click

Influencer คืออะไร? รวมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้!

3 Mins read
3 Mins read
Nov 5, 2021
Nov 5, 2021

เชื่อไหมว่า Influencer Marketing นั้นมีหลักการทำงานมากกว่าที่เจ้าของธุรกิจหลายท่านคิด ทั้งประเภทที่แตกต่างออกไปของ Influencer ทั้งองค์ประกอบการทำงานต่าง ๆ ในแง่มุมที่คาดไม่ถึง ซึ่งจะมีอะไรสำคัญบ้างนั้น วันนี้ทาง Cotactic Digital Marketing Agency บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress และการตลาดออนไลน์ ขออาสาพาทุกท่านไปเจาะลึกเรื่องนี้พร้อม ๆ กันครับ

 

Influencer คืออะไร?

Influencer คือ ผู้ที่มีผู้ติดตามและให้ความสนใจจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต ซึ่ง บุคคลเหล่านี้จะสามารถสร้างแรงจูงใจ สร้างอิทธิพลต่อความคิดของผู้คนจำนวนมากได้ผ่านคอนเทนต์ที่พวกเขาสร้าง โดยเนื้อหาเหล่านั้นจะมีความน่าสนใจเป็นพิเศษทั้งในแง่ของการให้ความบันเทิง ความรู้ หรือชีวิตประจำวันที่แตกต่างกันไป จนสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าถึงและอยากติดตามบุคคลนั้น ๆ

Influencer นั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า Influence ที่แปลว่า มีอิทธิพล สิ่งชักจูง อำนาจชักจูง เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคมบนโลกออนไลน์

 

influencer

 

ตัวของอินฟลูเอนเซอร์นั้นมีมากมายหลายประเภท ตั้งแต่ผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงจากสื่อหลัก จนไปถึงบุคคลทั่วไปที่มีความคิดสร้างสรรค์พอจะสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ต่อความชอบของผู้คน เช่น Blogger กูรู เจ้าของเพจเฟสบุ๊ค นักวิชาการ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น ซึ่ง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ใครสักคนจะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ บุคคลเหล่านั้นจะต้องมีความสามารถและประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับแก่คนหมู่มาก นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างอิทธิพลต่อความคิด ทัศนคติ และการตัดสินใจของผู้คนที่ติดตามได้ แม้จะเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม

 

คุณสมบัติของ Influencer

  • บุคคลที่มีความสามารถในการโน้มน้าวต่อการตัดสินใจของผู้อื่น อันเนื่องมาจากตำแหน่งทางสังคม ความรู้ ระดับการศึกษา อาชีพ เป็นต้น
  • บุคคลที่มีกลุ่มผู้ติดตามผ่านความสนใจด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ อาจมีส่วนร่วมระหว่างผู้ติดตามและอินฟลูเอนเซอร์จากกลุ่มสังคมที่มีความชอบเรื่องเดียวหรือใกล้เคียงกัน

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


 

ประเภทของ Influencer

สำหรับการแบ่งประเภท Influencer เพื่อทำ Online Marketing นั้นมีเกณฑ์สำคัญหลายอย่างที่นำมาชี้วัดเพื่อแบ่งระดับพวกเขาออกเป็นหมวดหมู่ แต่อันดับแรกสุดที่มักหยิบยกมาพูดถึงเลยก็คือ จำนวนผู้ติดตาม ซึ่งก็มีข้อดีคือ เราจะสามารถกำหนดขนาดของผู้รับสารได้ง่ายและเฉพาะเจาะจงตามกลุ่มเป้าหมายที่คนวางกลยุทธ์ต้องการ ซึ่งแต่ละประเภทก็สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งคุณภาพของเนื้อหา ความน่าเชื่อถือ และเรทราคา โดยจะมีกี่ประเภทบ้างนั้นมาดูกันครับ

 

1. Nano Influencer

จำนวนผู้ติดตาม: 1,000-10,000 คน

อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้คือคนที่มีกลุ่มผู้ติดตามน้อยที่สุดจากทั้งหมด แต่ก็มีข้อดีที่ประเภทอื่นเทียบไม่ได้ คือเรทราคาที่ไม่แพงมากและกลุ่มคอมมูนิตี้ของกลุ่มผู้ติดตามที่เล็กแต่อบอุ่น อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้ส่วนมากจะมีความใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ติดตามเป็นพิเศษ พวกเขาจะรู้จักกลุ่มผู้ติดตามเป็นอย่างดี ซึ่งทีมการตลาดอาจเลือกใช้กลยุทธ์ที่ให้นาโนอิลฟลูเอนเซอร์หลาย ๆ คนทำคอนเทนต์พร้อม ๆ กันในทีเดียว เป็นการกระตุ้นให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูเป็นจริงและจับต้องได้ง่ายมากกว่า

