click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก AI ปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น หลายครั้งเป็นที่ปรึกษา ค่อยถามได้ทุกเรื่องเมื่อคุณมีข้อสงสัยอะไรก็ตาม แถมไม่เคยบ่นเลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง ด้วยพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ เปลี่ยนแปลงไปจากการพิมพ์คำค้นหาบน Google ไปสู่การพูดคุยกับ AI อย่าง ChatGPT, Gemini, Claude หรือ Bing Chat ทำให้ Search Engine ไม่ได้เป็นเพียงแค่แหล่งรวมข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็น “Generative Engine” หรือเครื่องมือที่สามารถ “สร้างคำตอบ” ได้ในทันที

สิ่งนี้ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Generative Engine Optimization (GEO) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักการตลาด นักเขียนคอนเทนต์ และผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ต้องให้ความสนใจ เพราะมันคือทิศทางใหม่ของการทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ AI ไม่ใช่แค่เพื่อติดอันดับบน Google แต่เพื่อตอบสนอง “เครื่องมือสร้างคำตอบ” ที่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมหลักของผู้ใช้ยุคปัจจุบัน

Generative Engine Optimization (GEO) คืออะไร

GEO คือแนวทางการปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับการแสดงผลผ่าน Generative Engines เช่น ChatGPT, Bing Copilot, Google Gemini และ AI ที่สามารถสร้างคำตอบจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ได้ ถ้า SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกของ Google แล้วนั้น GEO คือการทำให้เว็บไซต์ที่มี “กลายเป็นคำตอบ” ที่ AI เลือกเเสดงผลให้กับผู้ใช้งานได้ทันที เช่น สมมุติว่าเราถาม ChatGPT ว่า “ทำไมต้องดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร” คำตอบที่ได้อาจอ้างอิงหรือดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน่าเชื่อถือ และมีโครงสร้างที่ตอบโจทย์ AI ดังนั้นหากเว็บของคุณมีการปรับเเต่ง GEO อย่างถูกต้อง ก็จะมีโอกาสที่ AI จะเลือก “เป็นคำตอบ” แทนที่จะอยู่ในลิงก์ล่าง ๆ บนคำค้นหาและไม่ถูกมองเห็น

GEO ต่างจาก SEO แบบเดิมอย่างไร?

GEO ต่างจาก SEO แบบเดิมอย่างไร?

ทั้ง GEO และ SEO จะมีเป้าหมายหลักคล้ายกัน คือ “การนำส่งข้อมูลไปถึงผู้ใช้งาน” แต่จะมี จุดที่แตกต่างกัน ซึ่งเเยกออกเป็นประเด็น ดังนี้

เป้าหมาย

  • SEO ดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google หรือ Search Engine อื่น ๆ
    เช่น ถ้ามีคนค้นว่า “วิตามินบำรุงสมอง” แล้วเว็บของคุณติดอันดับ 1–3 ในหน้าแรก นั่นคือ SEO ทำงานได้ดี
  • GEO ทำให้เนื้อหาถูก “ดึงไปใช้” โดย AI อย่าง ChatGPT, Gemini, Bing ฯลฯ เพื่อแสดงเป็นคำตอบทันที เช่น ถ้ามีคนถาม AI ว่า “วิตามินบำรุงสมองยี่ห้อไหนดี?” แล้ว AI หยิบเนื้อหามาสรุป นั่นคือ GEO ทำงานได้สำเร็จ

กลุ่มเป้าหมาย

  • SEO เน้นประเภท “ผู้ใช้ Search Engine” ที่ค้นหาด้วยคำ เช่น Google, Bing
    คนกลุ่มนี้เสิร์ชแล้วกดเข้ามาอ่านเว็บไซต์ของคุณโดยตรง
  • GEO เน้นประเภท “ผู้ใช้ Generative AI” เช่น ChatGPT, Gemini
    คนกลุ่มนี้ไม่ได้เข้ามาที่เว็บไซต์โดยตรง แต่ AI จะหยิบข้อมูลจากเว็บไซต์ไปคำถามทันที

กลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้

  • SEO ใช้เทคนิคอย่าง Keyword, Meta Tag, Backlink, Internal Link, โครงสร้างเว็บ
  • GEO ใช้การตอบคำถามตาม Search Intent ใหม่, ปรับ UX ให้เข้าใจง่าย, ใช้ Schema Markup และเนื้อหาที่กระชับ ชัดเจน, วางโครงสร้างข้อมูลเป็นระบบ เเละสร้างข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ

รูปแบบของเนื้อหา

  • SEO บทความแบบยาว ลึก มีหลายหัวข้อ ครอบคลุมเนื้อหากว้าง
  • GEO เน้น “คำตอบที่ชัดเจน” กระชับ ตรงคำถาม เช่น ใช้ Bullet, FAQ, Table ที่อ่านง่ายในไม่กี่วินาที

วิธีการวัดผล

  • SEO วัดจากอันดับใน Google, CTR, Organic Traffic
  • GEO วัดจากการถูกดึงไปใช้ใน SGE, จำนวน Impression จาก AI, อัตราการคลิกจากแหล่ง AI traffic

ฟอร์แมตของเนื้อหา

  • SEO บทความแบบยาว ลึก มีหลายหัวข้อ ครอบคลุมเนื้อหากว้าง
  • GEO เน้น “คำตอบที่ชัดเจน” กระชับ ตรงคำถาม เช่น ใช้ Bullet, FAQ, Table ที่อ่านง่ายในไม่กี่วินาที

องค์ประกอบสำคัญของการทำ GEO

องค์ประกอบสำคัญของการทำ GEO

ก่อนจะเริ่มต้นทำ GEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเข้าใจว่า GEO ไม่ใช่แค่การ “เขียนให้ดี” เท่านั้น แต่คือการปรับเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์วิธีการทำงานของ Generative Engines ซึ่งมีการใช้ AI สร้างคำตอบสรุปให้กับผู้ใช้แบบเรียลไทม์ ดังนั้น นี่คือ 5 องค์ประกอบหลักที่ GEO จำเป็นต้องมี

1.ตอบคำถามให้ชัดเจนในแต่ละหน้า

Generative Engines อย่าง Google SGE หรือ Bing Copilot จะดึงข้อมูลจากเว็บที่ “ตอบคำถามได้ตรงและกระชับ” มาใช้สรุปให้ผู้ใช้เห็นในหน้าแรก ดังนั้นเนื้อหาของเราควรเขียนให้ชัดเจน ตรงประเด็น ตั้งแต่ย่อหน้าแรก เช่น หากคำถามคือ “GEO คืออะไร?” หน้าเพจควรตอบตรงจุดนี้ภายใน 1-2 บรรทัดแรก แล้วค่อยขยายความต่อ

2.สร้างความน่าเชื่อถือแบบ E-E-A-T

E-E-A-T ย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness สิ่งนี้ยังสำคัญในยุค GEO เพราะ Generative Engines ยังต้องอ้างอิงจากแหล่งที่ “น่าเชื่อถือ” เช่น มีชื่อผู้เขียนพร้อมประวัติความเชี่ยวชาญ, ลิงก์อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลจริง, ความสม่ำเสมอในการอัปเดตเนื้อหาสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้เพิ่มโอกาสในการเเสดงผลข้อมูล

3.ใช้ Schema Markup อย่างเหมาะสม

Schema Markup คือชุดโค้ดพิเศษที่ฝังไว้ในหน้าเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ Bot หรือ AI เข้าใจว่าเนื้อหานั้น “เกี่ยวกับอะไร” และมี “บริบท” แบบไหน เช่น เนื้อหานี้เป็นรีวิวสินค้า เป็นสูตรอาหาร เป็นคำถาม-คำตอบ หรือเป็นบทความทั่วไป เป็นต้น การใส่ Schema ที่เหมาะสม เช่น FAQ, HowTo, Article, Product ฯลฯ  จะช่วยให้ Generative AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Bing Copilot เข้าใจโครงสร้างของเว็บคุณได้อย่างถูกต้อง และเลือกหยิบเนื้อหาไปใช้ได้แม่นยำยิ่งขึ้น 

4.เขียนเนื้อหาสำหรับ Search Intent ใหม่

ในยุคของ GEO เราไม่ได้แค่ “ตอบคำถาม” ให้ตรงคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ต้องตอบให้ครอบคลุม “ความต้องการที่อยู่เบื้องหลังคำค้นหา” (Search Intent) ให้ได้ด้วย เช่น หากผู้ใช้เสิร์ชคำว่า “โปรตีนสูง” ความต้องการที่เเท้จริงอาจจะเป็นดังนี้

  • อยากรู้ว่าอาหารชนิดไหนมีโปรตีนสูง
  • กำลังหาสินค้าหรืออาหารเสริมโปรตีน
  • อยากเปรียบเทียบยี่ห้อหรือราคาของโปรตีนต่าง ๆ ในตลาด

