ในยุคที่ทุกอย่างหมุนอยู่บนหน้าจอ การสร้างตัวตนและแบรนด์กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ขายของได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะขายได้ดี เพราะวันนี้การตลาดไม่ได้แข่งกันที่ใครโพสต์บ่อยกว่า แต่แข่งกันที่ ใครเข้าใจผู้บริโภคได้มากกว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ฉลาดเลือก เเละมักจะซื้อของจากแบรนด์ที่เขารู้สึก เชื่อถือ หรือเชื่อมโยงทางอารมณ์ด้วยเท่านั้น เขาไม่ได้อยากได้แค่สินค้า แต่ต้องการ “ประสบการณ์” หรือ “ความรู้สึกดี” บางอย่างร่วมด้วย ดังนั้นถ้าอยากให้ยอดขายพุ่ง การยิงแอดอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบ แต่คุณต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้คน ใช้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและเลือกช่องทางสื่อสารให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
บทความนี้ Cotactic Media จะพาคุณไปรู้จักเทคนิคโฆษณายุคใหม่ที่แบรนด์ทั่วโลกนำไปใช้จริง เห็นผลจริง พร้อมเบื้องหลังแนวคิดว่าทำไมแต่ละเทคนิคถึงเวิร์ก ไม่ใช่แค่เพราะเทรนด์ แต่เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้จริง ๆ
การโฆษณาสินค้าให้ได้ลูกค้า
ก่อนลงมือยิงแอดหรือสร้างแคมเปญโฆษณา คำถามแรกที่ต้องตอบให้ได้คือ “ลูกค้าต้องการอะไรจริง ๆ” การโฆษณาที่ได้ผลจึงเริ่มจากความเข้าใจ ไม่ใช่แค่การบอก
1.เข้าใจความต้องการของลูกค้า
การโฆษณาที่ดีไม่ใช่แค่พูดให้ฟัง แต่ต้องพูดให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังคิดอยู่ในใจ ซึ่งมาจากการเข้าใจความต้องการ ความรู้สึก และแรงผลักดันเบื้องหลังการตัดสินใจซื้อ เช่น ลูกค้าอาจจะไม่อยากได้ครีมกันแดดเฉย ๆ แต่ต้องการ “มั่นใจเมื่อแต่งหน้า” หรือ “คุมมันระหว่างวัน” ถ้าคุณเข้าใจความรู้สึกนั้น โฆษณาที่คุณเขียนจะสะกิดใจได้ทันที
2.นำเสนอสินค้าให้ชัดเจน
คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อ เพราะยังไม่เข้าใจว่าสินค้าคุณคืออะไร ใช้ยังไง ดีกว่าเจ้าอื่นตรงไหน การโฆษณาต้องทำให้กระชับและตรงประเด็น เช่น ใช้ภาพก่อน-หลัง, Bullet Point เด่น ๆ, หรือวิดีโอสั้นที่สาธิตการใช้แบบเข้าใจง่ายในไม่กี่วินาที
3.ใช้รีวิวจากลูกค้าเพื่อสนับสนุนสินค้า
รีวิวที่มาจากผู้ใช้จริงคือโฆษณาที่มีพลังที่สุด เพราะลูกค้ามักเชื่อคำบอกเล่าจากกันและกัน มากกว่าคำโฆษณาจากแบรนด์ การหยิบรีวิวที่ตรงประเด็นและจริงใจมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอจาก Influencer ต่าง ๆ หรือวิดีโอ Unbox สินค้าจากผู้ใช้งานจริง จะช่วยลดความลังเลและเพิ่มความน่าเชื่อถือได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเยอะ
4.สร้างสรรค์สื่อให้น่าสนใจ
คอนเทนต์ที่น่าเบื่อไม่มีทางหยุดนิ้วใครได้ โฆษณาต้องใช้สื่อที่ดึงดูดสายตาใน 1–2 วินาทีแรก เช่น ภาพกราฟิกเคลื่อนไหว วิดีโอการใช้งานจริง หรือแม้แต่ Meme ที่เข้ากับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง จุดสำคัญไม่ใช่แค่ “ดูดี” แต่ต้อง “ดูแล้วอยากรู้ต่อ”
5.ใช้ Influencer โปรโมตสินค้า
ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้ดูโฆษณาอย่างเดียว แต่ดูว่า “ใครใช้” ด้วย การเลือก Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย (Micro-Influencer หรือ Creator เฉพาะทาง) มักให้ผลดีกว่าคนดังที่มีผู้ติดตามหลักล้าน เพราะความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือมันใกล้กว่า
6.ใช้ Storytelling ในการเล่าถึงสินค้า
