click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถเปิดธุรกิจและขายของออนไลน์ได้ง่าย ๆ ซึ่งส่งผลทำให้การแข่งขันทางการตลาดยิ่งดุเดือดเข้มข้นกว่าที่เคยและถ้าแบรนด์ไหนที่ไม่มี “ตัวตน” หรือ “ภาพลักษณ์” ที่ชัดเจน จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขาย อย่างไรก็ตามคุณสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ เพียงแค่สร้างการจดจำและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการทำกลยุทธ์การตลาด Brand Character หรือบุคลิกภาพของแบรนด์ ซึ่งได้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่ง

บทความนี้ Cotactic บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ จะพาคุณไปรู้จักกับ Brand Character เจาะลึกกลยุทธ์การสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์  พร้อมตัวอย่างแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จ

Brand Character คือ

What is Brand Character

Brand Character หรือบุคลิกภาพของแบรนด์ คือ การกำหนดลักษณะเฉพาะ ตัวละครและตัวตนที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไปสู่ลูกค้า การสื่อสารนี้รวมถึงคุณค่า ความเชื่อ จุดยืนและอารมณ์ที่แบรนด์ต้องการให้ลูกค้าจดจำและรู้สึกเมื่อคิดถึงแบรนด์ กุญแจสำคัญของการสร้าง Brand Character จะต้องเชื่อมโยงความรู้สึกของแบรนด์กับลูกค้าให้ได้ ซึ่งการสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ที่แข็งแกร่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างการรับรู้เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด รวมทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำธุรกิจที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดในระยะยาว

2 ทฤษฎีสำคัญที่ต้องใช้ในการสร้าง Brand Character

1. Brand Personality

ในขั้นตอนแรกจะต้องทำการเลือกบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับแบรนด์ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  • ความจริงใจ (Sincerity)
    แบรนด์ที่แสดงถึงความจริงใจ ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ สื่อถึงความเสียสละ จิตใจดี อบอุ่น น้ำเสียงและภาษาที่ใช้มักสุภาพ อ่อนโยน เข้าถึงง่าย เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เน้นสร้างความไว้วางใจ เช่น แบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
  • ความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ (Excitement)
    สื่อสารให้แบรนด์ออกมาในรูปแบบที่ตื่นเต้นเร้าใจ เปรียบเสมือนผู้สร้างความสนุกสนาน ท้าทาย โลดโผน ไม่อยู่ในกรอบ นิยมสื่อสารด้วยโทนเสียงที่กระตือรือร้น สนุกสนาน เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการกระตุ้นความสนใจ ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ชอบความท้าทาย เช่น แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์รองเท้ากีฬา
  • ความมีอำนาจ (Competence)
    สร้าง Brand Character ที่ให้ความรู้สึก เปรียบเสมือนมีผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ มีความเฉลียวฉลาด และทรงพลัง ให้ความรู้สึกเป็นผู้นำ น้ำเสียงที่ใช้ควรเป็นโทนเสียงที่มั่นใจ น่าเชื่อถือ ซึ่งเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นและนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ เช่น แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์สถาบันการเงิน
  • ความแพรวพราว (Sophistication)
    หากคุณทำแบรนด์เครื่องประดับ แบรนด์รถยนต์หรู หรือธุรกิจที่มีความหรูหรา ต้องสร้างตัวละครของแบรนด์ให้มีรสนิยม ดูดี พรีเมียม เป็นสง่า มีระดับ ใช้โทนเสียงที่หรูหรา นุ่มนวล เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง
  • ความแข็งแรง (Ruggedness)
    เป็นตัวละครที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง แข็งแรง ทนทาน มุ่งมั่น เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในด้านประสิทธิภาพ ความทนทาน เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เน้นการใช้งานจริง เช่น แบรนด์เครื่องมือช่าง แบรนด์อุปกรณ์กีฬา

