click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ในยุคที่ AI สามารถสร้างเนื้อหา ทั้งบทความ หรือรูปภาพได้ด้วยแค่การป้อนคำสั่งเพียงไม่กี่คำ การแข่งขันบนหน้าผลการค้นหาของ Google SERP จึงดุเดือดยิ่งกว่าเดิม หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบางเว็บไซต์ถึงยังครองอันดับหนึ่งได้อย่างยาวนาน ในขณะที่บางเว็บร่วงหล่นหายไป คำตอบสำคัญอยู่ที่ “คุณภาพ” และ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่ง Google ใช้เกณฑ์ที่เรียกว่า E-E-A-T เป็นตัวชี้วัดสำคัญ

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือนักการตลาดที่ต้องการให้เว็บติดหน้าแรก การเข้าใจ E-E-A-T ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด” ที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ Google รักและผู้อ่านไว้ใจ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่า E-E-A-T คืออะไร และเราจะปรับใช้อย่างไรให้เว็บไซต์เติบโตไปนานๆ

E-E-A-T คืออะไร?

การเขียนคอนเทนต์โดยเพิ่มเนื้อหาให้ครบถ้วนตามหลัก E-E-A-T

E-E-A-T คือเกณฑ์คุณภาพการประเมินเว็บไซต์ของ Google (Search Quality Rater Guidelines) ที่ย่อมาจาก Experience (ประสบการณ์), Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความเป็นผู้มีอำนาจ), และ Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)

เดิมที Google ใช้หลักการ E-A-T มานานแล้ว แต่ในช่วงปลายปี 2022 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2025 Google ได้เพิ่มตัว “E” ตัวแรก (Experience) เข้ามา เพื่อเน้นย้ำว่าเนื้อหาที่ดีไม่ควรมาจากทฤษฎีเพียงอย่างเดียว แต่ควรมาจาก “ประสบการณ์จริง” ของผู้เขียนด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้เนียนสนิท การมี E-E-A-T ที่ดีจะช่วยยืนยันกับ Google ว่าเว็บไซต์นี้นำเสนอข้อมูลที่มีคุณค่า เป็นจริง และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

4 องค์ประกอบของ E-E-A-T

E – Experience (ประสบการณ์)

Experience หรือประสบการณ์จริง หมายถึงเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ที่ได้สัมผัส ทดลองใช้ หรือมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนั้นๆ Google ให้ค่ากับสิ่งนี้มากในปี 2025 เพราะเนื้อหาประเภท “รีวิวจากการใช้จริง” หรือ “เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยตัวเอง” จะมีความเป็นมนุษย์และมีรายละเอียดเชิงลึกที่หาไม่ได้จากการประมวลผลข้อมูลทั่วไป

E – Expertise (ความเชี่ยวชาญ)

Expertise หมายถึงความรู้ความชำนาญในเรื่องนั้นๆ ของผู้เขียน สิ่งนี้วัดจากความรู้ลึกรู้จริงในหัวข้อที่เขียน เช่น บทความเรื่องการแพทย์ควรเขียนหรือตรวจสอบโดยแพทย์ บทความเรื่องกฎหมายควรมาจากทนายความ ความเชี่ยวชาญช่วยรับประกันว่าข้อมูลที่ผู้อ่านได้รับนั้นถูกต้องและเป็นประโยชน์

A – Authoritativeness (ความเป็นผู้มีอำนาจในวงการ)

Authoritativeness คือ ความมีชื่อเสียงและการได้รับการยอมรับในวงการนั้นๆ หากเว็บไซต์หรือผู้เขียนของคุณถูกอ้างอิงจากเว็บไซต์ใหญ่อื่นๆ (Backlink), มีคนพูดถึงในโซเชียลมีเดีย หรือเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่คนในวงการใช้อ้างอิง จะช่วยเพิ่มคะแนนในส่วนนี้ได้มาก เป็นการบอก Google ว่า “เว็บนี้คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง” ในสายงานหรืออุตสาหกรรมนั้น

T – Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)

Trustworthiness คือหัวใจสำคัญที่สุดของ E-E-A-T หมายถึงความโปร่งใสและความปลอดภัยของเว็บไซต์ เช่น การมีระบุตัวตนผู้เขียนชัดเจน มีหน้า “เกี่ยวกับเรา” (About Us) ที่ติดต่อได้จริง เว็บไซต์มีการเข้ารหัสความปลอดภัย (HTTPS) และไม่มีโฆษณาที่หลอกลวง ซึ่งหากเว็บขาดความน่าเชื่อถือ ปัจจัยอื่น ๆ ก็แทบจะไร้ความหมายทันที เพราะเว็บไซต์จะถูกลดการมองเห็น Traffic ลดลง ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์ให้หายไปจากหน้าค้นหาได้

หลักการ E-E-A-T ส่งผลต่อ SEO อย่างไร?

