ในปี 2024 Google ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงตัวชี้วัด Core Web Vitals ที่สำคัญ ด้วยการนำ Interaction to Next Paint (INP) มาแทนที่ First Input Delay (FID) อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าใหญ่และส่งผลโดยตรงกับการจัดอันดับเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้งานบนเว็บ
เพราะค่า INP คือค่าที่ใช้จะวัดความเร็วในการตอบสนองของเว็บไซต์เมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับหน้าเว็บ เช่น การคลิก การแตะ หรือการพิมพ์ ซึ่งต่างจาก FID ที่วัดแค่การตอบสนองครั้งแรกเท่านั้น ทำให้ INP ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและครอบคลุมกว่าเกี่ยวกับความลื่นไหลของเว็บตลอดช่วงที่ผู้ใช้ใช้งาน
เพราะ Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้จริงมากขึ้น การเข้าใจและปรับปรุง INP จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับนักพัฒนาเว็บและผู้ทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์สามารถแข่งขันได้ดีและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เยี่ยมชม
บทความนี้จะช่วยคุณทำความรู้จักกับ INP ให้มากขึ้น พร้อมทั้งวิธีวัดและแนวทางปรับปรุง เพื่อให้เว็บของคุณเร็วขึ้น ใช้งานดีขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google ได้ดีกว่าเดิม
Interaction to Next Paint (INP) คืออะไร?

เมื่อพูดถึง INP เราต้องเข้าใจว่า interaction to next paint เป็นตัวชี้วัดที่วัดความเร็วในการตอบสนองของเว็บไซต์เมื่อผู้ใช้มีการกระทำต่าง ๆ เช่น การคลิก การแตะ หรือการกดปุ่ม ซึ่งแตกต่างจาก FID ที่วัดเฉพาะการตอบสนองของการกระทำแรกเท่านั้น
INP เป็นตัวชี้วัดที่ประเมินความเร็วในการตอบสนองโดยใช้ข้อมูลจาก Event Timing API โดยจะสังเกตเวลาหน่วงของการโต้ตอบทั้งหมดที่ผู้ใช้ทำกับหน้าเว็บ และรายงานค่าเดียวที่การโต้ตอบทั้งหมด (หรือเกือบทั้งหมด) อยู่ภายใต้ค่านั้น
สิ่งที่ทำให้ INP พิเศษคือความสามารถในการวัดประสบการณ์ผู้ใช้ตลอดการใช้งานจริง ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงเวลาแรกเท่านั้น
ค่ามาตรฐาน INP ที่ Google แนะนำ
Google แบ่งเกณฑ์ของ INP ออกเป็น 3 ระดับ
1. ≤ 200 ms = ดีเยี่ยม (Good)
- เว็บไซต์ตอบสนองต่อการโต้ตอบของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วมาก
- ผู้ใช้แทบไม่รู้สึกถึงความหน่วงหรือดีเลย์เมื่อกดปุ่ม คลิก หรือแตะหน้าจอ
- ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหล ไม่มีสะดุด ส่งผลให้ผู้ใช้รู้สึกพึงพอใจและมีแนวโน้มใช้งานเว็บต่อเนื่อง
- เว็บไซต์ที่มี INP ในระดับนี้จะได้คะแนน Core Web Vitals ที่ดีและมีโอกาสสูงในการจัดอันดับบน Google
2. 201–500 ms = พอใช้ (Needs improvement)
- เว็บไซต์ตอบสนองได้ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ผู้ใช้อาจเริ่มรู้สึกว่ามีความหน่วงเล็กน้อย
- อาจเกิดความรู้สึกสะดุดหรือดีเลย์บ้างในบางจังหวะของการใช้งาน
- ประสบการณ์ใช้งานยังพอใช้ได้ แต่ยังมีโอกาสพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มความพึงพอใจแก่ผู้ใช้
- เจ้าของเว็บควรพิจารณาปรับปรุงโค้ดหรือทรัพยากรของเว็บเพื่อลดเวลาในการตอบสนองและยกระดับประสิทธิภาพ
3. > 500 ms = ควรปรับปรุง (Poor)
- เว็บไซต์ตอบสนองช้าเกินไปจนผู้ใช้รู้สึกได้ชัดเจนว่าเว็บหน่วงหรือค้าง
- อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและมีโอกาสสูงที่จะออกจากเว็บไซต์หรือไม่กลับมาใช้ซ้ำ
- เป็นสัญญาณว่าการโต้ตอบกับเว็บมีปัญหาด้านประสิทธิภาพอย่างรุนแรง
- ควรรีบแก้ไขโดยด่วน เช่น ลดขนาด JavaScript, ปรับปรุงการโหลดทรัพยากร หรือปรับปรุงโครงสร้างหน้าเว็บ เพื่อเพิ่มความเร็วและความลื่นไหล
- เว็บไซต์ที่มีค่า INP อยู่ในช่วงนี้เสี่ยงต่อการเสียอันดับในผลการค้นหาของ Google เนื่องจากประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไม่ดี
เพื่อผ่าน Core Web Vitals สำหรับ Interaction to Next Paint ควรให้ค่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75 ของการโหลดหน้าเว็บที่บันทึกในสภาพแวดล้อมจริงอยู่ต่ำกว่า 200 ms
การมีค่า INP ที่ดีหมายความว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับใน Google
ทำความรู้จักกับ Core Web Vitals