2. Brand Archetypes

Brand Archetypes คือ แม่แบบหรือต้นแบบของบุคลิกภาพแบรนด์ที่พัฒนาโดย Carl Jung นักจิตวิทยาชาวสวิสและ Margaret Mark & Carol S. Pearson นักเขียนและนักคิดค้นได้ทำการแบ่งบุคลิกภาพของแบรนด์ออกเป็น 12 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีภาพลักษณ์ อุปนิสัยและเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

  1. วีรบุรุษ (The Hero): มุ่งมั่น กล้าหาญ ต้องการเอาชนะอุปสรรค เปลี่ยนแปลงโลก เช่น Adidas, Nike, FedEx
  2. ผู้กบฏ (The Outlaw): ต่อต้านกฎระเบียบ ท้าทายอำนาจ มุ่งมั่นสร้างความแตกต่าง เช่น Virgin, Diesel
  3. ผู้วิเศษ (The Magician): ชาญฉลาด สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสร้างสิ่งใหม่ ๆ เช่น Cocacola, Disney, Dyson
  4. คนรัก (The Lover): โรแมนติก ดึงดูดใจ ความสัมพันธ์ที่หวานชื่น เช่น Chanel, Victoria’s Secret
  5. ผู้ขบขัน (The Jester): ร่าเริง สนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะ เช่น M&M Old spice Dollar, Shave Club
  6. ผู้คนทั่วไป (The Everyman): เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริง เช่น LYNX, Target, Ikea
  7. ผู้รอบรู้ (The Sage): ฉลาด รอบรู้ แสวงหาความรู้ เช่น Google, BBC, Oxford
  8. ผู้บริสุทธิ์ใจ (The Innocent): มองโลกในแง่ดี ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ เช่น Dove, Aveeno
  9. ผู้ปกครอง (The Ruler): ทรงพลัง ชาญฉลาด มีความมั่นคง เช่น Louis Vuitton, Rolex, Mercedes Benz
  10. ผู้สร้างสรรค์ (The Creator): คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เช่น Apple, LEGO, Adobe
  11. ผู้ดูแล (The Caregiver): เมตตา เสียสละ ช่วยเหลือผู้อื่น เช่น TOMs, WWF, Unicef
  12. ผู้ผจญภัย (Explorer): ลึกลับ น่าค้นหา เช่น The North Face, Jeep, Patagonia

Brand Character ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ

1. Visual  

การสร้าง Brand Character หรือการออกแบบตัวละครจำเป็นต้องมีการร่างรูปลักษณ์ภายนอกของตัวละครให้มีความโดดเด่น จดจำง่าย สื่อถึงบุคลิกและสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้สีสันเพิ่มเติม เพื่อสื่อถึงอารมณ์ ความรู้สึก และอาจจะนำโลโก้ของแบรนด์มาผสมผสานกับตัวละคร เพื่อเสริมสร้างการจดจำ

2. Typefaces

Typefaces หรือตัวอักษรใน Brand Character หมายถึงการออกแบบ “ฟอนต์” ที่แบรนด์เลือกใช้ ซึ่งฟอนต์จะมีผลต่อการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น หากนึกถึงฟอนต์ของ Disney จะสื่อให้เห็นถึงความสดใส ความสร้างสรรค์ และจินตนาการ เพื่อให้เห็นภาพเพิ่มเติมจะขอยกตัวอย่างฟอนต์ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ในการออกแบบ Typefaces ได้แก่

  1. Serif (เซอริฟ) จะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่ปลายตัวอักษร สื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความหรูหรา และความเป็นทางการ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการภาพลักษณ์แบบคลาสสิค ดูแพง ความน่าเชื่อถือ เช่น แบรนด์เครื่องประดับ สถาบันการเงิน หรือโรงแรม
  2. Sans Serif (ซานเซอริฟ) ไม่มีเส้นเล็ก ๆ ที่ปลายตัวอักษร ดูเรียบง่าย ทันสมัย อ่านง่าย เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการภาพลักษณ์แบบโมเดิร์น เข้าถึงง่าย หรือแบรนด์ที่เน้นความเป็นมิตร เช่น แบรนด์เสื้อผ้า หรือร้านกาแฟ เป็นต้น

