เมื่อ Google เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานด้วยเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การทำ SEO แบบเดิม ๆ ที่มุ่งเน้นแค่การใส่คีย์เวิร์ดอาจไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในอนาคต เพราะปัจจุบัน Google ไม่ได้มองแค่คำเท่านั้น แต่พยายามเข้าใจความหมายและความเชื่อมโยงของข้อมูลแบบเชิงลึกมากขึ้น โดยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการประมวลผลและทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ Google Search Generative Experience (SGE) และการอัปเดตอัลกอริทึมต่าง ๆ ที่ผ่านมา สิ่งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอนาคตของการค้นหาจะเน้นความเข้าใจเนื้อหาแบบบริบทมากกว่าการจับคำตรง ๆ นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Entity SEO ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดในการทำ SEO ของเราไปตลอดกาล การเข้าใจ Entity SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักการตลาดดิจิทัลทุกคนควรเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของ Search Engine
พารู้จัก Entity SEO คืออะไร?
Entity SEO คือ กลยุทธ์การทำ SEO ที่เน้นการสร้างและเชื่อมโยงข้อมูลผ่าน “เอนทิตี” (Entity) หรือหน่วยข้อมูลที่มีความหมายเฉพาะตัว แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงแค่การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อให้ติดอันดับ
เอนทิตี ใน SEO หมายถึง สิ่งที่มีอยู่จริงในตัวของมันเอง อาจเป็นสิ่งของจริง ความคิด ธุรกิจ หรือองค์กร เอนทิตีไม่ใช่คีย์เวิร์ด แต่คีย์เวิร์ดอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เอนทิตีปรากฏในผลการค้นหา โดยที่ความเข้าใจของ Google ในแนวคิดเหล่านี้จะลึกกว่าแค่คำเพียงอย่างเดียว
ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเราพิมพ์คำว่า “บริษัทรับทำ SEO” ใน Google ระบบจะเข้าใจได้ว่าเราอาจหมายถึง “บริษัท Cotactic Media” หรือ “บริษัทที่ให้บริการ SEO ทั่วไป” แต่ละบริษัทหรือแนวคิด “บริษัทรับทำ SEO” จะเป็นเอนทิตีที่แตกต่างกัน Google สามารถระบุได้ว่าเอนทิตีไหนที่เหมาะสมกับบริบทของการค้นหา ผ่าน Knowledge Graph ที่เชื่อมโยงข้อมูลเอนทิตีต่างๆ เข้าด้วยกัน
ความแตกต่างระหว่าง Keyword SEO กับ Entity SEO
เพื่อให้เข้าใจ Entity SEO ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราต้องเปรียบเทียบกับ Keyword SEO แบบดั้งเดิมที่เราคุ้นเคย
Keyword SEO แบบเดิม มุ่งเน้นการใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการให้ติดอันดับ ลงในหัวข้อ เนื้อหา และส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ โดยหวังว่า Google จะจับคำเหล่านั้นได้และนำมาแสดงผลเมื่อมีคนค้นหา
Entity SEO เน้นการสร้างความเข้าใจของ Google ต่อหัวข้อ ธุรกิจ หรือเนื้อหาของเราผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลแบบโครงสร้าง (Structured Data) และการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ ภายในเนื้อหา
ตัวอย่างที่เข้าใจง่าย
- Keyword SEO: ใส่คำว่า “ร้านอาหารอิตาเลียน” ซ้ำ ๆ ในเนื้อหา
- Entity SEO: อธิบายชัดเจนว่าร้านอาหารของเรามีเมนูอะไรบ้าง อยู่ที่ไหน เป็นของใคร เกี่ยวข้องกับอะไร และใช้ Schema Markup เพื่อให้ Google เข้าใจข้อมูลเหล่านี้
ทำไม Entity SEO จึงสำคัญในยุค AI Search
การเข้าใจ Entity SEO ไม่ใช่แค่เทรนด์ใหม่ แต่เป็นความจำเป็นที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรารอดชีวิตและเติบโตได้เมื่อ Google ใช้ AI มากขึ้น
