April 25, 2023 Reading Time: 2 minutes

Bounce Rate คืออะไร ? อธิบายตัวชี้วัดที่ส่งผลต่อการทำ SEO

หากจะกล่าวถึงวิธีการประเมินความสำเร็จของเว็บไซต์ วิธีการดูผลลัพธ์ว่าเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่นำเสนอดีหรือไม่ หลายคนเลือกใช้วิธีดูค่า Bounce Rate เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและผลลัพธ์ของเว็บไซต์เรา โดยพิจารณาจากข้อมูลและตัวเลขความเป็นจริง ทั้งนี้ Bounce Rate คืออะไร สูตรคำนวณหาค่าของ Bounce rate ทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ พร้อมเทคนิคง่าย ๆ ในการปรับค่าให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

 

 Bounce Rate คืออะไร

Bounce Rate คืออะไร ?

Bounce Rate คือ อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเพียงหน้าเดียว จากนั้นกดปิดทันที โดยไม่มีการคลิกต่อ หรือการมีส่วนร่วมใด ๆ ดังนั้น ค่าเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนตัววัดเนื้อหาและเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราสามารถปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น

 

 Bounce Rate Google Analytics คือ

Bounce Rate Google Analytics คือ หน่วยการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์จาก Google Analytics โดยระบบจะทำการจำตัวเลขและยอดการเข้าชม ก่อนจะประเมินค่าออกมาเป็น Bounce Rate หรือตัวเลขที่เห็นถึงคุณภาพ ทิศทางของเนื้อหา รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในเว็บไซต์นั้น ๆ 

 

 Bounce Rate สำคัญอย่างไร

 แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเว็บไซต์

ดังที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นได้ว่าค่า Bounce Rate เปรียบเสมือนตัวชี้วัดที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเว็บไซต์ โดยเมื่อคำนวณค่าดังกล่าวออกมาจะแสดงให้เห็นถึงตัวเลข สะท้อนให้เห็นถึงยอดการเข้าชม การมีส่วนร่วม การกดปิด และอื่น ๆ 

ตัวเลขเหล่านี้จะนำไปสู่การวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาหรือคอนเทนต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เมื่อคลิกเข้าเว็บไซต์แล้วกดไปยังหน้าอื่น ๆ ต่อ รวมถึงมองเห็นทิศทางว่าการทำเว็บไซต์หรือเนื้อหาแบบใดจึงจะตอบโจทย์ สร้างความน่าสนใจ และทำให้ Bounce Rate อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งจะจะมีผลต่อการทำ SEO และการทำให้ติดอันดับหน้า Google 

 

 Bounce Rate ที่ดีควรอยู่ที่เท่าไร

Bounce Rate ที่ดีควรอยู่ที่เท่าไร

ตามปกติค่า Bounce Rate กลางจะอยู่ที่ 35-55% ทั้งนี้จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์ ดังนี้

  • เว็บไซต์ E-commerce ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 20-45%
  • เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ Business to Business ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 25-55%
  • เว็บไซต์ทั่วไป ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 30-55% 
  • เว็บไซต์เน้นนำเสนอเนื้อหาต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็น E-commerce ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 35-60%
  • เว็บไซต์ Landing Pages หรือเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล ค่า Bounce Rate ที่ดีคือ 60-90%

 

 สูตรคำนวณหาค่าของ Bounce Rate

สูตรคำนวณหาค่าของ Bounce Rate

วิธีการคำนวณสูตรในเบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยมีสูตรดังนี้

Bounce Rate = อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเพียงหน้าเดียวทั้งหมด/อัตราการคลิกเข้าชมหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด 

 

ทั้งนี้ ผู้ที่รับทำ SEO หลายแห่ง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่นิยมใช้ Bounce Rate Google Analytics ในการตรวจสอบ เนื่องจากสะดวกสบายและสามารถใช้งานได้ฟรี ที่สำคัญยังสามารถดูข้อมูลอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น จำนวนคนเข้าชมแบบเรียลไทม์ อุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานใช้เข้าชมเว็บไซต์ อายุ เพศ เวลาในการเข้าชม ซึ่งนับว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

 

 เทคนิคปรับ Bounce Rate อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เทคนิคปรับ Bounce Rate อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

การที่เว็บไซต์มีค่า Bounce Rate สูงอาจเกิดได้จากหลายกรณี ทางที่ดีจึงควรพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจ รวมถึงปรับเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ เพื่อให้ค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเสมอ โดยในเบื้องต้นสามารถทำตาม 5 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้

 

1. เพิ่ม Page Speed ของเว็บไซต์

Page Speed หรือ ความเร็วของการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อแสดงข้อมูลให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ หากการดาวน์โหลดหน้าหรือการประมวลผลรวดเร็วก็จะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันจะเน้นไปที่ความรวดเร็วเป็นที่ตั้ง เมื่อค้นหาเร็วก็หวังจะพบคำตอบอย่างรวดเร็ว

2. ปรับคุณภาพเนื้อหาให้น่าสนใจและมีคุณภาพ

เนื้อหาเปรียบเสมือนหัวใจหลักของเว็บไซต์ เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็มีความคาดหวังและตั้งใจที่จะเข้ามาในเว็บไซต์เพื่อหาคำตอบ ข้อมูล ความรู้ ดังนั้น คุณภาพเนื้อหาจึงจะต้องมีความน่าสนใจ แม่นยำ น่าเชื่อถือ รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน จนสามารถสร้างความประทับใจและทำให้ผู้ใช้งานนั้น ๆ กลับเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ในครั้งถัดไป