3. Element

Element หรือรูปทรงเป็นองค์ประกอบทางภาพต่าง ๆ ที่ใช้สื่อความหมายและอารมณ์ตัวตนของแบรนด์ เช่น

  • สี่เหลี่ยม สื่อถึงความเป็นทางการ มั่นคง น่าเชื่อถือ
  • วงกลม สื่อถึงความเป็นกันเอง ร่าเริง ร่วมสมัย
  • เส้นโค้ง สื่อถึงความอ่อนโยน สง่างาม หรูหรา
  • เส้นตรง สื่อถึงความแข็งแกร่ง มุ่งมั่น จริงจัง

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ Element ที่เหมาะสมกับ Brand Character จะช่วยสร้างภาพลักษณ์และอารมณ์ที่ต้องการให้กับแบรนด์ ช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. Text

Text ใน Brand Character หมายถึง ถ้อยคำ ข้อความ น้ำเสียง ตลอดจนวิธีการเล่าเรื่องของแบรนด์ ซึ่งจะสื่อถึงตัวตน เอกลักษณ์ การเลือกใช้ Text ที่เหมาะสมนั้น จำเป็นต้องพิจารณากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ก่อนว่าเป็นใคร มีลักษณะนิสัยอย่างไร เพื่อที่แบรนด์จะสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น อาจจะใช้ภาษาที่เรียบง่าย สนุกสนาน เข้าใจง่าย ใกล้ชิดกับวัยรุ่น กลุ่มเป้าหมายผู้เชี่ยวชาญ อาจจะใช้ภาษาที่เป็นทางการ เน้นข้อมูลหลักฐาน เชื่อถือได้ เป็นต้น

การสร้าง Brand Character ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

How to Identify a Brand Character

หลังจากที่เราได้ทราบถึงความหมาย และคุณสมบัติสำคัญ 4 ประการของ Brand Character ไปแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาเจาะลึกกลยุทธ์การสร้าง Brand Character ที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและประสบความสำเร็จ

1. Friendliness

การสร้าง Brand Character ให้กับแบรนด์ควรจะสร้างภาพลักษณ์ของตัวละครให้เข้าถึงง่าย มีความสุภาพ และเป็นมิตร ซึ่งอาจจะเสริมในเรื่องของอารมณ์ให้ตัวละเข้าไปด้วย เช่น อารมณ์สนุกสนาน ความตลก รวมทั้งเลือกใช้ภาษาในการสื่อสารที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่เป็นทางการมากเกินไป สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความรู้ที่ดีให้แก่ลูกค้า

2. Trustworthiness

สร้างภาพลักษณ์ตัวละครให้มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา และสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าได้ เพื่อสร้างความไว้วางใจ ซึ่งความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

3. Expertise

หากจะสร้าง Brand Character คุณจำเป็นต้องสื่อสารกับลูกค้าด้วยการแสดงออกถึงการมีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์ตนเอง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถสร้างตัวละครที่มีภาพลักษณ์ที่เชี่ยวชาญคือ คุณจะต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดี เพื่อให้สามารถสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

4. Enthusiasm

การสร้าง Brand Character ควรสอดแทรกความรู้สึกที่แสดงถึงความกระตือรือร้น มีชีวิตชีวา ทำให้ลูกค้ามั่นใจในแบรนด์ เพื่อดึงดูดความสนใจ สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้ลูกค้าอยากทดลองสินค้าและบริการของแบรนด์

