March 1, 2023

Core Web Vitals คืออะไร ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO

Reading Time: 2 minutes

Core Web Vitals คืออะไร

Core Web Vitals ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทาง Google คิดค้นขึ้น เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าค้นหา โดยยกเอาประสบการณ์การใช้งานของตัวเว็บไซต์หรือ UX (User Experiencs) มาเป็นมาตรฐานในการตัดสิน ผ่าน 3 องค์ประกอบหลักอย่าง Largest Contentful Paint (LCP), Cumulative Layout Shift (CLS) และ First Input Delay (FID) ที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างยึดเป็นเกณฑ์ในการทำงาน

 

ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะเป็นเหมือนตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ ว่าโฮมเพจธุรกิจของคุณเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขนาดไหน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ทาง Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นอันดับหนึ่ง หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหา ก็จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงองค์ประกอบเหล่านี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างที่ธุรกิจคุณต้องการ

 

3 ส่วนประกอบหลักของ Core Web Vitals ที่สำคัญกับการทำ SEO

 

1.Largest Contentful Paint (LCP) 

3 ส่วนประกอบหลักของ Core Web Vitals ที่สำคัญกับการทำ SEO

Largest Contentful Paint หรือ LCP คือการวัดค่าความเร็วในการโหลดของตัวเว็บไซต์ โดยมุ่งเน้นไปที่คอนเทนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอ ซึ่งค่า LCP ที่ดีและเหมาะสมควรใช้เวลาโหลดไม่เกิน 2.5 วินาที แต่ถ้าเกิน 4 วินาทีขึ้นไปเมื่อไหร่ เว็บไซต์ของคุณจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โดยปัญหาที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุของการที่เว็บไซต์โหลดช้า มีดังนี้

 

  1. รูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไป เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการย่อไฟล์ของภาพให้มีขนาดเล็กลง หรือ เปลี่ยนสกุลไฟล์ให้เป็น .jpg แทน .png ก่อนอัปโหลดขึ้นเว็บ
  2. นำ JavaScrip ที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ตัวเว็บไซต์มีอัตราการดาวน์โหลดไวขึ้น
  3. ลบ Plugin ที่ไม่ได้ใช้ หาก Plugin ที่ไม่จำเป็นในเว็บไซต์คุณเยอะเกินไปจะทำให้เว็บโหลดช้าขึ้น
  4. เอาไฟล์ CSS ที่ไม่ได้ใช้ออก เพื่อป้องกันไม่ให้เบราวเซอร์ต้องโหลดไฟล์ที่ไม่จำเป็น ทำให้เว็บโหลดช้าลง

 

2.First Input Delay (FID)

First Input Delay หรือ FID

First Input Delay หรือ FID คือการวัดการตอบสนองของคำสั่งต่าง ๆ ของผู้ใช้งานกับตัวเว็บไซต์โฮมเพจ เช่น หลังจากที่ผู้ใช้งานกดปุ่มเปิดหน้าต่อไปตัวเว็บจะใช้เวลาโหลดนานไหม หรือกดปุ่มบนเว็บไซต์แล้วมีการตอบสนองทันทีเลยรึเปล่า ซึ่งตัวเว็บไซต์ที่มีค่า FID ในเกณฑ์ที่ดีนั้นจะมีความเร็วในการตอบสนองอยู่ที่ 0.1 วินาที ไม่นับรวมการซูมหรือการ Scroll เลื่อนขึ้นลง โดยปัญหาที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุของการที่เว็บไซต์มีการตอบสนองช้า มีดังนี้

 

