Reading Time: 3 Mins
3 Mins
Mar 15, 2023

Digital Nomad คืออะไร? อาชีพยุคใหม่ ทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก!

Digital Nomad คืออะไร รู้จักอาชีพยุคใหม่ที่ทั่วโลกจับตามอง

Digital Nomad คืออะไร ?

Digital Nomad คือ ชื่อเรียกของสายอาชีพที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องมีสถานที่ทำงานประจำ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตกับโน้ตบุ๊กดี ๆ สักเครื่อง ก็สามารถรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ตลอดเวลา แต่สายอาชีพนี้ก็ไม่ใช่สายอาชีพใหม่หรือพึ่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด บางอาชีพก็เป็นสิ่งที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เช่น นักเขียน, กราฟิกดีไซน์, ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ หรือนักพัฒนาเว็บไซต์ ซึ่งส่วนมากแล้วกลุ่มอาชีพเหล่านี้ก็จะเป็นฟรีแลนซ์หรืออาชีพที่สามารถทำงานแบบ Remote Work ได้เสียเป็นส่วนใหญ่ 

แต่ในยุคปัจจุบันหลังจากวิกฤติ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เริ่มผ่านพ้นไป องค์กรมากมายทั่วโลกต่างเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ ให้มีความคล้ายคลึงกับแนวทางของ Digital Nomad มากขึ้น บ้างก็เริ่มที่จะ Work From Home กันแบบเต็มตัว บ้างก็ยืดหยุ่นวันเข้าออฟฟิศตามความเหมาะสม เพราะเจ้าของธุรกิจหลายท่านเล็งเห็นแล้วว่า การทำงานนอกสถานที่โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศนั้น ไม่ได้ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานแต่อย่างใด นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Digital Nomad กลายเป็นสายอาชีพที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก 

 

จุดเด่นและข้อดีของการเป็น Digital Nomad

จุดเด่นของการเป็น Digital Nomad

1.ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก

สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง หรือพักอาศัยไม่เป็นหลักแหล่ง สายอาชีพ Digital Nomad จะเหมาะกับคุณเป็นพิเศษ เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาทำงานที่ออฟฟิศ อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ขอเพียงแค่มีอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต แม้จะฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่คนที่จะทำสายอาชีพนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมากพอตัว เพราะนอกจากเรื่องเดินทางท่องเที่ยวแล้ว คุณยังต้องแบ่งเวลามาจัดการงานที่ได้รับมอบหมายให้ทันตามเวลาที่กำหนดอีกด้วย

 

2.ร่วมงานกับบริษัทต่างชาติ

Digital Nomad สามารถรับงานมาทำจากบริษัทต่างประเทศได้ ซึ่งนอกจากจะได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้นแล้ว มันยังช่วยเปิดโอกาสให้เรารับงานที่มีความหลากหลายและมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ทำให้เรามีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง พัฒนาความสามารถ สะสมประสบการณ์ และนำไปต่อยอดในสายอาชีพได้ตามความต้องการ ถือเป็นไม่กี่สายอาชีพที่สามารถเลือกรับงานจากต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน

 

3.ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา

Digital Nomad สามารถจัดเวลาในการทำงานได้ด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขาไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาไม่มีเวลาเข้างาน ไม่มีเวลาเลิกงาน หากต้องการจะทำงานเวลาไหนก็สามารถทำได้เลยในทันที ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้งานความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ ไม่มีกรอบเรื่องเวลามาคอยกดดัน สามารถแบ่งเวลาที่เหลือไปจัดการเรื่องอื่น ๆ ได้ตามแต่ใจต้องการ

 

4.ฝึกความรับผิดชอบ

แม้จะฟังดูน่าอิจฉา แต่ Digital Nomad ก็เป็นหนึ่งในสายอาชีพที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะต้องคอยจัดการงานทั้งหมดให้เสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด ต้องคอยแบ่งเวลาให้เหมาะสม อย่าให้การท่องเที่ยวหรือการเดินทางมากระทบกับงานที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนั้นยังต้องคอยรักษาคุณภาพงานให้ดีอยู่เสมอ หากงานของคุณมีคุณภาพที่ต่ำลง มันก็อาจส่งผลให้งานหดหายและไม่มีใครจ้างได้ในอนาคต 

 

5 อาชีพ Digital Nomad ที่มาแรงในยุคปัจจุบัน

 

1.โปรแกรมเมอร์

อาชีพ Digital Nomad ที่มาแรง

อย่างที่ทราบกันดีว่าอาชีพที่สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลและเป็นที่ต้องการในยุคดิจิทัลนั้น คงหนีไม่พ้นอาชีพโปรแกรมเมอร์ ที่มีหน้าที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ควบคุมระบบ ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถในการทำงานสูง มีความละเอียด มีความรับผิดชอบ และมีความสมบูรณ์แบบในระดับหนึ่ง โดยโปรแกรมเมอร์ที่เลือกเดินสาย Digital Nomad นั้นเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจากงานสายนี้มีผลตอบแทนสูง เลือกรับงานได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในออฟฟิศเท่านั้น