การขายแบบเล่าเรื่องทำให้ลูกค้ารู้สึก ไม่ใช่แค่รู้ การบอกเล่าที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เช่น การเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงก่อน-หลังใช้สินค้า หรือเรื่องที่สะท้อนปัญหาที่ลูกค้าเคยเจอจะช่วยให้โฆษณาไม่ใช่แค่การขายของ แต่กลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าจดจำได้
7.สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า
โฆษณาไม่ควรเป็นแค่การพูดฝ่ายเดียวจากแบรนด์ แต่ควรเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าได้โต้ตอบ เช่น ชวนแสดงความเห็น มีเกมให้เล่น หรือร่วมโหวต วิธีเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ได้แค่ถูกขายของ แต่ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งที่แบรนด์กำลังทำอยู่
8.เสนอโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษ
ถึงแม้โปรโมชันจะไม่ใช่กลยุทธ์ระยะยาว แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่จูงใจให้เกิดการตัดสินใจใน “ตอนนี้” ได้ดีที่สุด เช่น Flash Sale, Code ส่วนลดจำกัดเวลา, หรือของแถมสำหรับลูกค้าใหม่ ข้อแม้คืออย่าใช้บ่อยจนลูกค้า “รอเซลล์” ทุกครั้ง
9.โปรโมตในหลาย ๆ ช่องทาง
อย่าพึ่งช่องทางใดช่องทางเดียว เพราะลูกค้าแต่ละคนใช้แพลตฟอร์มต่างกัน เช่น คน Gen Z อาจอยู่ใน TikTok, ผู้ใหญ่ใช้ Facebook, ส่วนสายทำงานอาจเล่น Instagram หรือดู YouTube ช่วงกลางคืน การยิงแอดหรือโปรโมตให้ครอบคลุมหลาย ๆ แพลตฟอร์มจึงเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลายและแม่นยำขึ้น
10.ติดตามผลลัพธ์เพื่อพัฒนา
ไม่มีโฆษณาไหน “ถูกต้อง” ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ทุกโฆษณาควร “เรียนรู้ได้” ด้วยการวัดผลจากตัวเลขที่ชัดเจน เช่น CTR, ROAS, Engagement rate หรือการดูพฤติกรรมลูกค้าหลังคลิก จะทำให้คุณรู้ว่าอะไรเวิร์ก ไม่เวิร์ก แล้วปรับให้ดีขึ้นได้อย่างแม่นยำ
ทำไมการโฆษณาสินค้าถึงสำคัญกับธุรกิจ
การโฆษณาในปัจจุบันไม่ได้มีหน้าที่แค่ “กระจายข้อมูล” แต่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างแบรนด์กับอารมณ์ ความต้องการ และการตัดสินใจของลูกค้าโดยเฉพาะในตลาดที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นและเลือกซื้อจากความรู้สึกมากกว่าความจำเป็น การโฆษณายุคใหม่ต้อง “พูดให้ตรงใจ” มากกว่าขายด้วยเหตุผลเท่านั้น
1.สร้างการรับรู้แบรนด์
ลูกค้ามีโอกาสซื้อจากแบรนด์ที่เขา “คุ้นหน้า” มากกว่าแบรนด์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย โฆษณาทำหน้าที่สร้างการรับรู้แบรนด์ให้กลายเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อต้องเลือกซื้อ
2.ช่วยในการตัดสินใจซื้อ
เมื่อมีสินค้ามากมายให้เลือก ลูกค้ามักตัดสินใจจากแบรนด์ที่ “อธิบายชัด เข้าใจง่าย” และรู้สึกว่า “ใช่” ภายในไม่กี่วินาทีแรก การโฆษณาที่ตอบคำถามแทนลูกค้าได้จะเปลี่ยนจากคนดูเป็นคนซื้อได้ง่ายกว่า
3.กระตุ้นความสนใจและความต้องการ
ผู้บริโภคหลายคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการสินค้า จนกระทั่งเจอโฆษณาที่สะกิดปัญหาหรือไลฟ์สไตล์บางอย่างที่เขาเชื่อมโยงได้ โฆษณาแบบนี้ไม่ได้แค่ขายของ แต่เน้นแก้ปัญหาใช้การเล่าเรื่องอย่างตรงจุด จะทำให้ธุรกิจสร้าง “โอกาสทางการขาย” ขึ้นมาได้ เหมือนสุภาษิตที่เขาบอกว่า “เกาให้ถูกที่คัน”
4.แข่งขันได้ในตลาดที่มีคู่แข่งจำนวนมาก
แบรนด์ที่เข้าใจการใช้ “อารมณ์ในงานโฆษณา” จะสามารถแยกตัวเองจากคู่แข่งได้ชัด เพราะลูกค้าไม่ได้จดจำแค่ผลิตภัณฑ์ แต่จดจำความรู้สึกที่แบรนด์นั้นให้ ถ้าให้ยกตัวอย่างช่องที่ทำโฆษณาได้โดดเด่น แตกต่าง ลึกซึ้ง เข้าถึงผู้คนได้สุด ๆ คงหนีไม่พ้น Salmon House ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครก็เถียงไม่ได้เลย
