click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

การทำ Redirect เป็นคำที่เจ้าของเว็บไซต์ นักการตลาดสาย SEO หรือ Website Developer คงเคยได้ยินกันมาบ้าง โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องการปรับปรุงองค์ประกอบภายในเว็บไซต์ เช่น ชื่อ URL หรือแม้กระทั่งการย้ายเว็บไซต์ ย้ายเซิร์ฟเวอร์ แต่ไม่ต้องการให้เว็บไซต์ที่เคยติดอันดับเกิดผลกระทบตามมา วันนี้ Cotactic จะพามาทำความเข้าใจว่า Redirect คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร รวมไปถึงวิธีการเลือกใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ธุรกิจควรรู้

 

Redirect คืออะไร

Redirect คือการเปลี่ยนเส้นทางจาก URL เก่า ไปยัง URL ใหม่โดยอัตโนมัติ สาเหตุอาจจะมาจากอยากเปลี่ยนภาษาใน URL หรือต้องการที่จะเปลี่ยนโดเมนใหม่ หากเจ้าของเว็บไซต์ไม่มีการทำ Redirect จะทำให้คนที่กดเข้าลิงก์ไปเจอกับ 404 Page Not Found หรือลิงก์เสีย

โดยการ Redirect เว็บไซต์นี้ เป็นเหมือนการย้ายหน้าเว็บไซต์ไปยังที่ที่เราต้องการ จาก URL หนึ่งไปอีก URL หนึ่งโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องตามไปเปลี่ยน หรือแก้ไขลิงก์ที่เราได้แปะไว้ตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่เสียประวัติการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนลิงก์ และยังเป็นการรักษาอันดับ SEO ของเราให้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่อีกด้วย

 

ทำไมต้องทำ Redirect

ลองคิดว่าถ้าคุณเป็นคนที่คลิกเข้าไปเจอหน้าเว็บที่ขึ้น Error แม้จะพยายามลองรีเฟรชหน้าเว็บใหม่แล้วก็ยังไม่หาย ก็จะทำให้คุณมีประสบการณ์ในด้านลบกับเว็บไซต์เหล่านั้น การทำ Redirect จะช่วยแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณได้ดังนี้

 

สร้าง User Experience ที่ดีให้กับผู้เข้าใช้งาน

การทำ Redirect คือวิธีที่จะช่วยสร้าง User Experience ที่ดีให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ไม่ให้ต้องเจอกับปลายทางที่ว่างเปล่า เพราะเมื่อมีคนคลิกที่ URL เดิม ลิงก์จะส่ง User ไปเจอกับ 404 Page Not Found หรือลิงก์เสีย ทำให้เราพลาดโอกาสที่ User จะเจอกับคอนเทนต์หรือสินค้าของเราไป หรือที่แย่ที่สุด หาก User มีการเข้าชมเว็บไซต์ของเราแล้วเจอลิงก์เสียบ่อยครั้ง อาจเกิดภาพจำที่ไม่ดีต่อเว็บไซต์ จนหลีกเลี่ยงการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของเราในอนาคตไม่ว่าจะเจอจากที่ไหนก็ตาม

 

ป้องกันไม่ให้ลิงก์เสียส่งผลกับภาพรวมเว็บไซต์

การที่ User กดเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราแล้วพบลิงก์เสียและกดออกจากเว็บไป จะส่งผลให้ Google คิดว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ของเราไม่มีประสิทธิภาพ และดึงเว็บไซต์อื่นที่ User ได้คลิกเข้าไปรับชมตามลำดับถัดมาขึ้นมาแสดงผลบนหน้าค้นหาแทน ส่งผลให้คะแนน SEO ในหน้านั้น ๆ ลดลง และถ้าหากมีลิงก์เสียบนเว็บไซต์ของเรามากเกินไป จะส่งผลถึงภาพรวมเว็บไซต์ของเราด้วยเช่นกัน

 

รักษาจำนวน User และอันดับของ SEO

การที่เราทำ Redirect นอกจากจะนำ User มายังลิงก์ที่ถูกต้องแล้ว เว็บไซต์จะไม่เสียคะแนนจากการวัดอันดับ SEO โดยไม่ต้องนับหนึ่งอีกครั้ง รวมไปถึงย้าย Backlink Authority มายังหน้าเว็บไซต์ใหม่ด้วยเช่นกัน

