click

บทความที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเรา

บทความที่แนะนำ

Blog filter
ALL
Blog filter

คุณเคยเจอคลิปวิดีโอไวรัลที่ยอดไลก์พุ่ง ยอดแชร์ถล่มทลายในวันแรก แต่เพียงไม่กี่วันกลับเงียบหายไปจากกระแสไหม? สิ่งนี้คือพลังของ “Topical Content” หรือคอนเทนต์ตามกระแส ที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจจริง ๆ เพราะการทำคอนเทนต์ให้โดนใจคนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือกลยุทธ์ที่แบรนด์หรือนักการตลาดต้องมีความเข้าใจในผู้คน มีความทันกระแส พร้อมติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และต้องมีเทคนิคการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจ 

การแข่งขันในโลกของการโฆษณาออนไลน์ตอนนี้ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ด้วยจำนวนผู้ประกอบการและแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในท่ามกลางเสียงโฆษณาที่ดังท่วมท้นจึงกลายเป็นความท้าทายที่แท้จริง นักการตลาดจึงต้องหาวิธีที่จะไม่เพียงแค่แสดงโฆษณาให้ผู้คนเห็น แต่ต้องแสดงให้ถูกคน ถูกเวลา และถูกบริบท เพื่อสร้างความเชื่อมโยงที่แท้จริงและผลลัพธ์ที่จับต้องได้

การโฆษณาแบบเดิมที่ต้องใช้การเดาเป็นหลัก เช่น โฆษณาจะไปถึงใคร จะเห็นเมื่อไหร่ และจะได้ผลแค่ไหน กำลังกลายเป็นเรื่องล้าสมัย ในยุคที่ทุกวินาทีบนโลกออนไลน์มีข้อมูลเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน การตลาดที่อาศัยเพียงแค่ “สัญชาตญาณ” หรือ “ประสบการณ์” ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันในแพลตฟอร์มดิจิทัลก็มากขึ้นทุกวัน

เทคโนโลยีกำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการตลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งที่เคยต้องใช้คนวิเคราะห์เป็นวัน ๆ ตอนนี้ใช้แค่ไม่กี่วินาทีก็รู้ผลลัพธ์แล้ว สิ่งที่เคยต้องเดาว่าลูกค้าชอบอะไร ตอนนี้มีระบบที่สามารถเรียนรู้และบอกได้ทันทีว่าใครกำลังสนใจอะไร ควรเสนออะไรให้พวกเขาเหล่านั้น ธุรกิจที่เคยพึ่งพาประสบการณ์หรือความรู้สึกในการตัดสินใจ ตอนนี้หันมาใช้ข้อมูลจริงในการวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ

เคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาได้ยินเพลงที่เคยฟังตอนเด็ก หรือเห็นโฆษณาที่ใช้ภาพที่ทำให้นึกถึงวันวาน สิ่งนี้ส่งผลให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจและมีแรงจูงใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์นั้นมากกว่าปกติ หรือทำไมของเล่นที่เคยเล่นตอนเด็กถึงกลับมาฮิตอีกครั้งในยุคปัจจุบัน คำตอบทั้งหมดนี้อยู่ที่พลังของความทรงจำที่แบรนด์รู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ลูกค้าไม่ได้แยกการซื้อออนไลน์กับออฟไลน์อีกต่อไป แต่ต้องการประสบการณ์ที่ลื่นไหล ชอบความง่ายดายและสะดวก เช่น เห็นรีวิวสินค้าบน Instagram แล้วตามไปลองจับสินค้าจริงที่หน้าร้าน หรือสั่งของผ่านแอปแล้วเลือกไปรับที่ร้านเพื่อลดเวลารอจัดส่ง

การแข่งขันในตลาด E-commerce ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้ขายออนไลน์ต้องหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อให้สินค้าของตัวเองโดดเด่นและเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากที่สุด

การสร้างเว็บไซต์ในอดีตมักเป็นเรื่องของคนที่มีพื้นฐานไอที ต้องอาศัยทักษะด้านเทคนิคและการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน ทำให้หลายคนต้องจ้างโปรแกรมเมอร์ หรือเสียเวลาเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ เช่น HTML, CSS, JavaScript เป็นเวลานานกว่าจะได้เว็บไซต์ที่ใช้งานจริง แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างมาก

เมื่อ Google เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานด้วยเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การทำ SEO แบบเดิม ๆ ที่มุ่งเน้นแค่การใส่คีย์เวิร์ดอาจไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในอนาคต เพราะปัจจุบัน Google ไม่ได้มองแค่คำเท่านั้น แต่พยายามเข้าใจความหมายและความเชื่อมโยงของข้อมูลแบบเชิงลึกมากขึ้น โดยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการประมวลผลและทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ Google Search Generative Experience (SGE) และการอัปเดตอัลกอริทึมต่าง ๆ ที่ผ่านมา สิ่งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอนาคตของการค้นหาจะเน้นความเข้าใจเนื้อหาแบบบริบทมากกว่าการจับคำตรง ๆ นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Entity SEO ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดในการทำ SEO ของเราไปตลอดกาล การเข้าใจ Entity SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักการตลาดดิจิทัลทุกคนควรเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของ Search Engine

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?