ประโยชน์ของ Brand Character

The Benefits of a Unique BrandCharacter

การสร้าง Brand Character ที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างชัดเจนว่าแบรนด์มีตัวตนอย่างไร ซึ่งหากคุณสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้แบรนด์ของคุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้ รวมทั้งยังได้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. สร้างความโดดเด่น

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าในปัจจุบันใคร ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ง่าย  ทำให้การแข่งขันในตลาดทวีความรุนแรงมากขึ้นและหากสินค้าของแบรนด์คุณไม่มีความโดดเด่นโอกาสที่จะดึงดูดใจลูกค้าและประสบความสำเร็จก็จะยิ่งยากขึ้น ดังนั้นการทำ Brand Character จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์มีความแตกต่างและโดดเด่นอย่างชัดเจน

2. สร้างการจดจำ

เคล็ดลับสำคัญของการสร้าง Brand Character คุณจะต้องนำเอกลักษณ์และคาแรคเตอร์ของแบรนด์ออกมา ควรสื่อถึงคุณค่า ความเชื่อ จุดยืนของแบรนด์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้แบรนด์โดดเด่น ลูกค้าจะจดจำแบรนด์ได้ อย่างไรก็ตามการจะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้สีและโลโก้ที่น่าจดจำ การเลือกใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ การสร้างตัวละครให้น่าสนใจ เป็นต้น

3. สร้างความเข้าใจ

การสร้างตัวละครของแบรนด์ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกค้าจดจำได้ แต่ยังสามารถทำให้ลูกค้าเข้าใจแบรนด์ได้อีกด้วย เนื่องจากตัวละครที่แบรนด์สร้างขึ้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารระหว่างแบรนด์และลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจง่ายขึ้นว่าแบรนด์ต้องการส่งเสริมอะไรและจะมอบคุณค่าอะไรให้แก่ลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น Dove แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม สร้างตัวละครที่สื่อถือความเป็นธรรมชาติ ความงามที่แท้จริง และการยอมรับตัวเอง โดยการโฆษณาของ Dove มักจะใช้ผู้หญิงทั่วไปแทนที่จะเป็นนางแบบมืออาชีพ และส่งเสริมให้ผู้หญิงยอมรับและรักตัวเอง อย่างแคมเปญ “Real Beauty” ที่ใช้ผู้หญิงที่มีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ แสดงถึงความงามที่หลากหลาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อลูกค้าเจอโลโก้หรือนึกถึงแบรนด์ลูกค้าจะเข้าใจได้ทันทีว่า Dove มีจุดยืนและคาแรคเตอร์อย่างไร

ตัวอย่าง Brand Character

Sample brand character

Brand Character หรือตัวละครแบรนด์ เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำ เข้าใจ และเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะมายกตัวอย่างของแบรนด์ชั้นนำที่ได้สร้างตัวละครแบรนด์ที่สื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ตัวละครแบรนด์ของคุณเอง

1. Cotactic

Cotactic เลือกเสือสีส้มเป็นตัวละครของแบรนด์ Brand Character สื่อถึงบุคลิกอันเปี่ยมไปด้วยพลัง ความร่าเริง สดใส และความโดดเด่น ซึ่งเสือตัวนี้ไม่ใช่เสือธรรมดา แต่เป็นเสือที่สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ เชี่ยวชาญ และเป็นมืออาชีพในด้านการตลาด ซึ่งหากเจาะลึกไปที่การสร้าง Brand Character จะเห็นได้ว่า สีส้มจะสื่อถึงพลัง ความกระตือรือร้น และความสดใส สูทสีคลุมโทนบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพ ดวงตาที่มุ่งมั่นสื่อถึงความรู้ ความเฉียบคม และความมั่นใจ ท่าทางที่กระฉับกระเฉง แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน และความทุ่มเทพร้อมที่จะนำพาธุรกิจของลูกค้าไปสู่เป้าหมาย จึงสรุปได้ว่าเสือ Cotactic ตัวนี้เป็นเสมือนตัวแทนของทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Cotactic ที่พร้อมให้บริการลูกค้าด้วยความทุ่มเท มุ่งมั่น และนำพาธุรกิจของลูกค้าไปสู่ความสำเร็จ

