รวมถึงช่วยกระตุ้นอัตราการคลิกผ่านเว็บไซต์ (Clickthrough Rate) และยิ่งถ้าเว็บไซต์ของเราสามารถให้คำตอบกับผู้ใช้งานได้ ก็จะส่งผลดีต่อการจัดอันดับคุณภาพเว็บไซต์และอันดับ SEO ตามไปด้วย

 

ประเภทของ Rich Snippets

ในปัจจุบันนี้ Rich snippets SEO ที่ Google รองรับนั้นมีด้วยกันถึง 31 ประเภท (อ่านรายละเอียด คลิก) ฟังดูเยอะใช่ไหมครับ แต่ความจริงแล้วในบางประเทศ, บางภาษา หรือบางเว็บไซต์ก็ยังไม่มีการรองรับ Rich snippets บางตัว ดังนั้นเราจะขอพูดถึงแค่ 4 ประเภทหลักที่มักพบเจออยู่บ่อยครั้ง ได้แก่

 

 1. Featured Snippet

ตัวอย่างของ Featured Snippet

เป็น Rich snippets ที่เรามักจะคุ้นหน้าคุ้นตาและพบเจอได้บ่อยที่สุด โดย Featured Snippet จะเป็นการแสดงชุดคำตอบสั้น ๆ ประมาณ 1 ย่อหน้า ในคำถามหรือสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการค้นหาที่ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ หรือที่เราเรียกว่า “อันดับ 0” (Position Zero) นั่นเอง และจะมีการไฮไลท์หรือเน้นตัวหนาในส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญ พร้อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์นั้น ๆ ด้านล่าง

Featured Snippet มีข้อดีคือ เหมาะกับเว็บไซต์ทุกประเภท และสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่เหนือคู่แข่งในหน้าค้นหาได้ ในทางกลับกัน หากเว็บไซต์ของคุณมีอันดับ SEO ที่สูงกว่า แต่ Google กลับดึงเว็บไซต์คู่แข่งที่อันดับต่ำกว่าไปแสดงผลก็อาจทำให้เราสูญเสียยอดคลิกและการเข้าถึงจากในส่วนนี้ได้เช่นกัน

 

 2. Review Snippet

Rich snippets - Review Snippet

เป็นรูปแบบการแสดงผลที่เจอได้บ่อยไม่แพ้กับ Featured Snippet โดยจะนำคะแนนรีวิวมาแสดงอยู่ใต้ Description มีข้อดีคือสามารถใช้งานกับเว็บไซต์และเนื้อหาที่หลากหลายและใช้ร่วมกับ snippets แบบอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น บทความ สูตรอาหาร รีวิวร้านอาหารหรือรีวิวสถานที่ เป็นต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์ แต่บางครั้งก็อาจมีการสร้างรีวิวปลอมเพื่อปั๊มคะแนนเว็บไซต์ให้สูงขึ้น ดังนั้น ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการสังเกตโดยเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งอื่นไปพร้อม ๆ กัน

 

 3. Local Business Snippet

หน้าตาของ Local Business Snippet

มักนิยมใช้กับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือร้านค้าต่าง ๆ ที่มีหน้าร้าน โดย Google จะดึงข้อมูลจาก Google Business Profile ของธุรกิจนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น รีวิว, พิกัดร้าน, เวลาทำการ, ฯลฯ และแสดงผลในฝั่งขวามือของ Google SERP ซึ่ง Rich snippets ประเภทนี้มีข้อดีมากสำหรับร้านค้าที่อาจจะยังไม่มีเว็บไซต์โดยตรง เพราะลูกค้าจะยังสามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลที่ระบุไว้ใน snippets รวมถึงช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านรีวิวบนหน้า Google ได้อีกด้วย

 

 4. Product Snippet

ตัวอย่างของ Rich snippets - Product Snippet จาก Cotactic

Rich snippets ประเภทนี้จะใช้กับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีการจำหน่ายสินค้า โดยเวลาที่มีใครเสิร์ชหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่จำหน่ายในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มนั้น ๆ ก็จะมีการแสดงผลในหน้าค้นหา โดยสังเกตได้จากสัญลักษณ์ป้ายแท็กและคำว่า “ผลิตภัณฑ์” ที่มุมซ้ายล่างของรูปภาพ หรือราคาและรีวิวใต้ Description ของเว็บไซต์นั้น ๆ

 

เทคนิคการทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้แสดงผลแบบ Rich Snippets

แม้ว่าการติด Rich snippets บนหน้า Google จะทำให้เราได้พื้นที่ในหน้าค้นหา รวมถึงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่ความจริงแล้วก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าเราควรทำคอนเทนต์ลักษณะไหนถึงจะการันตีได้ว่าจะถูกนำไปแสดงผลแบบ Rich Snippets ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เราจะขอแชร์เทคนิคการทำคอนเทนต์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราถูกพิจารณาให้ขึ้นอันดับ 0 มากขึ้น