 

ตอนไหนที่เราควรทำ Redirect

การทำ Redirect สามารถทำได้ตั้งแต่ Redirect หน้าเดียวเพราะต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข URL ไปจนถึงการทำ Redirect ทั้งเว็บไซต์เพราะต้องการเปลี่ยนโดเมนใหม่ เหตุเพราะว่าค่าบริการโดเมนที่แพงขึ้น ลองมาดูกันว่าเราควรทำ Redirect เมื่อเจอกับสถานการณ์ไหนบ้าง

 

ต้องการเปลี่ยนโดเมน (Domain) ใหม่

กรณีที่ต้องการเปลี่ยนโดเมนใหม่ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อโดเมนจากหน้า Home เท่านั้น แต่เราต้อง Redirect URL ของเราบนเว็บไซต์ทั้งหมดไปยังโดเมนใหม่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น

www.cotactic.com/ ต้องการเปลี่ยนโดเมนใหม่มาเป็น www.cotacticagency.com/

 

  • สิ่งที่เราควรจะต้องทำคือ
    • www.cotactic.com/  >>  www.cotacticagency.com/
    • www.cotactic.com/a  >>  www.cotacticagency.com/a
    • www.cotactic.com/b  >>  www.cotacticagency.com/b

 

  • สิ่งที่ไม่ควรทำคือ
    • www.cotactic.com/  >>  www.cotacticagency.com/
    • www.cotactic.com/a  >>  www.cotacticagency.com/
    • www.cotactic.com/b  >>  www.cotacticagency.com/

 

ต้องการเปลี่ยนหมวดหมู่ใหม่ของ Subdirectory 

กรณีที่เราต้องการเปลี่ยน Subdirectory ใหม่ โดยที่ยังคงเก็บเนื้อหาเดิมไว้ ยกตัวอย่างเช่น เดิมบทความชิ้นนี้อยู่ใน URL https://www.cotactic.com/marketing แต่วันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง Subdirectory ใหม่ ต้องการย้ายบทความนี้ไปอยู่หมวดหมู่ SEO เราควรจะทำ Redirect ไปที่  https://www.cotactic.com/seo เพื่อช่วยให้นำทางผู้ใช้งานไปยัง URL ที่ถูกต้อง

 

เจอปัญหา Index ผิดหน้า

เมื่อไหร่ก็ตามที่ Google Index หน้าเว็บไซต์ให้คุณผิดหน้า สิ่งที่เราควรทำคือการ Redirect จากหน้าที่คุณไม่ต้องการให้ Index ไปยังหน้าที่เราต้องการให้ Index ก่อนจะลบหน้าเดิมที่ไม่ต้องการทิ้ง และค่อยสร้างหน้าใหม่ขึ้นมาแทนหน้าที่ลบไป ด้วยเนื้อหาที่คล้ายกัน ไม่เช่นนั้น ต่อให้คุณดันหน้าที่ต้องการให้ติด SEO หน้าแรกแค่ไหน แต่ถ้า Google ดึงมาแสดงผลผิด ผู้ใช้งานก็ไม่คลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์เราอยู่ดี

 

ต้องการจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ใหม่

กรณีที่เราต้องการจัดการโครงสร้างเว็บไซต์ใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์เป็นระเบียบและจัดการได้ง่ายขึ้น เราสามารถใช้การ Redirect นำทางไปยัง URL ใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนได้เช่นกัน

 

เมื่อต้องการแก้ไข URL ให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น

กรณีต้องการเปลี่ยนภาษาจากภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ URL เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น หรือตั้ง URL ผิดตั้งแต่แรก และต้องการแก้ไขให้ถูกต้อง เราสามารถใช้การ Redirect จาก URL เดิมไป URL ใหม่ได้เช่นกัน

 

เมื่อต้องการทำ A/B Testing หน้าสินค้าและบริการ

กรณีที่เราต้องการทดสอบความสามารถของหน้าใดหน้าหนึ่งบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะทดสอบ Conversion หรือทดสอบการใช้งานของ User เราสามารถเลือกทำ 302 Redirect หรือการย้าย URL แบบชั่วคราวได้เช่นเดียวกัน โดยหลังจากนี้เราจะยังสามารถกลับมาใช้งาน URL เดิมได้อีก