5.ชูจุดขายได้ชัดเจน
ในตลาดที่ลูกค้าอยากสนับสนุนแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจน การโฆษณากลายเป็นเวทีสื่อสารว่าแบรนด์คุณเชื่อในอะไร มีคุณค่าร่วมกับลูกค้าอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แบรนด์ยุคใหม่ควร “พูดออกมาให้ชัดเจน” จะทำให้แบรนด์ของคุณได้ใจมากกว่าแค่การลดราคาสินค้าเสียอีก
ตัวอย่างการโฆษณาของแบรนด์ดัง
โฆษณาที่เปลี่ยนแบรนด์ธรรมดาให้กลายเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภค มักมี “จุดร่วม” ที่คล้ายกัน คือการเชื่อมโยงกับอารมณ์จริงของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความหวัง ความเศร้า หรือแรงบันดาลใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากแค่ภาพสวย หรือคำพูดเท่ ๆ แต่จาก Insight ที่แม่นและการสื่อสารที่จริงใจ
1.Thai Life Insurance – “Unsung Hero”
โฆษณานี้ไม่ได้พูดถึงประกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พูดถึง “คนธรรมดาที่ทำสิ่งดี ๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน” ซึ่งเป็นแก่นที่ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงลึก ๆ ว่าชีวิตมีคุณค่า ความดีมีพลัง และนั่นทำให้คนอยากเลือกประกันจากแบรนด์นี้โดยไม่รู้ตัว
2.Dove – “Real Beauty”
โฆษณาที่กล้าฉีกจากกรอบเดิม ๆ ของอุตสาหกรรมความงาม และแทนที่ด้วยแนวคิดเรื่อง “ความงามในแบบของตัวเอง” ทำให้ Dove กลายเป็นแบรนด์ที่ผู้หญิงรู้สึกว่าเข้าใจและอยู่ข้างพวกเธอ ซึ่งแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะใช้ Empathy ไม่ใช่แค่ภาพสวย
3.Nike – “Just Do It”
หนึ่งในสโลแกนที่กลายเป็น Movement ระดับโลก เพราะไม่ได้บอกให้คนซื้อรองเท้า แต่มันพูดว่า “คุณก็ทำมันได้” โฆษณาของ Nike จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของคนธรรมดา คนล้มเหลว และคนที่ไม่ใช่นักกีฬาแต่กล้าท้าทายขีดจำกัดตัวเอง ซึ่งมักเรียกสิ่งนี้ว่า “Brand Story with a Purpose” เป็นการขายสินค้าผ่านความเชื่อที่ลูกค้าเกิดความรู้สึกร่วม
สรุป
การโฆษณาสินค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในวันนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบมากหรือน้อย แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความกล้าที่จะ “พูดในแบบที่เขาอยากฟัง” การเข้าใจลูกค้า เลือกช่องทางให้เหมาะสม ใช้คอนเทนต์ให้ถูก และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากผลลัพธ์ จะช่วยให้แบรนด์ของคุณไม่ได้แค่ขายดี แต่ยัง “มีที่ยืน” ในใจของลูกค้าอย่างยั่งยืน
ถ้าคุณกำลังมองหามืออาชีพที่เข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ของการตลาดดิจิทัล
Cotactic Media เป็น Digital Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญในการวางกลยุทธ์ครบวงจร พร้อมช่วยคุณสร้างผลลัพธ์อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา การวางแผนคอนเทนต์ หรือการเลือกช่องทางสื่อสารที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด พร้อมจะช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ กระตุ้นยอดขาย โดยผู้เชี่ยวชาญเเละทีมงานมืออาชีพ
Source
https://www.impactmybiz.com/blog/marketing-strategies-to-increase-sales/
https://roiminds.com/proven-digital-marketing-strategies-for-retail-stores/
https://www.saasant.com/blog/ecommerce-marketing-strategies-boost-online-sales/
https://www.chula.ac.th/en/highlight/49190/
https://roiminds.com/proven-digital-marketing-strategies-for-retail-stores/