February 17, 2023

Canonical Tag คืออะไร ตัวช่วยสำคัญที่คนทำ SEO ไม่ควรมองข้าม

Reading Time: 3 minutes

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการทำ SEO คือกลยุทธ์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพราะมันเป็นเพียงไม่กี่วิธีที่จะช่วยให้ตัวเว็บไซต์ติดอันดับในหน้าค้นหาบน Google โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดงบประมาณได้อย่างมหาศาลแล้ว มันยังช่วยให้ตัวธุรกิจสามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 

 

โดยคนที่กำลังทำ SEO อยู่นั้นคงต้องเคยได้ยินคำว่า Canonical Tag มาบ้าง และอาจสงสัยว่ามันคืออะไร มีความสำคัญมากน้อยขนาดไหน วันนี้ Cotactic จึงได้รวบรวมข้อมูลและวิธีการทำ Canonical Tag ฉบับเข้าใจง่าย มาให้ทุกคนได้ลองอ่านและศึกษากันดูครับ

 

Canonical Tag คืออะไร มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร

Canonical Tag คืออะไร มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร

Canonical Tag คือ Tag ที่เอาไว้ใส่ URL เพื่อบอกกับ Google Bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูลให้รู้ว่า URL ที่เราใส่ไว้คือหน้าหลักของเว็บไซต์ ที่เราต้องการให้แสดงผลบนหน้าค้นหาเมื่อมีคนค้นหาด้วย Keyword เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ Google ทำการ Index ข้อมูลของเราผิดหน้า เนื่องจากมีหน้าเพจ (คอนเทนต์) หรือ URL ที่คล้ายกันมากเกินไป ซึ่งถ้าเราไม่ทำการ Canonical Tag อย่างถูกต้อง มันก็อาจส่งผลให้หน้าเว็บที่เราไม่ต้องการถูก Index แทนหน้าเว็บที่เราต้องการ พอมีคนค้นหา Keyword บน Google อัลกอริทึมก็จะแสดงหน้าเพจที่เราไม่ต้องการขึ้นมาโชว์แทนหน้าหลักที่สำคัญจริง ๆ นั่นเองครับ

 

โดยการทำ Canonical Tag นั้น นอกจากจะช่วยให้ Google ทำการ Index หน้าเพจหรือตัวคอนเทนต์ได้อย่างถูกต้องแล้ว มันยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา Duplicate content (ข้อมูลเนื้อหาซ้ำ) ที่เราไม่ได้ตั้งใจได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ตัว Google มองเห็นเว็บไซต์เราเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพที่เราไม่ควรมองข้ามครับ

 

วิธีการใส่ Canonical Tag ใน WordPress

 

1.ติดตั้ง Plug-in Yoast SEO บน WordPress

หน้าตาเว็บไซต์ yoast seo 

2.เลือกหน้าเพจที่ต้องการใส่ Canonical tag 

เลือกเพจที่ต้องการใส่ Canonical tag

3.เลื่อนลงมาด้านล่าง กดเข้าไปในส่วนของ Advanced

หน้าตาของ Yoast ในส่วนของการใส่ title, slug และ meta description

4.ใส่ URL ที่เราต้องการให้ Index ในช่อง Canonical URL

URL ที่เราต้องการให้ Index ในช่อง Canonical URL

หลังจากใส่ URL แล้วเรียบร้อย เราสามารถติดตั้งส่วนเสริมของ Google Chrome ที่ชื่อ Moz bar เพื่อเช็กได้ว่า Canonical Tags ทำงานถูกต้องเรียบร้อยแล้วหรือยัง โดยคลิกไปที่ General Attributes แล้วดูข้อมูลในส่วนของ Rel=“canonical” ว่า URL อ้างอิงถูกต้องไหม

หน้าตา MOZ SEO Tool

 

เว็บไซต์แบบไหนที่ควรใช้ Canonical Tag

 

1.เว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ซ้ำหรือใกล้เคียงกันเยอะ ๆ 

เว็บไซต์แบบไหนที่ควรใช้ Canonical Tag

หากธุรกิจของคุณขายสินค้าหรือบริการเฉพาะทางในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ Content บนเว็บไซต์จะเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงหรือมีปริมาณซ้ำกันมาก จนทำให้เกิดปัญหา Duplicate content ขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจ การทำ Canonical Tag จะเป็นการช่วยป้องกันปัญหานี้ไม่ให้เกิดขึ้น ต่อให้แต่ละหน้าใช้ Keyword เหมือนกันเยอะแค่ไหน หน้าเว็บหลักของเราก็จะถูก Index อย่างถูกต้องแน่นอน ซึ่ง Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและเชื่อถือได้

 

2.เว็บไซต์ที่มีรายละเอียดสินค้าคล้ายกันเยอะ ๆ 

ธุรกิจจะมีหน้าเว็บไซต์ขายสินค้า

เชื่อว่าหลายธุรกิจจะมีหน้าเว็บไซต์ขายสินค้าเป็นของตัวเอง ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เว็บไซต์ของคุณจะมีหลายหน้าเว็บเพจเพื่อรองรับสินค้าในรุ่นและขนาดต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากคุณรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้าเพจที่มีรายละเอียดสินค้าที่คล้ายกันเยอะ ๆ คุณก็ควรทำ Canonical Tag เพื่อบอกกับ Google ว่าหน้าไหนเป็นหน้าหลัก ผู้บริโภคที่ค้นหาสินค้าจะได้เจอหน้าเว็บที่ถูกต้องอย่างที่พวกเขาต้องการ

 

ศึกษาเทคนิค ลงโฆษณา Google เพื่อขายสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

 