  1. มี Plugin ที่ไม่ได้ใช้ โดยเฉพาะ Plugin Third Party ที่ไม่ได้มาจาก WordPress โดยตรง เพราะมันอาจทำให้เว็บไซต์ตอบสนองช้าลงได้
  2. ขาดการ Optimize JavaScript เป็นประจำ หากพบว่า JavaScript ของหน้าเว็บไซต์ประมวลผลมากเกินไป คุณต้องหมั่นคอยตรวจเช็กและ Optimize อยู่เสมอ ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นและทำไมถึงประมวลผลช้าลง
  3. ออกแบบโครงสร้างบนหน้าเว็บไซต์ไม่ดี ควรทำให้มีความซับซ้อนน้อยที่สุด เพื่อให้ประเมินผลได้เร็วและตอบสนองได้อย่างทันที

 

3.Cumulative Layout Shift (CLS)

Cumulative Layout Shift (CLS) ซึ่งมี Core Web Vitals

Cumulative Layout Shift หรือ CLS คือตัวชี้วัดเพื่อเช็กว่าเว็บเรากระตุกหรือมีความเสถียรมากน้อยแค่ไหน ซึ่งความเสถียรที่ว่าคือรูปแบบ Layout ของส่วนประกอบต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ที่จะมีการเคลื่อนหรือมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างโหลดหน้าเว็บ เช่น ข้อความเบี้ยวไปมา, รูปภาพปรากฏในจุดที่ไม่ได้กำหนดไว้, ปุ่มต่าง ๆ เลื่อนอยู่ตลอดไม่หยุดนิ่ง หรือ โฆษณาเด้งรบกวนผู้ใช้งาน เป็นต้น โดยคะแนนหรือค่าที่วัดออกมาได้นั้นจะไม่เป็นหน่วยวินาทีเหมือนข้อก่อนหน้า แต่มันจะเป็นระยะทางที่ส่วนประกอบบนหน้าเว็บไซต์ขยับหรือเลื่อนไปไกลแค่ไหนระหว่างที่โหลด ซึ่งคะแนนที่ได้นั้นไม่ควรเกิน 0.1-0.25 ครับ โดยปัญหาที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุให้เว็บเรากระตุกนั้น มีดังนี้

 

  1. วางตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ใกล้กันเกินไป เวลาแสดงผลจึงไม่เสถียรและอาจซ้อนทับกันไปมาได้
  2. โครงสร้างเว็บไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานบนโทรศัพท์ อาจเพราะว่าคุณออกแบบโครงสร้างบนหน้าเว็บไซต์โดยไม่รองรับการแสดงผลบนโทรศัพท์ ทำให้การแสดงผลผิดเพี้ยนไปเมื่อเปิดบนหน้าจอที่เล็กกว่า
  3. วาง Layout ของส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ข้อความ หรือตัวโฆษณา ควรกำหนดขนาดทุกอย่างให้แน่นอนและพยายามจัดให้อยู่ในพื้นที่เหมาะสมที่สุด

 

วิธีการตรวจเช็กค่า Core Web Vitals ของเว็บไซต์เรา

 

หลังจากที่เราได้เรียนรู้ถึงความหมายและแนวทางในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับเกณฑ์การทำงานของ Google ไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เราจำเป็นต้องรู้ คือการตรวจเช็กค่า Core Web Vitals ของตัวเว็บไซต์ ว่าเว็บของเรามีคะแนนอยู่ที่เท่าไหร่ จำเป็นต้องปรับปรุงหรือแก้ไขในส่วนไหนไหม เพื่อให้ตัวเว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วย 2 เครื่องมือที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเองอย่าง Page Speed Insights และ Google Search Console

 

Core Web Vitals ของเว็บไซต์เรา

วิธีการใช้ Page Speed Insights ง่าย ๆ ด้วยการใส่ URL เว็บไซต์ลงไป จากนั้นก็กด Analyze

 

Google Search Console เป็นตัวช่วยที่ดีของ Core Web Vitals

แม้การใช้ Google Search Console จะค่อนข้างยุ่งยาก แต่จะวิเคราะห์ภาพรวมและบอกรายละเอียดได้มากกว่า 

 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Core Web Vitals ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คนทำ SEO ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้ Google มองเห็นเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือแล้ว มันยังช่วยให้ลูกค้าใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาติดขัด ทำให้พวกเขาประทับใจและสามารถต่อยอดจนกลายเป็นกิจกรรมการซื้อขายในอนาคตได้ครับ

 

——————————————————————– 

หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

Reading Time: 2 minutes

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

 

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

chalakornberg.com, thegrowthmaster.com

Facebook Comment
บทความที่เกี่ยวข้อง

PBN คืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง ?