 

2. Micro Influencer

จำนวนผู้ติดตาม: 10,000-50,000 คน

อินฟลูเอนเซอร์ระดับนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะคนกลุ่มนี้เป็นครีเอเตอร์ที่ผลิตเนื้อหาค่อนข้างเฉพาะทาง สามารถเข้ากับแบรนด์ได้ง่ายเพราะยังไม่มีตัวตนที่ชัดเจน จัดเป็นกลุ่มที่คล้ายคลึงกับนาโนอินฟลูเอนเซอร์ แต่ก็เข้าถึงผู้คนได้มากกว่า ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้ง่ายและยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง

 

Micro Influencer

 

3. Mid Tier Influencer

จำนวนผู้ติดตาม: 50,000-500,000 คน

อินฟลูเอนเซอร์ระดับกลางที่หลายแบรนด์ต้องการ เพราะสามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) ได้ดี ส่วนมากแล้วอินฟลูเอนเซอร์ระดับนี้จะทำคอนเทนต์เป็นอาชีพหลัก มีความเป็นมืออาชีพทำให้มั่นใจในเรื่องของเนื้อหาที่จะสื่อสารออกไปได้ เป็นกลุ่มที่มีความสมดุลทั้งในเรื่องของเรทราคาที่ไม่แพงเกินไป มีผู้ติดตามที่เยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเยอะมากจนรู้สึกจับต้องไม่ได้

 

4. Macro Influencer

จำนวนผู้ติดตาม: 500,000-1,000,000 คน

เป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับค่อนข้างใหญ่ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเป็นมืออาชีพสูงเนื่องจากเนื้อหาหลักที่พวกเขาทำจะค่อนข้างเฉพาะเจาะจงในด้านใดด้านหนึ่ง เหมาะกับการสร้างการรับรู้ให้แก่แบรนด์และวางแผนการตลาดเพื่อหาลูกค้าใหม่ เพราะสามารถเข้าถึงพร้อมเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งหากมีงบประมาณที่มากพอ ตัวมาโครอินฟลูเอ็นเซอร์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดก็เป็นได้

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


 

5. Mega Influencer

จำนวนผู้ติดตาม: มากกว่า 1,000,000 คนขึ้นไป

อาชีพส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้มักเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่าง ดารา นักร้อง นักแสดง นักกีฬา แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดจากทั้งหมด คนกลุ่มนี้เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง อยากให้คนเข้าถึงจำนวนมาก ๆ ไม่เน้นเจาะจงกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งเป็นพิเศษ คนกลุ่มนี้สามารถขับเคลื่อนสังคมหรือเทรนด์ต่าง ๆ ได้ในทุกกิจกรรมที่เขาทำ ฉะนั้นเมื่อเขาทำอะไร ย่อมต้องมีคนจับตามองแน่นอน ข้อควรระวังคือต้องวางแผนกลยุทธ์ให้ดีและรัดกุม เพราะการทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ระดับนี้อาจสร้างความแท้จริงหรือจับต้องได้ไม่มากพอ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เล็กกว่านั่นเอง

 

ประโยชน์ของ Influencer

1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือหาลูกค้าได้ง่ายกว่า

ด้วยความที่อินฟลูเอนเซอร์นั้นมีทัศนคติและความคิดเห็นใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ติดตาม นั่นจึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า ทำให้การสื่อสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ดูน่าเชื่อถือ สามารถสร้างแรงกระตุ้นในการอยากซื้ออยากใช้ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายมากกว่าที่แบรนด์จะสามารถทำได้เองเสียอีก นั่นจึงทำให้อินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นอีกหนึ่งแผนการตลาดสำหรับการหาลูกค้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพ

 

influencer marketing

 

2. สามารถสร้างภาพลักษณ์ให้แก่แบรนด์ได้เป็นอย่างดี

หากเทียบกับคนที่มีชื่อเสียงจากสื่อกระแสหลักแล้ว อินฟลูเอนเซอร์บนอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มสร้างความรู้สึกจับต้องได้แก่สินค้าหรือบริการมากกว่า เพราะผู้ติดตามส่วนมากนั้นตามพวกเขาจากทัศนคติ ผลงานเนื้อหาและชีวิตประจำวัน กลุ่มเป้าหมายจะไม่รู้สึกยัดเยียด จะไม่รู้สึกเหมือนถูกโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งถ้าเกิดมีกลยุทธ์การทำงานที่ดีและมีอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม ก็จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