 

ข้อดีของอาชีพโปรแกรมเมอร์

  • ค่าตอบแทนสูง เนื่องจากเป็นอาชีพเฉพาะทาง ต้องอาศัยความรู้และความสามารถในระดับเชี่ยวชาญ จึงทำให้งานสายนี้มีค่าตอบแทนสูงเป็นอันดับต้น ๆ 
  • ทำงานที่ไหนก็ได้ แค่มีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้ทุกที่ แทบไม่มีข้อจำกัดเลย
  • เป็นที่ต้องการของตลาด หากคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่งและมีความสามารถ ก็แทบจะรับประกันได้เลยว่าคุณจะมีงานทำตลอดแน่นอน เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องการตัวอย่างมากในยุคปัจจุบัน

 

2.นักเขียน

ปัจจุบันมีนักเขียนมากมายเริ่มหันมาเดินสาย Digital Nomad

ในปัจจุบันมีนักเขียนมากมายเริ่มหันมาเดินสาย Digital Nomad กันมากขึ้น เพราะงานเขียนเป็นงานสร้างสรรค์ที่ไม่จำกัดสถานที่และเวลาในการทำงาน สามารถทำเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ได้ตามใจผู้เขียน การที่ตัวนักเขียนสามารถเลือกเวลาในการทำงานได้เองนั้น จะช่วยให้พวกเขาจัดการงานที่ได้รับมอบหมายได้ดียิ่งขึ้น ไม่มีกรอบหรือข้อจำกัดใดมาคอยกดดัน ทำให้งานที่ถูกคิดออกมามีคุณภาพและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

 

ข้อดีของอาชีพนักเขียน

  • มีโอกาสเขียนงานที่หลากหลาย นักเขียนอิสระมีโอกาสที่จะได้เขียนงานที่หลากหลาย ไม่น่าเบื่อหรือซ้ำซากจำเจ เพราะในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการทำ Content Marketing หลายธุรกิจต่างก็ต้องการสร้างเนื้อหาดี ๆ ลงเว็บไซต์ทั้งนั้น ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่นักเขียนจะได้จับงานที่หลากหลายตลอดทั้งปี
  • ทำงานง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ อาชีพนักเขียนสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แค่มีอินเทอร์เน็ตกับคอมพิวเตอร์ดี ๆ สักเครื่องก็สามารถทำได้แล้ว และต่อให้ไม่มีคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์สมาร์ตโฟนก็สามารถทดแทนอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน
  • ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา ยิ่งนักเขียนรับงานหลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากขึ้นเท่านั้น เพราะงานเขียนจำเป็นต้องทำการค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเขียนแทบจะตลอดเวลานั่นเอง

 

3.ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์

Digital nomad ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์

ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำการตลาดออนไลน์ ที่สามารถคิดกลยุทธ์หรือวางแผนการตลาดที่มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ สร้างโอกาสในการขาย และสามารถสร้างกำไรได้ ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้บางส่วนจึงเริ่มหันมาเดินสาย Digital Nomad กันมากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถจัดการงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเข้าหรืออยู่ที่ออฟฟิศ พวกเขาสามารถทำงานได้จากทุกที่เพียงแค่มีโน้ตบุ๊กและอินเทอร์เน็ต

 

ข้อดีของอาชีพที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์

  • มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ที่หลากหลาย ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์มีโอกาสร่วมงานกับธุรกิจมากมาย ได้ทำงานที่มีความหลากหลาย มีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา
  • ได้ร่วมงานกับคนใหม่ ๆ เนื่องจากที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ต้องเข้าไปร่วมงานกับธุรกิจมากมาย ก็ทำให้มีโอกาสที่จะได้รู้จักคนใหม่ ๆ ตลอดเวลา
  • ทำงานได้อย่างอิสระไม่จำกัดสถานที่ สายงานการตลาดออนไลน์สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แทบไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ในการทำงาน ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตและโน้ตบุ๊กก็สามารถทำงานได้แล้ว

 

4.กราฟิกดีไซน์

กราฟิกดีไซน์หันมาเป็น Digital Nomad มากขึ้น

กราฟิกดีไซน์คือผู้ออกแบบภาพและตัวอักษร เพื่อใช้ในการทำ Marketing การทำโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์สื่อสารในส่วนต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาชีพที่เริ่มหันมาเป็น Digital Nomad กันมากขึ้น เพราะตัวเนื้องานนั้นมีความยืดหยุ่นและมีอิสระในการทำงานสูง สามารถทำงานจากสถานที่ใดในโลกก็ได้ ซึ่งการเป็น Digital Nomad จะช่วยให้คนทำงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีเวลามากพอที่จะใช้ชีวิตและสร้างผลงานได้ตามความต้องการ

 

ข้อดีของอาชีพกราฟิกดีไซน์

  • มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง กราฟิกดีไซน์สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก ไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดเวลา แค่มีอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กก็สามารถทำงานได้ทันที
  • ทำงานกับความคิดสร้างสรรค์ กราฟิกดีไซน์ต้องทำงานกับความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา เนื้องานจึงมีความหลากหลาย ไม่น่าเบื่อหรือซ้ำซากจำเจ 
  • มีโอกาสพัฒนาตัวเองตลอดเวลา กราฟิกดีไซน์เป็นอาชีพที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย ทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