3.URL parameters

 URL parameters ทำให้เว็บไซต์มี URL เพื่อให้ Google ทำการ Index ข้อมูล

หากเว็บไซต์ของธุรกิจคุณมีการติดตั้ง UTM หรือ URL parameters เพื่อติดตามข้อมูลผู้ใช้งานในจุดประสงค์ต่าง ๆ มันก็จะทำให้เว็บไซต์คุณมี URL จำนวนมาก คุณก็ควรทำ Canonical Tag ไว้ เพื่อให้ Google ทำการ Index ข้อมูลอย่างถูกต้องครับ

 

ข้อควรระวังในการใช้ Canonical Tag 

  • อย่าใส่ Canonical Tag มากกว่าหนึ่ง Tag ในหน้าเดียวกัน เจ้าของเว็บไซต์ต้องคอยเช็กให้ดี เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้จาก Plug-in ที่เราใช้โดยไม่รู้ตัว
  • อย่าใส่ Canonical Tag ที่เป็น URL เดียวกันในทุกหน้าเพจของตัวเว็บไซต์ 
  • ต้องใส่ URL แบบเต็ม ๆ หรือ Exact URL ระวังอย่าใส่ URL แบบย่อ
  • ตรวจเช็ก URL ที่ใส่ให้ดี อย่าใส่ URL ผิดเพราะอาจส่งผลเสียต่อตัวเว็บไซต์ได้
  • อย่าทำ Canonical Tag ต่อกันเป็นลูกโซ่ เพราะจะทำให้การทำ SEO เกิดความผิดพลาดได้

การทำ Canonical Tag นั้นเป็นอะไรที่ต้องระวังเพราะถ้าคุณใส่พลาดมันก็อาจจะส่งผลเสียมากกว่าดีครับ ถ้าหากใช้บริการรับทำ SEO โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ที่สามารถจัดการให้คุณเบ็ดเสร็จ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวัลอีกต่อไปครับ

——————————————————————– 

หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

Reading Time: 3 minutes

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

seo-web.aun-thai.co.th, nerdoptimize.com, padveewebschool.co

Facebook Comment
บทความที่เกี่ยวข้อง

PBN คืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง ?

Reading Time: 2 minutes การทำ SEO ถือเป็นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานของการทำการตลาดในยุคดิจิทัล ที่จะช่วยดันเว็บไซต์ของตัวธุรกิจให้ขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ บนหน้าค้นหาของ Google ส่งผลให้ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเจอเว็บไซต์หรือรู้จักธุรกิจของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้คงหนีไม่พ้นการทำ PBN หรือ Private Blog Network ที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและได้ผลดีมากยิ่งขึ้น วันนี้ Cotactic จึงอยากพาผู้ประกอบการทุกท่านไปรู้จักกับ PBN กันครับว่ามันคืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง   PBN คืออะไร Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink (Off page) ให้กับเว็บไซต์หลักที่เราต้องการโดยเฉพาะ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาอีกหนึ่งเว็บ จากนั้นก็ทำ Backlink ย้อนกลับไปยังหน้าเพจที่เราต้องการ เพื่อส่งค่าคะแนนความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์หลักของตัวธุรกิจ เพราะยิ่งเราได้ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ ตัว Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์หลักของเรามีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำ SEO […]

รู้จัก 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่เอเจนซี่ชั้นนำเลือกใช้

Reading Time: 3 minutes อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ ถึงจะสามารถทำให้ตัวเว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นอกจากความรู้และประสบการณ์ที่เราต้องมีแล้ว การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม วันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาแนะนำ 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่นักการตลาดและบริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้   1. Google Search Console เครื่องมือ SEO ที่ได้รับความนิยมจากนักการตลาดออนไลน์ทั่วโลก มันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราตรวจสอบคุณภาพและหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ทำให้เราสามารถติดตามผลลัพธ์และดูรายงานการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้คนทำ SEO สามารถปรับปรุงเว็บไซต์และวางกลยุทธ์ในการทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งตัวเครื่องมือยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ   เริ่มต้นใช้งานได้ที่นี่ Google Search Console   2. Google Analytics Google Analytics คือเครื่องมือ SEO ที่ใช้ในการวิเคราะห์และเก็บสถิติต่าง ๆ ของตัวเว็บไซต์ ว่าคนที่กดคลิกเข้ามานั้นเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ เข้ามาผ่านช่องทางไหน […]

404 not found คืออะไร ? ส่งผลแค่ไหนกับการทำ SEO

Reading Time: 3 minutes เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือท่องเว็บไซต์เป็นประจำแล้ว ต้องเคยประสบปัญหาพบเจอหน้าเพจ 404 not found มาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหานี้สร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้ใช้งานมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เราจึงควรหมั่นปรับปรุงและดูแลเว็บไซต์อยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาน่าปวดหัวนี้เกิดขึ้นครับ   วันนี้ Cotactic จึงอยากพาเจ้าของธุรกิจทุกท่านไปรู้จักกับปัญหา 404 not found กันว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร และทำไมเอเจนซี่ที่รับทำ SEO ถึงให้ความสำคัญ   404 not found คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? 404 not found คือ หน้าเพจที่แสดงผลผิดพลาดจากการที่ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วไม่พบ URL ของหน้าเว็บไซต์ หรือไม่พบข้อมูลที่อยู่บน Server ของเว็บไซต์ จึงแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าหน้าเพจนี้ไม่มีอยู่ ลิงก์อาจเสียหรือหน้าเพจมีปัญหา ซึ่งสาเหตุของการเกิด 404 not found นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายกรณีด้วยกัน เช่น  เปลี่ยนชื่อ […]

Reading Time: 3 minutes

Reading Time: 3 minutes