 

ประเภทการ Redirect ที่นิยมทำกันบ่อย ๆ

การทำ Redirect มีให้เลือกทำได้หลายวิธี เช่น Redirect 301, Redirect 302, Redirect 307, Redirect 308, หรือ Redirect 410 ในบทความนี้จะขอแนะนำ Redirect 3 ประเภทที่เราสามารถพบเจอได้บ่อย ๆ ได้แก่

 

Redirect 301

การทำ Redirect 301 เป็นที่นิยม และถูกใช้งานมากที่สุด เพราะเป็นการย้ายเพื่อเปลี่ยนที่อยู่อย่างถาวร จาก URL เดิม ไปยัง URL ใหม่ที่เราต้องการให้ไปเท่านั้น โดย Google จะลบหน้าเดิมทิ้งจาก Index และย้ายคะแนน SEO กับ Backlink Authority มายังหน้าใหม่ทันที โดยเราจะใช้ Redirect 301 นี้ เมื่อเจอกับสถานการณ์ข้อ 3.1-3.5 ไม่ว่าจะต้องการเปลี่ยนโดเมน การจัดการโครงสร้างเว็บไซต์ใหม่ เจอปัญหา Google จัดหน้า Index ผิด หรือแม้แต่ต้องการแก้ไข URL ที่ผิด หรือปรับให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น

 

Redirect 302

จะเหมือนกับ Redirect 301 แต่เป็นการ ‘ย้ายแบบชั่วคราว’ เมื่อเราทำการทดลองเสร็จแล้ว เรายังสามารถกลับไปใช้ URL เดิมได้อีก โดยการใช้ Redirect 302 จะเป็นเหมือนการบอกกับ Search Engine ว่า เราต้องการมาใช้งาน URL ใหม่นี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ URL เดิมจะยังถูกจัด Index อยู่ใน อันดับ SEO ลำดับเดิม

เราจะใช้ Redirect 302 นี้ เมื่อต้องการทำ A/B Testing เท่านั้น บางเว็บไซต์ต้องการจะทดสอบสินค้า หรือบริการบางตัว หรืออาจจะทำ A/B Testing ในเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อทดสอบว่าหากเปลี่ยนมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง จะมี Conversion  ที่ดีกว่าหรือเปล่า ใด ๆ ก็ตาม การทำ Redirect เพื่อการทดสอบนี้ ควรมีผู้เชี่ยวชาญอย่าง SEO Specialist คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสนจนเกิดความเสียหายตามมาได้

 

Redirect 410

คือการบอกกับ Search Engine ว่าต้องการลบหน้านี้ทิ้งแบบถาวร โดยไม่ต้องนำมาจัด Index อีกต่อไป จะถูกใช้เมื่อต้องการลบคอนเทนต์หน้านั้น ๆ ทิ้ง โดยไม่ต้องการให้แสดงผลบน Google อีก

 

สรุป

สรุปแล้วการทำ Redirect คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาคุณภาพของเว็บไซต์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปเจอลิงก์เสีย จนพลาดโอกาสที่จะนำเสนอคอนเทนต์หรือสินค้าของเราไป ที่สำคัญไปกว่านั้นการ Redirect มีผลกับประสิทธิภาพของเว็บโดยรวมของเราอย่างมาก เว็บไซต์ไหนที่มีคะแนน SEO อยู่ในลำดับที่ดี ยิ่งควรระวังและศึกษาวิธีการทำ Redirect ให้ดีก่อนลงมือ ดังนั้น จึงควรเลือกใช้บริการผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์ หรือการทำ SEO ที่มีประสบการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเว็บไซต์ของเราได้

 

ต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้าน Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับ Shopify พร้อมข้อดีข้อเสียที่ควรรู้

Shopify คืออะไร? อยากขายของออนไลน์ต้องรู้จัก

User Experience (UX) คืออะไร ทำไมถึงต้องให้มืออาชีพช่วยออกแบบ

User Experience คืออะไร ทำไมต้องให้มืออาชีพออกแบบ

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้