  • โดยลองเปรียบเทียบโครงสร้างเว็บไซต์ของเรากับเว็บไซต์ที่ถูกเลือกให้แสดงผลแบบ Rich Snippets ดูว่าแตกต่างกันอย่างไร มีองค์ประกอบหรือการใช้ Keyword ในการค้นหาแบบไหน
  • เน้นการทำคอนเทนต์ในรูปแบบถาม-ตอบ เพราะโดยส่วนใหญ่ Google มักจะเลือกเนื้อหาที่เป็นคำตอบและมีคำอธิบายสั้น ๆ มาแสดงผลมากกว่าเนื้อหาที่อธิบายแบบยาว ๆ
  • ทำ Keyword Research ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยศึกษาจากแท็บ “การค้นหาเพิ่มเติม” ว่าคนทั่วไปจะเสิร์ชหาอะไรที่เกี่ยวกับ Keyword ที่เราจะใช้งานบ้าง
  • มีการแบ่งหัวข้อชัดเจน และทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและประเภท 

 

วิธีเช็ก Rich snippets

วิธีเช็กตัว Rich snippets แสดงผลไหม

เราสามารถเข้าไปทดสอบการแสดงผล Rich Snippets ได้ที่ Rich Result Test โดยกรอก URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการ เลือกว่าจะทดสอบการแสดงผลในสมาร์ทโฟนหรือเดสก์ท็อป และกดปุ่ม URL ทดสอบ จากนั้นรอระบบของ Rich Result Test ประมวลผลประมาณ 1-2 นาที

  • ถ้าหากขึ้นข้อความ “ตรวจพบรายการที่ถูกต้อง” แสดงว่าเว็บไซต์ของเราทำ Rich Snippets เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็รอแค่ให้ Google ดึงข้อมูลไปแสดงในหน้าแรกเท่านั้นเอง
  • แต่ถ้าหากขึ้นข้อความ “ไม่พบรายการ” แสดงว่าคอนเทนต์ของเรานั้นอาจยังไม่ตรงเกณฑ์ที่ Google ต้องการ ควร Recheck และปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสม

 

สรุป

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า Rich snippets นั้น มีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างมาก แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามก็คือคอนเทนต์ที่ดี กระชับ และมีคุณค่า ดังนั้น เราจึงควรโฟกัสทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กัน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการที่ Google จะดึงเว็บไซต์เราขึ้นไปสู่อันดับศูนย์และสร้างความโดดเด่นรวมถึงความน่าเชื่อถือเหนือคู่แข่งนั่นเอง

 

——————————————————————– 

หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก

Iamsnkrs, PAPAYIW

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

LSI Keywords คืออะไร? เผยเทคนิควิธีการใช้ให้ถูกหลัก SEO

วันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์การทำคอนเทนต์ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับให้ Google เข้าใจบริบทของเนื้อหาที่เราต้องการทำ SEO ให้ดีมากยิ่งขึ้น กับการทำ LSI keywords ที่เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง โดย LSI keywords คืออะไร ทำไมถึงต่างจากคีย์เวิร์ดประเภทอื่น ๆ เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดมาให้คุณแล้วในบทความนี้   LSI keywords คืออะไร?   LSI keywords คือการใช้เทคนิคเลือกคำที่สอดคล้องกับ Main keyword หลัก ที่เราต้องการจะโฟกัสหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา เพื่อให้ Google เข้าใจในคอนเทนต์ และบริบทที่เราต้องการจะสื่อ ยกตัวอย่างเช่น เราจะทำบทความเกี่ยวข้องกับการเล่นสงกรานต์ เราอาจจะลองหา Keyword Search Related ที่น่าสนใจ เช่น สงกรานต์ สถานที่จัด, สงกรานต์ ทำอะไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งการทำ LSI keywords ที่ดี จะช่วยให้คนค้นหาเจอได้ง่าย และยังช่วยให้หน้าเว็บของเราถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่บริษัทรับทำ SEO […]

E-commerce คืออะไร? โอกาสทางธุรกิจ บนโลกออนไลน์ ในปี 2023

ในปัจจุบัน ธุรกิจออนไลน์ ดิจิทัลเอเจนซี่ หรือแม้แต่คนทั่วไป น่าจะคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์แบบ E-commerce เป็นอย่างดี หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการจะเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์นี้ E Commerce คือ คำตอบ ซึ่งในบทความนี้ Cotactic รวบรวมความรู้ทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำ Website E-commerce มาให้คุณแล้ว! พร้อมแนะนำเทคนิคทำ E-commerce SEO ฉบับบริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress เพื่อ E-Commerce และบริการรับทำ SEO   E-Commerce คืออะไร E-commerce คือ การซื้อ – ขายสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เพราะเป็นธุรกรรมการเงินที่ต้องทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก โดยทั่วไป E-commerce สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) หรือธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer)   ทำไม E-commerce จึงสำคัญในยุคปัจจุบัน […]