3. การดีไซน์ UX/UI

ความสวยงามของเว็บไซต์และความสะดวกก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหลายคนเลือกใช้งานเว็บไซต์ที่มีรูปแบบการดีไซน์สวยงาม เอื้อต่อการใช้งาน มองเห็นถึงฟังก์ชันหรือเมนูต่าง ๆ ได้โดยง่าย ไม่สร้างความสับสนหรืองุนงงให้กับผู้ใช้งาน

4. แทรกลิงก์ในเนื้อหาเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บอื่น

การแทรกลิงก์ในเนื้อหา เพื่อเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่น ๆ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและอยู่ในหน้าในเว็บไซต์ได้นานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจจะต้องแทรกลิงก์เนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ และจะต้องไม่ลืมทำเนื้อหาหรือคอนเทนต์ให้น่าสนใจควบคู่ไปด้วย 

5. ปรับหน้าเว็บให้เป็น Mobile Friendly 

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก เนื่องจากสะดวกสบาย พกติดตัวไปได้ทุกที่ เมื่ออยากรู้หรือต้องการค้นหาบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำได้ทันทีผ่านโทรศัพท์มือถือของตนเอง ดังนั้น เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการอยู่บนหน้าเว็บไซต์และการมีส่วนร่วมแทนที่จะกดออก จะต้องไม่ลืมที่จะปรับหน้าเว็บให้สะดวก รองรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย

 

 สรุป

Bounce Rate คือ ตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ที่ไม่ควรมองข้าม และควรตรวจสอบค่าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานยิ่งขึ้น และมีการคลิกต่อไปยังหน้าต่าง ๆ โดยอาจจะปรับตาม 5 เทคนิคในเบื้องต้น ก็จะช่วยให้ค่า Bounce Rate ในเกณฑ์ที่ดี แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อการทำ SEO รับรองว่าเว็บไซต์จะติดอันดับบนหน้า Google ได้ไม่ยาก

 

——————————————————————– 

หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

 

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

jobsdb.com, admeadme.co

Facebook Comment
บทความที่เกี่ยวข้อง

LSI keywords คืออะไร ทำไมถึงต่างจากคีย์เวิร์ดประเภทอื่นๆ

วันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์การทำคอนเทนต์ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับให้ Google เข้าใจบริบทของเนื้อหาที่เราต้องการทำ SEO ให้ดีมากยิ่งขึ้น กับการทำ LSI keywords ที่เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง โดย LSI keywords คืออะไร ทำไมถึงต่างจากคีย์เวิร์ดประเภทอื่น ๆ เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดมาให้คุณแล้วในบทความนี้   LSI keywords คืออะไร?   LSI keywords คือการใช้เทคนิคเลือกคำที่สอดคล้องกับ Main keyword หลัก ที่เราต้องการจะโฟกัสหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา เพื่อให้ Google เข้าใจในคอนเทนต์ และบริบทที่เราต้องการจะสื่อ ยกตัวอย่างเช่น เราจะทำบทความเกี่ยวข้องกับการเล่นสงกรานต์ เราอาจจะลองหา Keyword Search Related ที่น่าสนใจ เช่น สงกรานต์ สถานที่จัด, สงกรานต์ ทำอะไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งการทำ LSI keywords ที่ดี จะช่วยให้คนค้นหาเจอได้ง่าย และยังช่วยให้หน้าเว็บของเราถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่บริษัทรับทำ SEO […]

Landing Page คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Landing Page กันแล้ว แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า Landing Page คือ อะไร มีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกกับประโยชน์ของ Landing Page ในทุกแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้   Landing Page คืออะไร Landing Page คือหน้าเว็บไซต์หนึ่งหน้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง เช่น เพื่อนำเสนอสินค้าบริการ, เพื่อโฆษณาส่วนลดโปรโมชั่น หรือเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลรับข่าวสาร โดย Landing Page ในแต่ละเว็บไซต์ก็มีหน้าตาและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป   เพราะอะไร Landing Page จึงจำเป็นต้องมี 1.ช่วยกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากในหนึ่งหน้า Landing Page เราสามารถแจ้งโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ทันที ยิ่งหน้าตามีดีไซน์ที่สวยงาม หรือมีความน่าสนใจมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น   2.ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจ การทำ Landing Page อย่างชาญฉลาดจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าทำในสิ่งที่ตัวธุรกิจต้องการ เช่น สั่งซื้อสินค้าและบริการ, กรอกข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิก หรือ ติดต่อสื่อสารเพื่อพูดคุยกับตัวธุรกิจโดยตรง […]

E commerce คือ อะไร ? พร้อมวิธีทำ SEO ให้กับ E-commerce

ในปัจจุบัน ธุรกิจออนไลน์ ดิจิทัลเอเจนซี่ หรือแม้แต่คนทั่วไป น่าจะคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์แบบ E-commerce เป็นอย่างดี หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการจะเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์นี้ E Commerce คือ คำตอบ ซึ่งในบทความนี้ Cotactic รวบรวมความรู้ทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำ Website E-commerce มาให้คุณแล้ว! พร้อมแนะนำเทคนิคทำ E-commerce SEO ฉบับบริษัทรับทำ SEO   E-commerce คืออะไร E-commerce คือ การซื้อ – ขายสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เพราะเป็นธุรกรรมการเงินที่ต้องทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก โดยทั่วไป E-commerce สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) หรือธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer)   ทำไม E-commerce จึงสำคัญในยุคปัจจุบัน 1. ต้นทุนในการจัดการและการบริหารที่ต่ำ แค่คุณมีหน้าร้านผ่านทางออนไลน์ ทุกคนก็สามารถดำเนินธุรกิจ […]