Reading Time: < 1 minute
< 1 minute
Sep 30, 2023

ROAS คือะไร? ข้อควรรู้ การวัดผลตอบแทนที่ได้เมื่อจ่ายค่าโฆษณา

ROAs

มาทำความรู้จักกับ ROAS หน่วยวัดประสิทธิภาพของการโฆษณา ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ ผู้ลงโฆษณา นักการตลาดสามารถเปรียบเทียบคุณภาพเพื่อ เลือกแนวทางการทำโฆษณาบน Social Media หรือการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

 

ROAS คืออะไร?

ROAS คือ การคำนวณค่าตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณาออกมาเป็นตัวเลข โดยย่อมากจากคำเต็มว่า Return on Ad Spend หรือ Return on Advertising Spend ก็ได้ สามารถคำนวณต้นทุนและทราบถึงประสิทธิภาพการทำโพสต์โฆษณานั้น ๆ ออกมา

 

วิธีการคำนวณ ROAS

ROAS คือ การนำยอดขายที่ได้จากการทำโฆษณา / ค่าโฆษณาที่ที่นำมาลงทุน หากคำนวณออกมาแล้วสูงเป็นไปตามเป้าหมายถือว่า ROAS เป็นไปในทางที่ดี หาก ROAS ไม่สูงเท่าที่ควรผู้ลงโฆษณาควรเปลี่ยนกลยุทธ์การโฆษณาใหม่

ตัวอย่างการคำนวณ ROAS

ยอดขายที่ได้จากการทำโฆษณา = 450,000
ค่าโฆษณาที่ที่นำมาลงทุน = 70,000

ROAS ที่ได้คือ 450,000 / 30,000 = 6.42

 

ความแตกต่างของ ROAS กับ ROI

เมื่อพูดถึง ROAS ก็มักจะมีคำว่า ROI ตีคู่มาด้วยเสมอ แต่ถึงแม้คำจะใกล้เคียงกัน การคำนวณคล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วใช้วัดผลต่างกัน

ROAS ย่อมาจาก Return on Advertising Spend คือ ตัวคำนวณผลตอบแทนจากการลงโฆษณา ซึ่งสามารถวัดผลได้ลงลึกถึงรูปแบบโฆษณาแต่ละตัวได้ ตัวอย่างเช่น ลงโฆษณาไป 3 ตัว แบ่งย่อยออกเป็น A, B, C

โฆษณา A ใช้เงินไป 15,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 50,000 บาท 

ROAS ของโฆษณา A คือ  50,000 / 15,000 = 3.33

โฆษณา B ใช้เงินไป 35,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 200,000 บาท 

ROAS ของโฆษณา B คือ  200,000 / 35,000 = 5.71

โฆษณา C ใช้เงินไป 20,000 บาท ได้ยอดขายกลับมา 200,000 บาท

ROAS ของโฆษณา C คือ  200,000 / 20,000 = 10

ถ้าพิจารณาจาก ROAS โฆษณา C คือ โฆษณาที่ดีที่สุด ควรพิจารณาเพิ่มงบ หรือทำโฆษณาตัวใหม่โดยอ้างอิงจากโฆษณา C

ต่างกับ ROI ย่อมาจาก Return on Invesment Spend คือ การวัดผลประสิทธิภาพของการลงทุนภาพรวมทั้งหมด โดยนำเอา (ยอดขายที่ได้ทั้งหมด – เงินลงทุน) / เงินลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ค่าโฆษณา หรือค่าจ้างบริษัท Digital Marketing Agency ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ลงโฆษณาไป 3 ตัว แบ่งย่อยออกเป็น A, B, C โดยทั้ง 3 ตัว ใช้ค่าโฆษณาไป 70,000 บาท และมีค่าจ้างบริษัทโฆษณาอีก 30,000 บาท โดยได้ยอดขายรวมทั้งหมด 450,000 ดังนั้น ROI ที่ได้คือ (450,000 – 100,000) / 100,000 = 3.5

อย่างไรก็ตามทั้งผู้ลงโฆษณา และเจ้าของธุรกิจควรทราบทั้ง ROAS และ ROI เพื่อการวัดผลโดยรวมทั้งหมดของการทำโฆษณา

 

ทำไม ROAS จึงสำคัญ ?

ROAS ไม่ได้ทำได้แค่คำนวณค่าตอบแทนการจ่ายค่าโฆษณา แต่ยังมีประโยชน์ด้านการเก็บข้อมูลต่างๆให้แก่ผู้ลงโฆษณา เพื่อนำมาพิจารณาต่อการทำโฆษณาในครั้งต่อไป สามารถช่วยกำหนดแนวทางการสร้างคอนเทนต์ของโพสต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผู้ลงโพสต์ และเป็นตัวช่วยนักการตลาดได้อย่างหลายทิศทาง เราไปดูกันดีกว่าว่า ROAS มีประโยชน์ต่อผู้ลงโฆษณาด้านไหนบ้าง