1.Google เข้าใจความหมายไม่ใช่แค่คำ
Google ปรับปรุงอัลกอริทึมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลการค้นหา โดยการแสดงเนื้อหาที่ผู้คนพบว่ามีประโยชน์จริง ๆ มากกว่าเนื้อหาที่สร้างขึ้นเพื่อเครื่องมือค้นหาปัจจุบัน Google ไม่ได้มองแค่คำเท่านั้น แต่พยายามเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเนื้อหา ความตั้งใจของผู้ค้นหา และความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน การใช้ Entity SEO จะช่วยให้เราสื่อสารกับ Google ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2.เพิ่มโอกาสปรากฏใน Knowledge Panel และ Featured Snippet
เว็บไซต์ที่ใช้ Entity SEO ได้ดีจะมีโอกาสปรากฏในส่วนพิเศษของ Google มากขึ้น เช่น Knowledge Panel (กล่องข้อมูลที่ปรากฏด้านขวาของผลการค้นหา) หรือ Featured Snippet (คำตอบที่ปรากฏด้านบนสุดของผลการค้นหา) การปรากฏในส่วนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการได้รับการคลิกจากผู้ใช้อย่างมาก
3.ช่วยลดการพึ่งพาคีย์เวิร์ดซ้ำซาก
การใช้ Entity SEO จะช่วยให้เราเขียนเนื้อหาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ต้องฝืนยัดคีย์เวิร์ดเข้าไปในประโยคจนดูแปลก ๆ Google จะเข้าใจเนื้อหาของเราผ่านบริบทและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ
4.รองรับการค้นหาแบบ AI และ Voice Search
การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้ได้อันดับดีใน Google SGE เมื่อผู้คนเริ่มใช้ Voice Search และการค้นหาแบบสนทนามากขึ้น การเข้าใจ Entity SEO จะช่วยให้เนื้อหาของเราสามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนและเป็นธรรมชาติได้ดีขึ้น
วิธีทำ Entity SEO ให้มีประสิทธิภาพ
หลังจากที่เราเข้าใจความสำคัญแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าจะมีวิธีลงมือทำจริง ๆ ในการสร้าง Entity SEO เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างไร
1.ใช้โครงสร้างบทความที่ชัดเจน และตอบคำถาม
การเขียนเนื้อหาสำหรับ Entity SEO ต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจนและตอบคำถามของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด เริ่มจากการวางแผนว่าผู้ใช้จะมีคำถามอะไรบ้างเกี่ยวกับหัวข้อที่เราเขียนหากเราเขียนเรื่อง “บริษัทรับทำ SEO” ควรตอบคำถามเหล่านี้
- บริษัทรับทำ SEO คืออะไร?
- บริการของบริษัทรับทำ SEO มีอะไรบ้าง?
- บริษัทรับทำ SEO ที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร?
- ควรเลือกบริษัทรับทำ SEO เจ้าไหนดี?
2.เชื่อมโยงไปยัง Entity ที่ Google รู้จัก
เมื่อ Google ระบุการกล่าวถึงเอนทิตี ระบบจะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลเอนทิตีที่รู้จัก หรือที่เรียกว่า Google Knowledge Graph ในการเขียนเนื้อหา ควรอ้างอิงและเชื่อมโยงไปยัง
- บุคคลสำคัญที่เป็นที่รู้จัก
- สถานที่ที่มีชื่อเสียง
- แบรนด์หรือบริษัทใหญ่
- เหตุการณ์สำคัญ
- หนังสือ ภาพยนตร์ หรือผลงานที่เป็นที่รู้จัก
3.ใช้ Structured Data (Schema Markup)
Schema Markup หรือ Structured Data คือการมาร์กอัปเนื้อหาเว็บไซต์ด้วยภาษาที่เครื่องมือค้นหาเข้าใจได้ โดยใช้พจนานุกรมจาก Schema.org
Schema Markup ที่ควรใช้
- Organization Schema: สำหรับข้อมูลบริษัทหรือองค์กร
- Person Schema: สำหรับข้อมูลบุคคล
- Product Schema: สำหรับสินค้า
- Article Schema: สำหรับบทความ
- Local Business Schema: สำหรับธุรกิจท้องถิ่น
4.ใช้คำพ้อง ความหมายใกล้เคียงและบริบท
เแทนที่จะใช้คีย์เวิร์ดเดิมซ้ำ ๆ ควรใช้คำพ้อง คำที่มีความหมายใกล้เคียง และสร้างบริบทให้ชัดเจน ตัวอย่าง