แม้ Google จะบอกว่า E-E-A-T ไม่ใช่ปัจจัยในการจัดอันดับโดยตรง แต่ก็มีผลอย่างมาก โดยเฉพาะกับกลุ่มคำค้นหาที่เป็น YMYL (Your Money Your Life) หรือเรื่องที่ส่งผลต่อสุขภาพ การเงิน และความปลอดภัย โดยอัลกอริทึมของ Google จะใช้ E-E-A-T เพื่อคัดกรองเนื้อหาขยะ (Spam) หรือเนื้อหาที่สร้างโดย AI คุณภาพต่ำออกไป เว็บไซต์ที่มีคะแนน E-E-A-T สูงจึงมีโอกาสติดหน้าแรกได้ง่ายกว่า ยืนระยะได้นานกว่า และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมากกว่า ซึ่งนำไปสู่ยอดคลิก (CTR) และระยะเวลาการใช้งานบนหน้าเว็บที่ดีขึ้น เป็นผลดีต่อ SEO ในระยะยาว

แนวทางการปรับใช้ E-E-A-T ให้กับเว็บไซต์

การนำหลักการ E-E-A-T มาใช้กับเนื้อหาบนเว็บไซต์ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและคุณภาพของคอนเทนต์ ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาได้ดีขึ้น โดยสามารถนำมาใช้ได้ดังนี้

1. เพิ่มประสบการณ์ (Experience) ในคอนเทนต์

อย่าเขียนเนื้อหาที่ดูเหมือนคัดลอกมาจากที่อื่นอย่างเดียว ให้ใส่ “ความเป็นตัวเอง” ลงไปให้มากขึ้น เช่น การใส่รูปภาพที่คุณถ่ายเอง การเล่าความรู้สึกขณะใช้งานจริง หรือกรณีศึกษา (Case Study) ที่ได้เจอมา สิ่งเหล่านี้จะช่วยแยกแยะเนื้อหาที่มีคุณภาพออกจากบทความทั่วไปที่ AI เขียนได้

2. สร้างความเชี่ยวชาญ (Expertise)

หากเป็นไปได้ ควรระบุชื่อผู้เขียนในทุกบทความ พร้อมระบุตำแหน่งหรือประวัติสั้น ๆ ที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น เช่น บทความที่เกี่ยวกับการทำ SEO อาจให้ SEO Content Writer เป็นผู้เขียน หากคุณไม่ได้เขียนเอง ให้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความถูกต้อง หรือให้สัมภาษณ์เพื่อประกอบบทความ การมีหน้าโปรไฟล์ผู้เขียนที่ชัดเจนช่วยให้ Google เข้าใจว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล

3. เสริมความเป็น Authority

zพยายามสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ การทำ PR หรือการไปเป็น Guest Post ในเว็บที่มีชื่อเสียงจะช่วยเพิ่มเครดิตให้กับเว็บคุณ นอกจากนี้ การหมั่นอัปเดตเนื้อหาเก่าให้สดใหม่อยู่เสมอก็ช่วยรักษาความเป็นผู้นำในข้อมูลนั้นๆ ได้

4. ยกระดับความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness)

ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ (SSL/HTTPS) ให้เรียบร้อย สร้างหน้า “ติดต่อเรา” (Contact Us) ที่มีที่อยู่จริง เบอร์โทรศัพท์ หรือแผนที่ รวมถึงหน้า “นโยบายความเป็นส่วนตัว” ให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงการพาดหัวข่าวแบบ Clickbait เกินจริง และอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเสมอเมื่อมีการยกตัวเลขหรือสถิติ

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีคะแนน E-E-A-T สูง

หน้า Search Page ที่แสดงเว็บไซต์ที่มี E-E-A-T สูง

เว็บไซต์ที่มี E-E-A-T สูง มักจะเป็นเว็บที่มีโครงสร้างชัดเจน เช่น เว็บไซต์สุขภาพชั้นนำ ที่ทุกบทความจะมีชื่อแพทย์ผู้เขียนหรือผู้ตรวจสอบกำกับไว้ มีการอ้างอิงงานวิจัยจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ (เช่น CDC, WHO) หรือเว็บไซต์รีวิวสินค้าไอที ที่มีวิดีโอทดสอบการใช้งานจริง และตารางเปรียบเทียบสเปคที่ละเอียด ซึ่งแสดงถึง Experience และ Expertise อย่างชัดเจน ทำให้ผู้อ่านมั่นใจและ Google ก็พร้อมจะดันอันดับให้สูงขึ้น โดยตัวอย่าง Case Study จากการใช้หลักการ E-E-A-T ได้แก่

