click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ทุกวันนี้เราพูดคุยกับ AI จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เทคโนโลยีที่สร้างบทสนทนาระหว่างเรากับ AI ให้แสนจะเป็นธรรมชาติก็คือ LLM (Large Language Models: LLM) หรือ โมเดลภาษาขนาดใหญ่นวัตกรรมที่สามารถทำความเข้าใจ สร้างสรรค์ และโต้ตอบกับภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนแทบจะแยกไม่ออกว่ากำลังคุยอยู่กับมนุษย์หรือเครื่องจักร ความสามารถเหล่านี้ได้ปลดล็อกศักยภาพใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมทุกประเภท ตั้งแต่การพัฒนาซอฟต์แวร์ การตลาด ไปจนถึงการบริการลูกค้า 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ LLM ตั้งแต่พื้นฐานการทำงาน ตัวอย่างการใช้งาน ไปจนถึงประโยชน์ทางธุรกิจ และข้อควรระวังในการใช้งาน เพื่อให้คุณพร้อมรับมือและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่

LLM คืออะไร?

ตัวอย่างการสนทนากับโมเดล LLM

โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models : LLM) คือรูปแบบหนึ่งของ Deep Learning ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำความเข้าใจและสร้างข้อความที่เหมือนกับภาษามนุษย์ โมเดลเหล่านี้มีขนาดใหญ่มาก ทั้งในแง่ของจำนวนพารามิเตอร์ (Parameter) และปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ใช้ในการฝึกฝน ซึ่งประกอบด้วยชุดข้อความจากอินเทอร์เน็ต หนังสือ และบทความต่าง ๆ นับล้าน ๆ คำ โดยโมเดล LLM สามารถพิจารณาความสัมพันธ์ของคำในประโยคและบริบทที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถคาดเดาคำถัดไปในประโยคได้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็สร้างข้อความที่มีความสอดคล้อง (Coherence) และเป็นธรรมชาติเพื่อตอบโต้กลับมา

ตัวอย่างของโมเดล LLM ที่รู้จักกันดี

ตัวอย่างของโมเดล LLM ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ChatGPT (Generative Pre-trained Transformer) จาก OpenAI โมเดลในตระกูล GPT ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้มีความสามารถที่หลากหลายในการทำความเข้าใจคำสั่งและการสร้างสรรค์ข้อความมาตอบโต้ 

นอกจากนี้ ยังมีโมเดลอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น Google Gemini ที่เน้นความสามารถในการใช้เหตุผลและการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodality) และ Meta Llama ซึ่งเป็นโมเดลแบบ Open Source ที่ได้รับความสนใจจากเหล่า Developers เป็นอย่างมาก โมเดลเหล่านี้ล้วนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและโลกธุรกิจมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

LLM ทำงานอย่างไร

โมเดล LLM จะทำงานบนพื้นฐานของ Neural Networks โดยมี Transformer Architecture เป็นแกนหลักในกระบวนการทำงาน โมเดลจะเริ่มต้นด้วยรับข้อความหรือคำสั่ง (Prompt) วิเคราะห์และทำความเข้าใจความหมายของแต่ละคำ จากนั้นกลไกที่สำคัญที่สุดคือ Self-Attention Mechanism จะเข้ามาทำหน้าที่ประเมินและจัดลำดับความสำคัญของแต่ละคำในประโยค เพื่อทำความเข้าใจบริบทและความสัมพันธ์ระหว่างคำอย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้น เช่น การรู้ว่าคำสรรพนาม “เขา” ในประโยคหมายถึงใคร 

เมื่อโมเดลเข้าใจบริบททั้งหมดแล้วก็จะทำการ คาดเดาคำถัดไป (Token Prediction) โดยพิจารณาจากความเป็นไปได้ทางสถิติที่เรียนรู้จากข้อมูลฝึกฝนและทำซ้ำกระบวนการนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยคหรือพารากราฟที่มีความหมายสมบูรณ์ สอดคล้องกับคำสั่งที่ได้รับมา การทำงานซ้ำ ๆ อย่างรวดเร็วนี้ทำให้ LLM สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและสร้างสรรค์

ความแตกต่างระหว่าง LLM กับ Generative AI

ความจริงแล้ว Generative AI เป็นคำที่กว้างมาก ครอบคลุม AI ทุกประเภทที่สามารถ สร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เพลง หรือข้อความ ส่วน LLM (Large Language Model) ก็เป็นโมเดลรูปแบบหนึ่งของ Generative AI โดยมีขอบเขตจำกัดอยู่ที่การสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับภาษาและข้อความเท่านั้น 