  • ใช้ประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

อย่างที่เรารู้กัน ROAS คือ ตัวคำนวณค่าตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณาออกมาเป็นตัวเลข นอกจากนี้ยังรวบรวมข้อมูลประสิทธิภาพของการทำโฆษณาแต่ละโพสต์ ผู้ทำโฆษณาจะสามารถนำโฆษณาแต่ละตัวนั้นมาเปรียบเทียบความสำเร็จและเลือกแนวทางการทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

  • จัดสรรงบการตลาดได้ดีขึ้น

เมื่อทราบผลประสิทธิภาพการทำโฆษณาแต่ละตัว ผู้ทำโฆษณาจะจัดการโพสต์โฆษณาที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดออก การจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดจะมีประสิทธิภาพไปด้วย ไม่ลงทุนกับการทำโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ค่าตอบแทนที่น้อยกว่าที่คาดหวัง

  • ปรับปรุง/ต่อยอดกลยุทธ์การตลาด

เมื่อนำข้อมูลจาก ROAS มาพิจารณา ได้ทราบถึงคุณภาพของการทำโพสต์โฆษณา ผู้ลงโฆษณาได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงตัวโฆษณาที่โพสต์ให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายหรือต่อยอดเพื่อการทำโฆษณาให้ได้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ทราบทิศทางการสร้างคอนเทนต์ที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบและอยากดูโฆษณาหรือกิจกรรมของผู้ลงโพสต์

 

ROAS ที่ประสบความสำเร็จ เป็นแบบใด ?

ROAS  ที่ประสบผลสำเร็จ คือ ROAS ที่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้ลงโฆษณา ยิ่งยอดขายสูง มีผู้เข้าชมโฆษณาที่ลงจำนวนมาก ทำให้การลงทุนการทำโพสต์โฆษณาได้กำไรยิ่งเป็น ROAS ที่ดี หาก ROAS ที่ยอดขายไม่สูงมากนักผู้ลงโฆษณาควรปรับปรุงให้ไปในแนวทางที่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายให้ดียิ่งกว่าเดิม

 

สรุปแล้ว ROAS คือ การวัดผลสำเร็จการทำโฆษณา เป็นตัวบอกแนวทางในการการโฆษณา สามารถนำโฆษณาแต่ละตัวมาเปรียบเทียบกัน เพื่อจัดสรรงบประมาณและการลงทุนให้มีความคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

หากคุณต้องการที่ปรึกษาการรับทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

 

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

Customer Experience คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจอย่างไร

ในการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของกิจการต้องคิดถึงคือ ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ หรือ Customer Experience (CX) การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าคือหัวใจที่ทำให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้ลูกค้าทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีจากธุรกิจเกิดการซื้อซ้ำและพัฒนาไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องทำความเข้าใจว่าอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้าง Customer Experience ได้ และ Customer Experience แตกต่างจาก ‘ประสบการณ์ผู้ใช้’ หรือ User Experience (UX) อย่างไร   Customer Experience คือ อะไร ? Customer Experience (CX) คือการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดของลูกค้าที่มีกับแบรนด์ รวมถึงการค้นหาในเว็บไซต์, การซื้อสินค้าหรือบริการ, การให้บริการหลังการขาย ฯลฯ ซึ่งในการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ของเรานั้น ช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ซึ่งหลอมรวมกันกลายเป็นประสบการณ์และภาพจำทั้งหมดของแบรนด์ แตกต่างจาก User Experience (UX) อย่างไร หลายคนอาจสับสนระหว่าง ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ Customer Experience (CX) และ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้งาน’ User Experience (UX) […]

Conversion คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจออนไลน์อย่างไร พร้อมวิธีวัดผล

การทำ Digital Marketing ต้องอาศัยการวัดผลที่ตรงกับการดำเนินงานอย่างแม่นยำ จะเกิดอะไรขึ้นหากธุรกิจไม่มีการวัดผลการดำเนินงาน ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะสูญเสียงบประมาณไปโดยที่ไม่รู้ว่าจ่ายไปกับกิจกรรมการตลาดใดบ้าง มีใครมาสนใจสั่งซื้อสินค้าเท่าไหร่ Conversion Tracking จึงเข้ามามีบทบาทต่อการวัดผล เช่น วัดผลการซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก การสมัครรับข้อมูลข่าวสารทางอีเมล การเข้ามาอ่านบทความ การดาวน์โหลด หรือการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ การวัดผลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าสินค้าใดหรือ Landing Page หน้าไหนมีคนคลิกเข้ามาสนใจมากที่สุด Conversion คืออะไร? Conversion คือการกระทำใด ๆ ของกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่สนใจสินค้าบริการของเรา ที่เราได้วางเงื่อนไขในการเก็บข้อมูลของแต่ละ Conversion ไว้ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการทำงาน เช่น การทำ Call to Action (CTA) เพื่อ Tracking, ข้อมูลในส่วนของ Purchase : จำนวนการสั่งซื้อ, Leads : ลูกค้าใหม่ที่เข้ามา, Sign up : จำนวนคนที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ หรือ Submit form […]