ในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอนเทนต์ประเภทวิดีโอกำลังมาแรงและได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยความที่เข้าถึงง่าย ย่อยง่าย อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มมากมายรองรับผู้ใช้งานที่หลากหลาย วันนี้ Cotactic Digital Marketing Agency จึงอยากพาผู้ประกอบการทุกท่าน ไปสำรวจมิติการทำงานของ Video Marketing กันครับ ว่าการตลาดประเภทนี้สร้างอิมแพคอย่างไรต่อการทำธุรกิจ ทำไมเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม
Video Content คืออะไร กลายมาเป็น Online Marketing ได้อย่างไร
วิดีโอคอนเทนต์นั้นเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการทำคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยองค์ประกอบสำคัญอย่าง ภาพเคลื่อนไหวและเสียง ซึ่งถือกำเนิดและอยู่ยืนยาวมาตั้งแต่สื่อยุคเก่าจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การเข้ามาของอินเตอร์เน็ต สื่อวิดีโอคอนเทนต์นั้นก็ถูกยกระดับให้กลายเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งานทั่วโลก อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการ “ดู” มากกว่า “อ่าน” นั่นทำให้คอนเทนต์ประเภทนี้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันเราในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในแง่มุมของการทำ Digital Marketing Service นั้น Video Content เป็น ช่องทางสำคัญอย่างมากในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยวิดีโอคอนเทนต์ เป็นอะไรที่ตอบโจทย์การทำงานด้านการตลาดมากกว่าสื่อชนิดอื่นที่มีมาเสียอีก ด้วยความที่วิดีโอคอนเทนต์สามารถส่งสารหรือข้อมูลได้ง่าย ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย และสามารถสร้างภาพลักษณ์หรือการรับรู้ให้เป็นรูปธรรม ก็ทำให้คอนเทนต์ประเภทนี้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการทำ Online Marketing ได้อย่างง่ายดาย
จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเกิดเป็นโมเดลการทำการตลาดออนไลน์ที่เรียกว่า Video Marketing ขึ้น เพื่อรองรับขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดแบบแผนที่ชัดเจนที่สุด จนสามารถสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดได้อย่างที่ผู้สร้างต้องการ
ติดต่อ COTACTIC
ให้ COTACTIC ติดต่อกลับ
4 เหตุผลว่าทำไม Video Marketing ถึงหาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. มีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเก่ามาก คอนเทนต์ประเภทวิดีโอภาพเคลื่อนไหวจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากผู้คนทั่วโลก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่คอนเทนต์ประเภทนี้จะดึงดูดความสนใจคนที่ผ่านมาเห็นได้ดีกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ ด้วยความที่มันเสพง่ายไม่ซับซ้อน ดังนั้นการเลือกส่งสารผ่านคอนเทนต์วิดีโอจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและยากที่จะมีอะไรมาทดแทน ด้วยความสามารถในการดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดีนี้เอง จึงทำให้วิดีโอคอนเทนต์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการหาลูกค้าที่ทรงประสิทธิภาพ รองรับแผนการตลาดออนไลน์ได้มากมาย อีกทั้งยังยืดหยุ่นจนสามารถประยุกต์ใช้กับเนื้อหาได้หลากหลายตามความต้องการ
2. สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ดูจับต้องได้และเป็นรูปธรรม