ก่อนที่จะเข้าใจ INP อย่างลึกซึ้ง เราควรทำความเข้าใจ Core Web Vitals ซึ่งเป็นชุดของตัวชี้วัดที่ Google ใช้ประเมินประสบการณ์ผู้ใช้บนเว็บ ปัจจุบัน Core Web Vitals ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัดหลัก
1.Largest Contentful Paint (LCP)
LCP วัดเวลาที่ใช้ในการโหลดเนื้อหาหลักที่ใหญ่ที่สุดในหน้าเว็บ เช่น รูปภาพขนาดใหญ่ หรือข้อความหลัก ค่า LCP ที่ดีควรอยู่ที่ 2.5 วินาทีหรือน้อยกว่า การมี LCP ที่ดีหมายความว่าผู้ใช้จะเห็นเนื้อหาสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
2.Cumulative Layout Shift (CLS)
CLS วัดความเสถียรของเลย์เอาต์ โดยดูว่าเนื้อหาในหน้าเว็บขยับหรือเปลี่ยนตำแหน่งมากน้อยเพียงใดระหว่างการโหลด ค่า CLS ที่ดีควรอยู่ที่ 0.1 หรือน้อยกว่า การมี CLS ที่ดีจะทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกหงุดหงิดจากการที่เนื้อหาเด้งไปมา
3.Interaction to Next Paint (INP)
INP จะเป็น Core Web Vital อย่างเป็นทางการและจะแทนที่ First Input Delay ในวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน Core Web Vitals เนื่องจาก INP ให้ภาพที่ครบถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับการตอบสนองของเว็บไซต์
INP วัดอะไรบ้าง?

การทำความเข้าใจว่า INP วัดอะไรบ้างจะช่วยให้เราเข้าใจความสำคัญของมันมากขึ้น INP ไม่ได้วัดเฉพาะการตอบสนองแรกเท่านั้น แต่จะพิจารณาทุกการโต้ตอบที่เกิดขึ้นตลอดการใช้งานเว็บไซต์
ประเภทของ Interaction ที่ถูกวัด
1.การคลิกเมาส์ (Mouse Clicks)
ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกบนหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นการคลิกปุ่ม ลิงก์ หรือองค์ประกอบอื่น ๆ INP จะวัดเวลาที่หน้าเว็บใช้ตอบสนองต่อการคลิกนั้น ๆ เช่น การเปลี่ยนหน้าจอ การแสดงผลข้อความ หรือการโหลดข้อมูลเพิ่มเติม หากการตอบสนองเกิดช้า ผู้ใช้จะรู้สึกว่าเว็บหน่วง ไม่ลื่นไหล
2.การแตะหน้าจอบนมือถือ (Touchscreen Interactions)
รวมถึงการแตะ (Tap), ปัด (Swipe), เลื่อน (Scroll), และท่าทางสัมผัสอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ทำบนอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ต INP จะตรวจจับเวลาตอบสนองของแต่ละ Interaction เหล่านี้ เพื่อประเมินว่าหน้าเว็บตอบสนองอย่างรวดเร็วและราบรื่นหรือไม่ ซึ่งสำคัญมากเพราะมือถือเป็นอุปกรณ์ยอดนิยม
3.การกดคีย์บอร์ด (Keyboard Inputs)
การกดปุ่มบนคีย์บอร์ด เช่น การพิมพ์ข้อความในฟอร์ม การใช้ปุ่มลัด หรือการกดปุ่มควบคุมอื่น ๆ INP จะวัดว่าระบบตอบสนองต่อคำสั่งนั้นได้เร็วแค่ไหน เช่น เมื่อกดปุ่มแล้วมีการแสดงผลหรือการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวังเกิดขึ้นทันทีหรือไม่
เครื่องมือที่ใช้วัด Interaction to Next Paint (INP)