ประโยชน์ของ LLM ต่อธุรกิจ

1. AI Chatbot และระบบตอบลูกค้าอัตโนมัติ

LLM ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง AI Chatbot ที่สามารถโต้ตอบการสนทนาที่ซับซ้อนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตอบคำถามลูกค้าได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระงานของพนักงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การเขียนคอนเทนต์อัตโนมัติ

ตัวช่วยสำคัญของนักเขียนให้สามารถสร้างคอนเทนต์ให้มีคุณภาพดีขึ้นเลยคือ LLM ซึ่งโมเดลทำงาน ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บทความ อีเมลทางการตลาด คำอธิบายสินค้า จนไปถึงแคปชั่นโพสต์ต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย

3. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงข้อความ

หลายองค์กรใช้ LLM มาช่วยลดระยะเวลาในการอ่านและจัดการชุดข้อมูลข้อความที่มีจำนวนมาก เช่น บทวิจารณ์ลูกค้า (Sentiment Analysis) การถอดเสียงการสนทนา หรือแบบสำรวจ ทำให้ธุรกิจสามารถดึง Insight มาต่อยอดทางธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้น

4. เครื่องมือช่วยนักพัฒนา

LLM สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเขียนโค้ด (Coding Assistant) รวมไปถึงช่วยตรวจสอบข้อผิดพลาด (Debugging) หรือการแปลงภาษาโปรแกรมหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง ทำให้กระบวนการพัฒนารวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ข้อควรระวังของ LLM

ข้อควรระวังสำคัญที่ผู้ใช้งานต้องตระหนักถึง สิ่งแรกคือปัญหา “Hallucination” หรือการสร้างข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้หากไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Bias หรืออคติที่ฝังอยู่ในชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกฝน AI ซึ่งอาจทำให้โมเดลสร้างผลลัพธ์ที่ไม่เป็นกลาง 

และอีกประเด็นที่สำคัญมากคือเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) การป้อนข้อมูลที่เป็นความลับเข้าสู่ LLM อาจมีความเสี่ยงที่ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนโมเดลหรือถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นการใช้งาน LLM ในสภาพแวดล้อมธุรกิจจึงต้องมีนโยบายการกำกับดูแลที่รัดกุมและขั้นตอนการตรวจสอบผลลัพธ์อย่างเข้มงวด

ตัวอย่างการใช้งาน LLM ในชีวิตจริง

ตัวอย่างเครื่องมือแปลภาษาแบบ Real-time

ทุกวันนี้ LLM ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็เช่น Search Engine ต่าง ๆ และ Voice Assistant บนมือถือ ที่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนและยังเข้าใจศัพท์แสลงภาษาพูดของเราได้(ถึงแม้ว่าคำแสลงของเราจะมีเพิ่มมากขึ้นทุกวันก็ตาม)

นอกจากนี้ยังมีการใช้ LLM ในการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ซึ่งมีความแม่นยำสูงขึ้น การสรุปเนื้อหาจากบทความขนาดยาว หรืออีเมลจำนวนมากให้เหลือแต่สาระสำคัญ ให้ LLM ช่วยสร้างอีเมลตอบกลับ หรือร่างจดหมายในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้งานในภาคการศึกษาเพื่อช่วยในการ ค้นคว้าและเรียบเรียงข้อมูลอีกด้วย ความสามารถในการประมวลผลภาษาอย่างลึกซึ้งนี้ ทำให้ LLM กลายเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในทุกมิติของชีวิตประจำวันจริง ๆ

สรุป

LLM (Large Language Model) คือหัวใจสำคัญของคลื่นลูกใหม่ในวงการ AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเลียนแบบ สร้างสรรค์ และโต้ตอบกับภาษามนุษย์ได้อย่างน่าทึ่งและทรงพลัง ด้วย Transformer Architecture และการฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาล ทำให้ LLM ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่พร้อมเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การสื่อสาร และการสร้างสรรค์ของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานอย่างมีจริยธรรม การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และการเข้าใจถึงข้อจำกัดต่าง ๆ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ที่ต้องการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ประโยชน์สูงสุด 

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยนำเทคโนโลยี LLM มาปรับใช้และพัฒนาธุรกิจของคุณให้เติบโตด้วย SEO และ AI Overview อย่างก้าวกระโดด Cotactic Media คือ Digital Agency ชั้นนำในไทย พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในการสร้างสรรค์โซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างมั่นคง

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

บทความที่เกี่ยวข้อง

Meme Marketing คืออะไร? กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ให้ไวรัลในข้ามคืน

Meme Marketing คืออะไร? กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ให้ไวรัลในข้ามคืน

ทำความรู้จัก AI Overviews ของ Google ระบบให้คำตอบอัตโนมัติแบบ Real-Time

ทำความรู้จัก AI Overviews Google ระบบให้คำตอบอัตโนมัติแบบ Real-Time

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้