ในบางครั้งเพียงแค่ตัวอักษรกับรูปภาพเพียงอย่างเดียว ก็อาจสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์ได้ไม่มากพอ คอนเทนต์วิดีโอจึงมีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างความรู้สึกที่จับต้องได้มากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ต่างจากตัวอักษรที่ดูล่องลอยไม่ชัดเจนหรือภาพนิ่งที่สามารถตัดต่อได้ ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคที่ดูคลิปเห็นสินค้าหรือบริการผ่านเนื้อหาที่ถูกสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดี พวกเขาก็จะรู้สึกว่าแบรนด์ดูจับต้องได้ มีอยู่จริงและเป็นรูปธรรม ซึ่งความรู้สึกไว้วางใจตรงนี้นี่แหละ ที่เป็นสารตั้งต้นชั้นดีที่จะเปลี่ยนให้คนแปลกหน้ากลายเป็นลูกค้าในอนาคต ตัวธุรกิจจะสามารถหาลูกค้าใหม่ได้ตลอดเวลานั่นเอง
3. ย่อยง่าย เสพง่าย เข้าถึงง่าย
ในแง่มุมของขั้นตอนการสร้างสรรค์ วิดีโอคอนเทนต์เป็นส่วนผสมของคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ ที่มารวมกันจนเกิดเป็นเนื้อหาที่ทำงานกับระบบการรับรู้ที่สำคัญของมนุษย์คือ การมองเห็นและการได้ยิน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคอนเทนต์ประเภทนี้ถึงเสพง่าย ย่อยง่าย เข้าถึงได้ง่าย เพราะมันทำหน้าที่ส่งสารได้อย่างครอบคลุม ไม่ต้องตั้งใจอ่านหรือทำความเข้าใจอะไรให้มากความ เพียงแค่ดูคลิปอะไรสักอย่างจบก็สามารถเข้าใจประเด็นของเนื้อหาที่จะสื่อได้แล้ว หากครีเอเตอร์ที่สร้างเนื้อหานั้นมีความสามารถและประสบการณ์ที่มากพอนั่นเอง
ด้วยความที่วิดีโอคอนเทนต์ทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเช่นนี้ จึงทำให้ในวงการของเหล่าครีเอเตอร์เกิดการแข่งขันที่สูง จนกลายเป็นยุคสมัยแห่งความคิดสร้างสรรค์ เนื้อหาที่ถูกผลิตจึงถูกพัฒนาต่อยอดกันตลอดเวลา สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าวิดีโอคอนเทนต์จะไม่มีวันหยุดนิ่ง มันจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง คอนเทนต์ประเภทนี้จะกลายเป็นเครื่องมือการทำงานชิ้นสำคัญในการทำธุรกิจที่ผู้ประกอบการไม่สามารถขาดมันได้เลย
4. สร้างผลลัพธ์จากยอดวิว
ยอดวิวเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่เราจะสามารถนำมาประเมินความสำเร็จของวิดีโอคอนเทนต์นั้น ๆ โดยยอดวิวยิ่งมาก ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีผู้บริโภครับชมคลิปนี้มากขนาดไหน ซึ่งในมิติการทำงานของการตลาดออนไลน์นั้น การใช้ประโยชน์จากยอดวิวก็เป็นสิ่งที่สามารถนำมาต่อยอดการทำงานในด้านอื่น ๆ ได้ เช่น มุ่งเน้นให้เกิดการแชร์ต่อ กระจายการรับรู้ไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ เพื่อหาลูกค้าใหม่ เป็นต้น
โดยการที่จะได้ยอดวิวที่สูงมานั้น นอกจากเทคนิคการปรับแต่งแคมเปญหรือเลือกช่องทางแพลตฟอร์มที่เหมาะสมแล้ว เนื้อหาที่ดีก็มีผลเช่นกัน อย่าลืมว่าผู้บริโภคสมัยนี้พวกเขาสามารถเลือกดูในสิ่งที่อยากจะดูกันได้แล้ว หากพวกเขาไม่พอใจที่จะดูหรือเจอโฆษณามุ่งแต่จะขายของเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็อาจจะกดปิดคอนเทนต์ของคุณทิ้งไปทันที ดังนั้นการสร้างสรรค์เนื้อหาให้ออกมาเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นขั้นตอนการทำงานที่มองข้ามไม่ได้ ควรคิดและวางแผนกลยุทธ์การทำงานให้ดี ไม่เช่นนั้นคุณอาจเสียทรัพยากรอันมีค่าไปอย่างสูญเปล่าก็เป็นได้
ขั้นตอนพื้นฐานของการสร้าง Video Content มีอะไรบ้าง
1. ตั้งจุดประสงค์หรือเป้าหมายให้ชัดเจน
อย่างแรกที่ควรทำก่อนที่เราจะลงมือสร้างวิดีโอคอนเทนต์ขึ้นมานั้น คือ การวางเป้าหมายของเนื้อหาก่อนเสมอ เนื่องจากคอนเทนต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหวังผลลัพธ์ทางธุรกิจ การมีจุดประสงค์และเป้าหมายการทำงานของเนื้อหาที่ชัดเจน จะช่วยให้เราเลือกประเภทวิดีโอได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยควบคุมทิศทางของเนื้อหา และสามารถกำหนดตัววัดผลที่เหมาะสมกับวิดีโอนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น