การวัดผลและการติดตาม INP ต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงหรือพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีหลากหลายเครื่องมือที่นักพัฒนาสามารถเลือกใช้งานได้
1.PageSpeed Insights
PageSpeed Insights เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ให้ข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับ Core Web Vitals รวมถึง INP ด้วย เครื่องมือนี้จะแสดงทั้งข้อมูลจากห้องแล็บ (Lab data) และข้อมูลจากผู้ใช้จริง (Field data) ซึ่งช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ชัดเจน
2.Chrome DevTools
Chrome DevTools เป็นเครื่องมือที่มีอยู่ในเบราว์เซอร์ Chrome ที่ช่วยในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ สำหรับ INP เราสามารถใช้ Performance Tab เพื่อดูรายละเอียดของการโต้ตอบแต่ละครั้ง
3.Google Lighthouse
Google Lighthouse เป็นเครื่องมือตรวจสอบประสิทธิภาพที่ครอบคลุม ซึ่งสามารถรันได้ทั้งใน Chrome DevTools, Command Line, หรือเป็น Node module โดยจะให้คะแนนและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
4.Chrome User Experience Report (CrUX)
CrUX เป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมประสบการณ์ผู้ใช้จริงจากเบราว์เซอร์ Chrome ข้อมูลจาก CrUX จะแสดงใน Google Search Console และเป็นข้อมูลที่ Google ใช้ในการจัดอันดับผลการค้นหาจริง ๆ การใช้เครื่องมือเหล่านี้ร่วมกันจะช่วยให้เราได้ภาพรวมที่ครบถ้วนเกี่ยวกับ INP ของเว็บไซต์
สาเหตุที่ทำให้ INP สูง (เว็บตอบสนองช้า)

การที่ INP สูงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงที่ทำให้เกิดปัญหานี้ การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
1.ใช้ JavaScript เยอะเกินไป
JavaScript ที่มีขนาดใหญ่หรือมีการทำงานที่ซับซ้อนจะทำให้เบราว์เซอร์ใช้เวลานานในการประมวลผล เมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับหน้าเว็บ การประมวลผลจะต้องรอให้ JavaScript ทำงานเสร็จก่อน
2.ฟังก์ชันการทำงานที่รันบน Main Thread นาน
Main thread เป็นเธรดหลักที่จัดการกับการแสดงผลและการโต้ตอบ หากมีงานที่ใช้เวลานานทำงานอยู่บน main thread จะทำให้การตอบสนองช้าลง
3.การโหลดภาพหรือแอนิเมชันหนัก ๆ
ไฟล์ภาพขนาดใหญ่หรือแอนิเมชันที่ซับซ้อนจะใช้ทรัพยากรมาก ส่งผลให้การตอบสนองช้าลง
4.ไม่ใช้ Lazy Load อย่างถูกต้อง
การโหลดเนื้อหาทั้งหมดพร้อมกันแทนที่จะโหลดเฉพาะส่วนที่ผู้ใช้เห็นจะทำให้ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
5.ไม่มีการแยกงาน Async
การทำงานแบบ Synchronous จะทำให้ทุกอย่างต้องรอคิวกัน ซึ่งส่งผลให้การตอบสนองช้าลง
ทั้งหมดก็คือเหตุผลว่าทำไมตัวเลข INP ที่สูงส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณตอบสนองช้าซึ่งอาจส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานและความเสถียรของหน้าเว็บได้
วิธีปรับปรุง Interaction to Next Paint (INP) ให้ดีขึ้น

เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแก้ไขและปรับปรุง INP ให้ดีขึ้น ซึ่งมีวิธีการหลากหลายที่สามารถนำไปปฏิบัติได้
1.แยก JavaScript ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Code Splitting)
การแบ่ง JavaScript ออกเป็นส่วนย่อย ๆ และโหลดเฉพาะส่วนที่จำเป็นจะช่วยลดเวลาในการประมวลผล ตัวอย่างเช่น การใช้ Dynamic Imports หรือ Webpack Code Splitting
2.ใช้ Lazy Load และ Defer
การโหลดเนื้อหาเฉพาะส่วนที่ผู้ใช้เห็นก่อน และใช้ Defer Attribute สำหรับ Script ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานทันที
3.ย้าย Logic หนัก ๆ ไป Background Thread ด้วย Web Workers
Web Workers ช่วยให้เราสามารถทำงานที่ใช้ทรัพยากรมากในเธรดแยกต่างหาก ไม่ไปรบกวน main thread
4.ใช้ CSS ที่เบาและไม่ซับซ้อน
หลีกเลี่ยงการใช้ CSS Selector ที่ซับซ้อนหรือ animation ที่ใช้ทรัพยากรมาก
5.พิจารณาใช้ Library ที่ตอบสนองเร็ว
เช่น React 18 ที่มี Concurrent Features, Preact ที่มีขนาดเล็ก, หรือ Svelte ที่ Compile ได้ประสิทธิภาพสูง
การปรับปรุงเหล่านี้ไม่เพียงจะช่วยปรับปรุง INP เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมดีขึ้นด้วย
ทำไม INP ถึงสำคัญกับ SEO?

ความสำคัญของ INP ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จของเว็บไซต์
1.Google นำ INP มาพิจารณาในการจัดอันดับผลการค้นหา
INP เป็นตัวชี้วัด Core Web Vitals ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ Google Search ของคุณ เนื่องจาก INP แทนที่ FID เป็นส่วนหนึ่งของ Core Web Vitals อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 การมี INP ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นใน Google ซึ่งส่งผลต่อการเข้าถึงและการมองเห็นของแบรนด์
2.ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี
INP ที่ดีหมายถึงเว็บไซต์ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ผู้ใช้จะรู้สึกว่าเว็บไซต์ “ฟีลดี” และใช้งานได้อย่างราบรื่น สิ่งนี้ส่งผลต่อความพึงพอใจและการกลับมาใช้งานอีกครั้ง
3.ช่วยเพิ่ม Conversion Rate
เว็บไซต์ที่ตอบสนองเร็วจะทำให้ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะทำ Action ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการติดต่อสอบถาม การมี INP ที่ดีจึงส่งผลต่อ Business Metrics โดยตรง การลงทุนเวลาและทรัพยากรในการปรับปรุง INP จึงไม่ใช่เพียงการปรับปรุงด้านเทคนิค แต่เป็นการลงทุนที่ส่งผลต่อความสำเร็จทางธุรกิจ
สรุป
Interaction to Next Paint (INP) เป็นมากกว่าเพียงตัวชี้วัดทางเทคนิค แต่เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี การเข้าใจและปรับปรุง INP จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงได้รับการจัดอันดับที่ดีจาก Google เท่านั้น แต่ยังสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงจาก FID เป็น INP แสดงให้เห็นว่า Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้จริงมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการโหลดครั้งแรกเท่านั้น สำหรับนักพัฒนาเว็บและผู้ที่ดูแลเว็บไซต์ การลงทุนในการปรับปรุง INP จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
Cotactic Media บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress เราเข้าใจดีว่าการปรับปรุง Web Performance และ Core Web Vitals เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทีมของเรามีประสบการณ์ในการช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ให้ปรับปรุง INP และค่าชี้วัดอื่น ๆ ในการทำ Technical SEO หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเดิม เราพร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ในการพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จในโลกดิจิทัล
Source
https://developer.mozilla.org/en-US/docs/Glossary/Interaction_to_next_paint
https://web.dev/blog/inp-cwv-march-12
https://developers.google.com/search/docs/appearance/core-web-vitals?hl=th
https://developers.google.com/search/blog/2023/05/introducing-inp?hl=th
https://www.corewebvitals.io/core-web-vitals/interaction-to-next-paint