 

3. วัดและประเมินผลได้ง่าย

ด้วยความที่ผลงานหรือคอนเทนต์ที่อินฟลูเอนเซอร์ผลิตขึ้นอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ การวัดและประเมินผลเบื้องต้นจึงทำได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ยอดการเข้าถึง ยอดการมีส่วนร่วม ความคิดเห็น ยอดแชร์ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวประเมินเบื้องต้นได้เป็นอย่างดีว่ากลยุทธ์ที่ทำอยู่มีทิศทางเป็นเช่นไร การปรับแก้ไขจึงเป็นเรื่องง่าย สามารถจัดการได้ทันทีหรือเก็บข้อมูลเพื่อใช้กับแคมเปญต่อ ๆ ไปก็ทำได้

 

online marketing

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


 

Influencer Marketing

เป็นเรื่องจริงที่ในปัจจุบันนี้ ธุรกิจไหน ๆ ก็สามารถหาลูกค้าใหม่จาก Influencer Marketing ได้ทั้งนั้น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายถึงขนาดที่คิดว่าจะทำก็เริ่มทำได้เลย การทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์นั้น ต้องมีแผนการกลยุทธ์ที่ชัดเจน ต้องเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายทางธุรกิจของแบรนด์ตัวเอง แถมยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เราต้องวิเคราะห์ตีโจทย์ให้แตก ถึงจะสามารถดึงเอาประโยชน์ของการทำการตลาดประเภทนี้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยจะมีปัจจัยสำคัญอะไรบ้างนั้นเรารวบรวมไว้ให้ดังนี้ครับ

 

1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายและแพลตฟอร์ม

นอกจากตัวอินฟลูเอนเซอร์แล้ว กลุ่มเป้าหมายของอินฟลูเอนเซอร์เองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องศึกษา อันที่จริงมันควรจะเป็นอย่างแรกด้วยซ้ำที่เราจะต้องรู้ก่อนให้ได้ ว่าลูกค้าของเราเป็นใคร มีไลฟ์สไตล์ความสนใจแบบไหน มีพฤติกรรมอย่างไร เพราะถ้าหากคุณรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี คุณก็จะรู้ว่าต้องเลือกอินฟลูเอนเซอร์แบบใด คอนเทนต์ต้องออกมาประมาณไหนถึงจะเหมาะสม เป็นต้น

 

Digital Marketing Agency

 

ลำดับถัดมาคือแพลตฟอร์ม ในยุคนี้มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอยู่เยอะเต็มไปหมด การที่จะพาแบรนด์ไปอยู่ในทุกแพลตฟอร์มเลยก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากทุกอย่างยังอยู่ในขั้นต้น การเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะมันจะทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงแบรนด์คุณกับตัวอินฟลูเอนเซอร์ได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถสร้างจุดเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างคอนเทนต์กับเพจหรือช่องทางของคุณที่อยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้กลยุทธ์ประสบความสำเร็จ

 

2. เลือก Influencer ให้เหมาะสมกับตัวธุรกิจ

การเลือกอินฟลูเอนเซอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด เพราะหากเราได้อินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่เหมาะสมมา นั่นอาจทำให้เราเสียโอกาสและทรัพยากรที่มีค่าไปได้ การที่จะเลือกอินฟลูเอนเซอร์มีเทคนิคเบื้องต้นง่าย ๆ คือ

 

  • หากธุรกิจคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือกลาง ก็ควรใช้อินฟลูเอนเซอร์ระดับ Macro หรือ Mega ไปเลย เพราะการใช้ระดับเล็ก ๆ ในตอนต้นอาจไม่ได้ผลอะไรมากนัก แต่ถ้าใช้คนดังที่มีคนติดตามมากก็จะถือว่าเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี แถมยังสร้างอิมแพคเป็นวงกว้างได้ง่าย
  • หากธุรกิจคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีสินค้าหรือบริการที่เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง ก็ควรใช้อินฟลูเอนเซอร์ระดับ Nano, Micro หรือ Mid-Tier เพราะมันจะเป็นการวางภาพลักษณ์ให้ตัวแบรนด์ดูจับต้องได้ เป็นการปูรากฐานให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี

 

digital marketing

 

เมื่อทราบแล้วว่าอินฟลูเอนเซอร์ประเภทไหนเหมาะสมกับตัวธุรกิจ ลำดับถัดไปก็คือการเลือกสรรตัวบุคคลว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนจะสามารถเข้ากับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยอาจจะคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ติดตาม คอนเทนต์ที่สร้าง ชื่อเสียงและทัศนคติ ซึ่งการหาอินฟลูเอนเซอร์ในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพราะในปัจจุบันก็ได้มีทั้งแบบการติดต่อเข้าไปที่ตัวบุคคลโดยตรงหรือติดต่อผ่านเอเจนซี่ แถมยังมีอินฟลูเอนเซอร์มากมายให้เลือกสรร

 

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


 

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ จุดยืนของ Influencer จะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ด้วยเสมอทั้งในแง่ของทัศนคติ ความเห็นทางการเมือง นิสัยการวางตัว ฉะนั้นการทำข้อตกลงที่ดีและรัดกุมก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้ ควรมีการพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายก่อนเริ่มงาน ว่าแบรนด์มีข้อจำกัดอะไร อินฟลูเอนเซอร์จะทำเนื้อหาแบบไหน อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อให้การทำงานในอนาคตราบรื่นและเกิดปัญหาน้อยที่สุด

 

3. กำหนดเนื้อหาที่เหมาะสม

ในปัจจุบันนี้เป็นยุคสมัยแห่งการสร้างสรรค์ เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปไกล จนเอื้ออำนวยให้ทุกคนสามารถสร้างหรือผลิตผลงานต่าง ๆ ได้ตามใจนึก บนโลกอินเตอร์เน็ตมีคอนเทนต์มากมายให้ผู้ใช้งานได้เลือกเยอะจนเสพเท่าไหร่ก็ไม่หมด กลยุทธ์ Influencer Marketing จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เพราะยิ่งคุณมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ คอนเทนต์หรือข้อความที่คุณส่งก็จะโดดเด่นและมีคนเห็นมากขึ้นเท่านั้น

 

Influencer Content

 

ฉะนั้นเนื้อหาหรือข้อความที่อินฟลูเอนเซอร์ปล่อยออกมาจึงเป็นอะไรที่ทรงพลัง ยิ่งเป็นอินฟลูระดับสูงก็ยิ่งกระจายการรับรู้ได้มากเท่านั้น คุณสามารถหาลูกค้าใหม่ได้ทั่วทุกมุมโลก หากชื่อเสียงของอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นโด่งดังไปถึง คอนเทนต์ที่ถูกผลิตจึงต้องมีคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องถูกคิดมาอย่างดีเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรูปแบบของคอนเทนต์นั้นก็ไม่ได้ตายตัวแต่อย่างใด ยิ่งเป็นอะไรที่สดใหม่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

 

การทำ Influencer Marketing ในปัจจุบันเป็นการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ที่สร้างอิมแพคอย่างมากต่อสังคมและผู้บริโภค เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แบรนด์จะสามารถหาลูกค้าหรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างที่สื่อยุคเก่าไม่สามารถทำได้ ดังนั้นแล้วการที่ผู้ประกอบการจะหันมาปรับตัวลองใช้วิธีนี้จึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างที่สุด แต่ถึงกระนั้นการศึกษาหาข้อมูลถึงวิธีการที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะกลยุทธ์การตลาดออนไลน์นั้นมีพื้นฐานที่เริ่มต้นจากความเข้าใจ ต่อให้โมเดลการทำงานจะดูดีทันสมัยมากแค่ไหน แต่หากไร้ซึ่งวิธีการที่ถูกต้อง ขาดซึ่งความเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันก็ไม่อาจให้ผลลัพธ์ดังที่หวังได้ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจคุณสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าไปอย่างไม่จำเป็น

 

ดังนั้นหากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำ Online Marketing มาช่วยเหลือจัดการปัญหาพร้อมวางรากฐานให้แก่ตัวธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้ บริษัทให้บริการเกี่ยวกับ Digital Marketing Agency ที่ทุกธุรกิจไว้วางใจ

 

โทร.065-095-9544

 