- หากเราต้องการสร้างวิดีโอคอนเทนต์เพื่อเพิ่มการรับรู้ให้แก่แบรนด์ ให้ลูกค้าได้เห็นว่าแบรนด์ของเรานั้นมีอยู่ เมื่อเราทราบเป้าหมายของการทำคอนเทนต์ เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าเนื้อหาที่กำลังจะทำควรมีลักษณะอย่างไร อาจเลือกสร้างคอนเทนต์ประเภท Review เพื่อแนะนำคุณภาพของสินค้าบริการ หรือ Branding Video เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงคุณค่า ตัวตน และค่านิยมของแบรนด์
การทราบถึงจุดประสงค์การทำงานของเนื้อหายังช่วยกำหนดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อีก ว่างานชิ้นนี้ต้องมีการลงทุนมากน้อยขนาดไหน เพราะวิดีโอคอนเทนต์เป็นเนื้อหาที่ยิ่งลงทุนสูง คุณภาพของชิ้นงานก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
2. สร้างเนื้อหาที่เหมาะสม
หลังจากมีเป้าหมายในการทำคอนเทนต์ ลำดับถัดมาคือ การออกแบบเนื้อหาของวิดีโอให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและจุดประสงค์ที่เราตั้ง เพราะการสร้างคอนเทนต์ให้ออกมาเหมาะสมกับสองสิ่งนี้ จะช่วยให้เนื้อหาของเราเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ทำให้พวกเขาเกิดความสนใจ ดึงดูดให้พวกเขาเสพเนื้อหาและทำการสื่อสารในสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะเล่าได้โดยไม่มีอะไรติดขัด ซึ่งในปัจจุบันเนื้อหาของวิดีโอคอนเทนต์นั้นก็มีมากมายหลากหลายให้เราได้เลือกใช้ ตั้งแต่
Vlog
วิดีโอที่มีเนื้อหาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวัน สาระความรู้ต่าง ๆ หรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของใครสักคน ว่าเขากำลังทำอะไร เพื่ออะไร ที่ไหน และกับใคร คอนเทนต์ประเภทนี้เหมาะกับการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมชอบเสพเนื้อหาด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น เทคโนโลยี สุขภาพ หรือการเดินทาง เป็นต้น ซึ่งในบางครั้งพวกเขาก็ให้ความสนใจในตัวของครีเอเตอร์ที่ผลิตผลงานในด้านนั้น ๆ มากกว่าเนื้อหาที่ปล่อยออกมา ด้วยเหตุนี้เองเราก็อาจนำไปประยุกต์ใช้ควบคู่กับกลยุทธ์ Influencer Marketing เพื่อให้ประสิทธิภาพของแคมเปญเพิ่มสูงขึ้นได้อีกด้วย
Review
วิดีโอที่มีเนื้อหารีวิวสินค้าหรือบริการ อาจเป็นการใช้งานจริงของลูกค้าที่เคยซื้อไป หรือเป็นการสร้างเนื้อหาขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าผลิตภัณฑ์ของเรานั้นดีและแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในตัวสินค้าบริการแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ การดูคลิปรีวิวก็จะกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกอยากใช้อยากลอง อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ให้พวกเขาได้เห็นภาพของการใช้งานจริงว่าเป็นอย่างไร มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน แล้วถ้าหากการรีวิวนั้นมาจากผู้ที่มีชื่อเสียงหรือคนที่มีผู้ติดตามมากอย่างอินฟลูเอนเซอร์ ก็จะช่วยในเรื่องของการเพิ่มการรับรู้ให้ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ ได้รู้จักแบรนด์เรามากยิ่งขึ้น เป็นการหาลูกค้าใหม่ทางอ้อมที่มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
Tutorials
วิดีโอที่มีเนื้อหาให้ความรู้ แนะนำ How to ในเรื่องต่าง ๆ อาจมาในรูปแบบของการนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาของผู้บริโภค โดยเอาสินค้าบริการของเรามาเป็นคอนเทนต์หลัก เพื่อปูให้ผู้รับชมได้เห็นว่าแบรนด์สามารถแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้จริง ๆ เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมให้การทำ Inbound Marketing มีความสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก เพราะวิดีโอ Tutorials ส่วนใหญ่จะเป็นแนวให้ความรู้ แชร์เทคนิคเฉพาะทางด้านต่าง ๆ เมื่อผู้บริโภคติดตามเราจากคลิปวิดีโอประเภทนี้มากขึ้น เราก็จะสามารถใช้โอกาสนี้เปลี่ยนพวกเขาจากคนแปลกหน้ามาเป็นลูกค้าได้ นับเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่มีแนวทางกลยุทธ์มั่นคงในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถเพิ่มภาพลักษณ์ดี ๆ ให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
3. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
ในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบันนี้ มีแพลตฟอร์ม เว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ถูกต้องเพื่อเผยแพร่เนื้อหาให้เหมาะสม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจำเป็นต้องศึกษาให้ดี เพราะในแต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มีการนำเสนอเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง มีกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้ใช้งานที่ต่างกันไป ดังนั้นเพื่อให้คอนเทนต์สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด แพลตฟอร์มจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราไม่สามารถมองข้ามได้
Youtube
แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ชื่อดังที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก บน Youtube มีคอนเทนต์ที่หลากหลาย สามารถสร้างช่องของตัวเองได้ ทำ Live Streaming ได้ รองรับการโฆษณา มีกลุ่มผู้ใช้งานเยอะมากเป็นอันดับต้น ๆ
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่พึ่งมีระบบรองรับวิดีโอคอนเทนต์อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ เริ่มหันมาสนับสนุนการ Live Streaming หรือ Broadcast โดยการปล่อยเครื่องมือใช้งานและระบบที่สะดวกแก่การทำงานออกมาเรื่อย ๆ ด้วยความที่มีผู้ใช้งานเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าจับตามอง
Instragram
แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับวิดีโอคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสั้นไม่เกิน 2 นาที ด้วยความที่มีพื้นฐานมาจากการเป็นโซเชียลมีเดียแชร์รูปถ่ายหรือสตอรี่ คอนเทนต์ที่จะใช้บน Instragram จึงค่อนข้างเฉพาะทาง เหมาะสมกับงานบางอย่างหรือธุรกิจบางประเภทเสียมากกว่า
Tiktok
แพลตฟอร์มน้องใหม่ที่มาแรงกระแสไม่เคยตก ผู้ใช้งานมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีแนวทางการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับวิดีโอขนาดสั้นไม่ยาวจนเกินไป เนื่องจากมีผู้ใช้งานที่เป็นคนรุ่นใหม่เยอะ จึงได้เปรียบในเรื่องของการเรียกยอดวิว สามารถใช้คู่กับกลยุทธ์เพิ่มการรรับรู้ให้แก่แบรนด์ได้เป็นอย่างดี
การสร้างวิดีโอคอนเทนต์เพื่อทำ Video Marketing นั้นเป็นงานที่ละเอียด มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้งยังต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำงานถึงจะสร้างผลงานที่มีคุณภาพออกมาได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอนเทนต์ประเภทนี้เป็นคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ยุคปัจจุบันที่ขาดไม่ได้ ทำได้ตั้งแต่หาลูกค้าใหม่ ๆ ให้แก่ธุรกิจ เพิ่มการรับรู้ให้แก่แบรนด์ หรือต่อยอดโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขายต่าง ๆ ซึ่งหากผู้ประกอบการท่านไหนอยากเริ่มทำวิดีโอคอนเทนต์เพื่อใช้งาน ก็สามารถเริ่มลงมือทำได้ทันทีหากคุณมีความรู้ที่พร้อมและทรัพยากรที่มากเพียงพอ
แต่หากธุรกิจคุณต้องการที่ปรึกษา ต้องการทีมงานมืออาชีพด้านการรับทำเว็บไซต์ WordPress และการทำ Content หรือ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้แก่ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: https://m.me/cotactic
Line@: https://bit.ly/cotactic
ขอบคุณข้อมูลจาก