Reading Time: 2 minutes การทำ SEO ถือเป็นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานของการทำการตลาดในยุคดิจิทัล ที่จะช่วยดันเว็บไซต์ของตัวธุรกิจให้ขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ บนหน้าค้นหาของ Google ส่งผลให้ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเจอเว็บไซต์หรือรู้จักธุรกิจของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้คงหนีไม่พ้นการทำ PBN หรือ Private Blog Network ที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและได้ผลดีมากยิ่งขึ้น วันนี้ Cotactic จึงอยากพาผู้ประกอบการทุกท่านไปรู้จักกับ PBN กันครับว่ามันคืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง   PBN คืออะไร Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink (Off page) ให้กับเว็บไซต์หลักที่เราต้องการโดยเฉพาะ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาอีกหนึ่งเว็บ จากนั้นก็ทำ Backlink ย้อนกลับไปยังหน้าเพจที่เราต้องการ เพื่อส่งค่าคะแนนความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์หลักของตัวธุรกิจ เพราะยิ่งเราได้ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ ตัว Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์หลักของเรามีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำ SEO […]

รู้จัก 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่เอเจนซี่ชั้นนำเลือกใช้

Reading Time: 3 minutes อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ ถึงจะสามารถทำให้ตัวเว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นอกจากความรู้และประสบการณ์ที่เราต้องมีแล้ว การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม วันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาแนะนำ 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่นักการตลาดและบริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้   1. Google Search Console เครื่องมือ SEO ที่ได้รับความนิยมจากนักการตลาดออนไลน์ทั่วโลก มันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราตรวจสอบคุณภาพและหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ทำให้เราสามารถติดตามผลลัพธ์และดูรายงานการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้คนทำ SEO สามารถปรับปรุงเว็บไซต์และวางกลยุทธ์ในการทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งตัวเครื่องมือยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ   เริ่มต้นใช้งานได้ที่นี่ Google Search Console   2. Google Analytics Google Analytics คือเครื่องมือ SEO ที่ใช้ในการวิเคราะห์และเก็บสถิติต่าง ๆ ของตัวเว็บไซต์ ว่าคนที่กดคลิกเข้ามานั้นเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ เข้ามาผ่านช่องทางไหน […]

404 not found คืออะไร ? ส่งผลแค่ไหนกับการทำ SEO

Reading Time: 3 minutes เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือท่องเว็บไซต์เป็นประจำแล้ว ต้องเคยประสบปัญหาพบเจอหน้าเพจ 404 not found มาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหานี้สร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้ใช้งานมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เราจึงควรหมั่นปรับปรุงและดูแลเว็บไซต์อยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาน่าปวดหัวนี้เกิดขึ้นครับ   วันนี้ Cotactic จึงอยากพาเจ้าของธุรกิจทุกท่านไปรู้จักกับปัญหา 404 not found กันว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร และทำไมเอเจนซี่ที่รับทำ SEO ถึงให้ความสำคัญ   404 not found คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? 404 not found คือ หน้าเพจที่แสดงผลผิดพลาดจากการที่ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วไม่พบ URL ของหน้าเว็บไซต์ หรือไม่พบข้อมูลที่อยู่บน Server ของเว็บไซต์ จึงแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าหน้าเพจนี้ไม่มีอยู่ ลิงก์อาจเสียหรือหน้าเพจมีปัญหา ซึ่งสาเหตุของการเกิด 404 not found นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายกรณีด้วยกัน เช่น  เปลี่ยนชื่อ […]

Reading Time: 3 minutes

Reading Time: 3 minutes