2. Ronald McDonald

โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เป็นตัวละครมาสคอตประจำแบรนด์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด แมคโดนัลด์ ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยมี  Brand Character ที่โดดเด่น ด้วยการสร้างบุคลิกให้มีความร่าเริง เป็นมิตร และช่างเล่น เสมือนเป็นตัวแทนของความสนุกสนาน เหมาะกับบรรยากาศของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด สร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็ก ๆ และด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นตัวตลก สวมชุดสีแดง เหลือง ขาว มีรองเท้าสีแดงขนาดใหญ่ แต่งหน้าด้วยสีสันสดใส ทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก ๆ  และผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี

3. Tony the Tiger

ไม่ว่าใครก็ต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับตัวการ์ตูนมาสคอตประจำซีเรียลอาหารเช้า Frosted Flakes  ของ Kellogg’s เสือตัวสีส้มที่มีชื่อว่า Tony the Tiger ที่ถูกออกมาตั้งแต่ปี 1952 โดย Eugene Kolkey and Leo Burnett และได้กลายเป็นมาสคอตที่ในปัจจุบันยังคงถูกนำมาใช้กับแบรนด์ ภาพลักษณ์ภายนอกจะเป็นเสือตัวใหญ่สีส้ม มีจมูกสีน้ำเงิน และสวมผ้าพันคอสีแดง ซึ่งบุคลิกของ Tony the Tiger จะมีความสดใส ร่าเริง  เป็นมิตร  มีพลัง ทั้งยังมีวลีเด็ดที่ชอบพูดคือ “They’re Grrrrreat!” ซึ่งบทบาทของเจ้าเสือตัวนี้เสมือนตัวแทนของอาหารเช้าที่ดี มีประโยชน์ และมีคุณค่าทางโภชนาการ

สรุป

Brand Character คือภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่แบรนด์สร้างขึ้น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงการออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ และตัวละครของแบรนด์ เพื่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีเอกลักษณ์ สะท้อนถึงคุณค่า ความเชื่อ และจุดยืนของแบรนด์ ซึ่งช่วยให้แบรนด์มีความโดดเด่นและน่าจดจำ การมี Brand Character ที่ชัดเจนและสอดคล้องกันจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า และเสริมสร้างความภักดีในระยะยาว

สนใจปรึกษา Cotactic

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่มีทีมการตลาด หรือเป็นนักการตลาดที่ต้องการผู้ช่วยทำโฆษณาให้ติดตลาดออนไลน์ ไม่อยากสูญเงินเปล่าให้แพลตฟอร์มโฆษณาจากการลองผิดลองถูกเองแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ลองให้ Cotactic Media บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์กว่า 8 ปี คอยเป็นผู้ช่วยคุณเพิ่มความมั่นใจในทุกความท้าทายทางธุรกิจ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดและสร้างยอดขายไปพร้อมกัน ช่วยคุณต่อสู้กับคู่แข่งในแบบฉบับของคุณ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แบรนด์คุณเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ติดต่อขอรับคำปรึกษากลยุทธ์การตลาดออนไลน์กับ Cotactic ได้ก่อนตัดสินใจรับบริการ เพียงกรอกข้อมูลเพื่อให้เรารับทราบโจทย์ของคุณ คลิกที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 065 095 9544

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวม 200 รายชื่อ Digital Marketing Agency ในไทย ปี 2026

รวม 200 รายชื่อ Digital Marketing Agency ในไทย ปี 2026

Viral Marketing ให้คอนเทนต์ไวรัลแชร์ต่อแบบไม่หยุด

Viral Marketing คืออะไร? พร้อมวิธีคิดคอนเทนต์ให้คนแชร์ต่อแบบไม่หยุด

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้