- แทนที่จะพูดแค่ “บริษัทรับทำ SEO” ให้ใช้คำว่า “เอเจนซี SEO”, “ผู้เชี่ยวชาญ SEO”, “บริการทำ SEO”, หรือ “ที่ปรึกษา SEO” สลับกันไป
- อธิบายประเภทของบริการ เช่น “SEO On-Page”, “SEO Off-Page”, “Technical SEO”, “Local SEO”, หรือ “Content Marketing”
- เชื่อมโยงกับสถานที่หรือกลุ่มเป้าหมาย เช่น “บริษัทรับทำ SEO กรุงเทพ”, “บริการ SEO สำหรับ SME”, หรือ “เอเจนซี SEO สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ”
วางแผนทำ SEO ใหม่เพื่อปรับตัวเข้าสู่ AI
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Entity SEO ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในข้ามคืน แต่ต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ
1.วิเคราะห์ Intent และสร้างคอนเทนต์เฉพาะทาง
เขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้คนและไม่ใช่เพื่อการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา เริ่มจากการศึกษาผู้ใช้ของเราอย่างลึกซึ้ง
- พวกเขาค้นหาอะไร
- ต้องการคำตอบแบบไหน
- มีปัญหาอะไรที่ต้องการแก้ไข
- ใช้ภาษาแบบไหนในการค้นหา
2.ปรับบทความให้ครอบคลุมมากขึ้น (Topical Authority)
เทรนด์ปี 2024 ชี้ให้เห็นความต้องการที่แรงกล้าสำหรับเนื้อหาต้นฉบับคุณภาพสูงและแนวทางที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางในการออกแบบและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ แทนที่จะเขียนบทความสั้น ๆ หลายบทความ ให้รวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเป็นบทความยาวที่ครอบคลุมทุกมุมมองของหัวข้อ
3.ลงมือทำ Structured Data (Schema) อย่างจริงจัง
เมื่อฝังใน markup เอนทิตีเหล่านี้ให้คุณค่า SEO เพิ่มเติมโดยช่วยเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ในการแยกแยะและให้บริบทแก่เนื้อหาของคุณ ไม่ใช่แค่ทำ Schema Markup พื้นฐาน แต่ต้องทำให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ:
- ทำ Schema สำหรับหน้าหลักของเว็บไซต์
- ทำ Schema สำหรับทุกบทความ
- เชื่อมโยง Schema ต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน
4.ลงทุนกับ Experience Content
สร้างเนื้อหาที่มาจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่เนื้อหาที่ก็อปปี้หรือเขียนตามแบบแผน Google จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จริง
5.ผสาน SEO เข้ากับกลยุทธ์ Content แบบ Conversational
เตรียมพร้อมสำหรับการค้นหาแบบสนทนาที่จะมาแรงขึ้นในอนาคต เขียนเนื้อหาที่สามารถตอบคำถามแบบยาวๆ และซับซ้อนได้
สรุป
Entity SEO ไม่ใช่แค่เทรนด์ใหม่ แต่เป็นวิวัฒนาการที่สำคัญในวงการ SEO ที่จะช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเข้าใจง่ายทั้งสำหรับผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา การปรับตัวเข้าสู่ Entity SEO ต้องอาศัยความอดทน การวางแผนที่ดี และการทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับกลยุทธ์ SEO ให้เข้าสู่ยุคใหม่ การเข้าใจและประยุกต์ใช้ Entity SEO จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Cotactic Media เป็นบริษัทรับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ปรับกลยุทธ์ SEO ให้เข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Entity SEO และเทคโนโลยีล่าสุด เราพร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัล
Source
Entity SEO: A Definitive Guide To Boost Your Rankings | NoGood
What is a Knowledge Graph in SEO? | Schema App Solutions
When and how to use knowledge graphs and entities for SEO | Search Engine Land