Healthline

Healthline ถือเป็นต้นแบบของเว็บไซต์สาย YMYL (Your Money Your Life) ที่ Google ให้ความไว้วางใจสูงสุด เว็บไซต์นี้สร้างความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) และความเชี่ยวชาญ (Expertise) ผ่านกระบวนการที่รัดกุม ไม่ว่าจะเป็น

  • Medical Network ทุกบทความไม่ได้เขียนโดยใครก็ได้ แต่จะมีป้ายกำกับชัดเจนว่า “Medically reviewed by [ชื่อแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ]” พร้อมลิงก์ไปยังประวัติของแพทย์ท่านนั้น เพื่อยืนยันตัวตนและความเชี่ยวชาญ
  • Sourcing เนื้อหาจะมีการอ้างอิง (Citation) ไปยังงานวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ (เช่น PubMed, CDC) โดยมีตัวเลขกำกับไว้ในประโยค ทำให้ผู้อ่านและ Google bot ตรวจสอบที่มาได้ทันที

ผลลัพธ์ คือ กลยุทธ์นี้ทำให้ Healthline ครองอันดับ 1 ในคำค้นหาด้านสุขภาพที่มีการแข่งขันสูงทั่วโลก และมียอดผู้เข้าชมแบบ Organic Search หลักร้อยล้านครั้งต่อเดือน

Wirecutter

Wirecutter (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ The New York Times) คือหนึ่งในเว็บไซต์ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันแห่งวงการรีวิวสินค้าที่เน้นเรื่องประสบการณ์ (Experience) อย่างแท้จริง ผ่านฟีเจอร์หลัก ๆ ได้แก่

  • Real Testing แทนที่จะแค่แปลสเปคสินค้า Wirecutter ใช้วิธี “ซื้อมาทดสอบจริง” ในห้องแล็บหรือการใช้งานจริงเป็นเวลานาน โดยมีภาพถ่ายและวิดีโอเบื้องหลังการทดสอบให้เห็นชัดเจน (Evidence of Experience)
  • Independence พวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนว่าทีมรีวิวกับทีมหารายได้แยกออกจากกัน และจะรับคืนสินค้าหรือบริจาคหลังทดสอบเสร็จ ไม่มีการรับของฟรีแลกกับการเชียร์สินค้า

ผลลัพธ์ คือ ความโปร่งใสและประสบการณ์จริงนี้สร้างความน่าเชื่อถือมหาศาล จนเว็บไซต์ SEO ชื่อดังอย่าง Ahrefs ยกให้เป็นกรณีศึกษา (Case Study) ของการทำ Affiliate Marketing ที่ยั่งยืนที่สุด โดย Google มักจะจัดอันดับให้บทความของ Wirecutter อยู่เหนือเว็บขายของทั่วไปเสมอ

E-E-A-T กับอนาคตของ SEO

ในอนาคตข้างหน้า AI จะเข้ามามีบทบาทในการค้นหามากขึ้น (เช่น AI Overviews) แต่ E-E-A-T จะยังคงเป็น “ตัวกรอง” ที่สำคัญที่สุด Google จะยิ่งให้ค่ากับเนื้อหาที่มี “Human Touch” หรือสัมผัสของมนุษย์มากขึ้น เพื่อแยกแยะความจริงออกจากข้อมูลสังเคราะห์ ดังนั้น การทำ SEO ในอนาคตจึงไม่ใช่แค่การใส่คีย์เวิร์ด แต่คือการสร้างแบรนด์ให้เป็น “ผู้รู้จริง” และ “เชื่อถือได้” ในสายตาของทั้งคนและ AI

สรุป

E-E-A-T ไม่ใช่แค่กฎเกณฑ์ทางเทคนิคที่ Google ใช้จัดอันดับเว็บไซต์ แต่คือ “รากฐานสำคัญ” ของการสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจออนไลน์ในยุคดิจิทัล การใส่ใจทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ประสบการณ์ (Experience) ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ความเป็นผู้มีอำนาจ (Authoritativeness) และ ความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) จะช่วยปกป้องเว็บไซต์ของคุณท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม Google และการแข่งขันกับคอนเทนต์ที่สร้างจาก AI

หากคุณรู้สึกว่าการวางกลยุทธ์ SEO ตาม E-E-A-T ยังซับซ้อน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำ SEO มืออาชีพ จะช่วยประหยัดเวลา และทำให้มั่นใจได้ว่าคุณกำลังทำ SEO ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถ้าค้นหาผ่าน AI Search อยากวัดผลของ AI Traffic ดูได้จากตรงไหน?

ถ้าค้นหาผ่าน AI Search อยากวัดผลของ AI Traffic ดูได้จากตรงไหน?

Search Engine ยอดฮิต มีเจ้าไหนบ้างที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน

รวม Search Engine มีเจ้าไหนบ้าง ที่ยังนิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้