Inbox: https://m.me/cotactic

Line@: https://bit.ly/cotactic

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://rb.gy/k1uhx5

https://rb.gy/wvzghs

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

กลยุทธ์เพิ่ม Customer Satisfaction เพื่อความสำเร็จของธุรกิจ

ยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงและรวดเร็ว ความพึงพอใจของลูกค้ากลายเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ธุรกิจไม่อาจมองข้ามอีกต่อไป ไม่ใช่แค่การขายของให้ได้เท่านั้น แต่ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกดี ประทับใจ และอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ เพราะลูกค้าที่พอใจมักจะกลายเป็นลูกค้าประจำ บอกต่อ และช่วยสร้างรายได้ระยะยาวให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน ในทางกลับกันหากลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่พึงพอใจ จะส่งผลให้ลูกค้าไม่กลับมาอีก แต่ที่น่ากลัวมากนนั้นอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของแบรนด์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลถูกแชร์ได้ในไม่กี่วินาที เสียงบ่นเพียงหนึ่งเสียง อาจกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าอีกหลายร้อยคนได้ทันที ด้วยเหตุนี้ Customer Satisfaction หรือความพึงพอใจของลูกค้า จึงไม่ใช่เพียงตัวเลขในแบบสอบถาม แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของ Customer Satisfaction ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ และวิธีพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม Customer Satisfaction คืออะไร? คือ การวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อประสบการณ์ที่ได้รับจากสินค้าหรือบริการของธุรกิจ โดยพิจารณาจากการเปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังกับสิ่งที่ได้รับจริง เมื่อผลลัพธ์ที่ได้รับตรงตามความคาดหวังหรือเกินกว่าที่ความคาดหวัง ลูกค้าจะรู้สึกพอใจ แต่หากได้รับน้อยกว่าที่คาดหวัง จะทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ได้มีเพียงมิติเดียว แต่ครอบคลุมทุกจุดสัมผัสของลูกค้ากับแบรนด์ ตั้งแต่คุณภาพสินค้า ความรวดเร็วในการให้บริการ การสื่อสารของพนักงาน ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาด Customer Satisfaction จึงเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้าเกิดขึ้นจากอะไร? ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลมาจากการรับรู้และประสบการณ์ที่สะสมจากหลายแหล่ง ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและความรู้สึกของลูกค้า ประสบการณ์ที่ผ่านมา ประสบการณ์เก่าที่ลูกค้าเคยมีกับแบรนด์หรือสินค้าในกลุ่มเดียวกัน จะสร้างความคาดหวังสำหรับการซื้อครั้งใหม่ หากเคยได้รับบริการที่ดีเยี่ยม ลูกค้าจะคาดหวังให้ได้รับการดูแลในระดับเดียวกันหรือดีกว่า ในขณะที่ประสบการณ์ไม่ดีในอดีตอาจทำให้ลูกค้าตั้งความคาดหวังต่ำลง หรือตัดสินใจไม่กลับมาใช้บริการซ้ำ […]

Third Party คืออะไร? สำคัญต่อคนทำการตลาดแค่ไหน?

ในโลกของการตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดไม่ได้แค่ต้องสร้างแคมเปญที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจ “เบื้องหลัง” ของการทำงานทั้งหมด ทั้งระบบติดตามพฤติกรรมลูกค้า การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ผล ไปจนถึงการจัดการกับเครื่องมือมากมายที่ใช้ในแต่ละช่องทาง สิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับ “ข้อมูล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ “Third Party” หรือ “บุคคลที่สาม” กลายเป็นกลไกสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จหรือความล้มเหลวของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เมื่อคุณเลื่อนดูโฆษณาบน Facebook คลิกดูสินค้าในเว็บไซต์ หรือกดซื้อของจากแคมเปญที่ยิงตรงมาถึงคุณ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากแค่ทีมการตลาดภายในองค์กร แต่เกิดจากเครือข่ายของเทคโนโลยีรวมถึงข้อมูลภายนอก หรือ Third Party เข้ามาช่วยจัดการและเชื่อมโยงอยู่เบื้องหลัง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักว่า Third Party คือใคร มีหน้าที่อะไรในโลกของ MarTech (Marketing Technology) เพราะอะไรการเข้าใจแนวคิดนี้ถึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรอันดับหนึ่งของธุรกิจ Third Party คืออะไร? Third Party หมายถึงบุคคลหรือองค์กรภายนอกที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ แต่มีส่วนร่วมในการให้บริการหรือจัดการข้อมูลในระบบดิจิทัล ในบริบทของการตลาดดิจิทัล Third Party มักจะเป็นบริษัทหรือแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดเก็บ ประมวลผล รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้ เช่น Google Analytics, Facebook Pixel, […]