 

5.Youtuber

youtuber เป็นอาชีพที่เหมาะกับเทรนด์นี้มาก ๆ

Youtuber ถือเป็นอาชีพที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Digital Nomad ได้อย่างเต็มตัว เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ไม่มีเวลาเข้างาน ออกงาน หรือมีวันหยุดที่ชัดเจน พวกเขาสามารถทำงานที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาหรือคอนเทนต์ให้ออกมาในทิศทางใดก็ได้ตามความต้องการ นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพในยุคปัจจุบันที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายทั่วโลก 

 

ข้อดีของอาชีพ Youtuber

  • ค่าตอบแทนสูง ยิ่งสร้างคอนเทนต์ออกมาดีและมีคนดูมากเท่าไหร่ ค่าตอบแทนที่เราจะได้ก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น
  • ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา Youtuber เป็นอาชีพที่จะได้ลองคิดลองทำอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพื่อนำประสบการณ์ที่ได้มาสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์
  • ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาหรือสถานที่ Youtuber สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีกรอบหรือข้อจำกัดมาคอยปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์

 

สรุปเทรนด์อาชีพยุคใหม่

Digital Nomad นั้นอาจเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคนที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง อยากทำงานที่มีความยืดหยุ่น หรือสามารถกำหนดเวลาทำงานได้ด้วยตัวเอง แต่สายอาชีพนี้ก็จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบและความตั้งใจที่สูง เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำงานให้เสร็จไปพร้อม ๆ กับการท่องเที่ยวได้ นอกจากความตรงต่อเวลาที่ต้องมีแล้ว คุณภาพของงานที่เราทำต้องออกมาดีและสมบูรณ์แบบด้วย หากงานที่ทำมีข้อผิดพลาดหรือปิดงานได้ไม่เรียบร้อย มันก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจนทำให้งานหดหายได้ในอนาคต ดังนั้นใครก็ตามที่คิดจะประกอบอาชีพนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบและศักยภาพในการทำงาน ให้สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ในระยะยาว

 

——————————————————————– 

หากคุณต้องการที่ปรึกษาการรับทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

scb.co.th, contentshifu.com, business.dtac.co.th

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

Customer Experience คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจอย่างไร

ในการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของกิจการต้องคิดถึงคือ ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ หรือ Customer Experience (CX) การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าคือหัวใจที่ทำให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้ลูกค้าทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีจากธุรกิจเกิดการซื้อซ้ำและพัฒนาไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องทำความเข้าใจว่าอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้าง Customer Experience ได้ และ Customer Experience แตกต่างจาก ‘ประสบการณ์ผู้ใช้’ หรือ User Experience (UX) อย่างไร   Customer Experience คือ อะไร ? Customer Experience (CX) คือการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดของลูกค้าที่มีกับแบรนด์ รวมถึงการค้นหาในเว็บไซต์, การซื้อสินค้าหรือบริการ, การให้บริการหลังการขาย ฯลฯ ซึ่งในการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ของเรานั้น ช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ซึ่งหลอมรวมกันกลายเป็นประสบการณ์และภาพจำทั้งหมดของแบรนด์ แตกต่างจาก User Experience (UX) อย่างไร หลายคนอาจสับสนระหว่าง ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ Customer Experience (CX) และ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้งาน’ User Experience (UX) […]

Conversion คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจออนไลน์อย่างไร พร้อมวิธีวัดผล

การทำ Digital Marketing ต้องอาศัยการวัดผลที่ตรงกับการดำเนินงานอย่างแม่นยำ จะเกิดอะไรขึ้นหากธุรกิจไม่มีการวัดผลการดำเนินงาน ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะสูญเสียงบประมาณไปโดยที่ไม่รู้ว่าจ่ายไปกับกิจกรรมการตลาดใดบ้าง มีใครมาสนใจสั่งซื้อสินค้าเท่าไหร่ Conversion Tracking จึงเข้ามามีบทบาทต่อการวัดผล เช่น วัดผลการซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก การสมัครรับข้อมูลข่าวสารทางอีเมล การเข้ามาอ่านบทความ การดาวน์โหลด หรือการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ การวัดผลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าสินค้าใดหรือ Landing Page หน้าไหนมีคนคลิกเข้ามาสนใจมากที่สุด Conversion คืออะไร? Conversion คือการกระทำใด ๆ ของกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่สนใจสินค้าบริการของเรา ที่เราได้วางเงื่อนไขในการเก็บข้อมูลของแต่ละ Conversion ไว้ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการทำงาน เช่น การทำ Call to Action (CTA) เพื่อ Tracking, ข้อมูลในส่วนของ Purchase : จำนวนการสั่งซื้อ, Leads : ลูกค้าใหม่ที่เข้ามา, Sign up : จำนวนคนที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ หรือ Submit form […]