ดังนั้นการทำ GEO ที่ดี ควรมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งข้อมูลพื้นฐาน, คำแนะนำ, รีวิวสินค้า, ไปจนถึงการเปรียบเทียบทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้แบบครบถ้วน นี่คือเหตุผลว่าทำไมการทำ GEO ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ Search Intent อย่างละเอียดก่อนเขียนเสมอ เพื่อความเเม่นยำในการนำเสนอ

5.ปรับ UX และความเร็วเว็บไซต์ให้ดี

AI มักเลือกเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว UX ดี เพราะถือเป็น “สัญญาณคุณภาพ” ทั้งต่อผู้ใช้งานและต่อ AI เองที่จะเลือกเว็บไซต์คุณมาแสดงผล ซึ่งการปรับเเต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีประสบการณ์ใช้งาน (User Experience) ที่ดี มีองค์ประกอบดังนี้

  • เว็บไซต์โหลดได้เร็ว
  • อ่านง่าย
  • รองรับมือถือ
  • มีส่วนเนื้อหาที่ AI ดึงไปแสดงได้ชัดเจน

สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ Generative Engines มองว่าเว็บของคุณ “พร้อมใช้งาน” และ “เหมาะสม” กับการให้ข้อมูล 

ความสำคัญของ Generative Engine Optimization (GEO)

ความสำคัญของ Generative Engine Optimization (GEO)

เมื่อ AI กลายเป็นตัวช่วยค้นหาหลักในอนาคต เช่น Google SGE, Bing AI, ChatGPT Search หรือ Perplexity – GEO กลายเป็นเรื่องจำเป็น เพราะมันช่วยให้เนื้อหาคุณถูก AI นำไปใช้แสดงต่อผู้ใช้งานโดยตรง โดยมีความสำคัญในมุมต่าง ๆ ดังนี้

1.สร้างเนื้อหาแบบสรุปให้กับผู้ใช้งาน

AI ชอบเนื้อหาที่สรุปใจความชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อ และนั่นคือเหตุผลที่ Generative Engine Optimization (GEO) เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะ GEO จะช่วยจัดโครงสร้างและเนื้อหาในหน้าเว็บให้ตรงประเด็น ตอบคำถามอย่างกระชับ ชัดเจน ทำให้ AI หรือ Generative Engine อย่าง SGE (Search Generative Experience) สามารถ “ดึงข้อมูลไปสรุปให้ผู้ใช้งาน” ได้ในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที หากเนื้อหาของคุณตรงกับสิ่งที่ AI ต้องการและถูกเลือกไปแสดงเป็นคำตอบในหน้าเเรกหรือต่อผู้ใช้ คุณจะได้รับ Impression (การมองเห็น) และ Traffic (การเข้าชม) ที่เพิ่มขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งโฆษณาเลย

2.UX ถูกปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน

เว็บไซต์ที่ GEO ดี ไม่ใช่แค่การเขียนบทความเก่ง แต่ยังรวมถึงการออกแบบหน้าเว็บให้ “ใช้งานง่าย” ตอบโจทย์ผู้ใช้ จากนั้น AI จะพิจารณาหน้าจอที่โหลดเร็ว อ่านง่าย ไม่มีโฆษณารบกวน ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดี ซึ่งนำไปสู่การจัดอันดับที่ดีในยุคใหม่

3.เพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจ

ใครที่เริ่มต้นทำ GEO ได้ก่อน ก็จะมีโอกาสได้พื้นที่ในคำตอบของ AI ก่อนเช่นกัน เพราะเมื่อ AI ดึงข้อมูลของคุณไปแสดงผล นั่นหมายถึง “คุณคือแหล่งความรู้ในสายตาผู้ใช้งาน” ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ในท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่การเกิดยอดขายหรือการสมัครใช้บริการมากขึ้น

4.เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน

จุดประสงค์เริ่มต้นของ GEO นั้นไม่ได้ทำเพื่อ “ให้ติดอันดับ” แต่ทำเพื่อ “เข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการจากคำถามนั้น ๆ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสื่อสารยุคใหม่ พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ การตอบให้ตรงกับคำถามที่ผู้ใช้ต้องการค้นหา เพื่อให้ AI นำคำตอบที่ได้ไปแสดงผล พร้อมเเนบลิงก์เพื่อให้ผู้อ่านเปิดเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของคุณ

5.วางแผนสำหรับอนาคต

แท้จริงนั้น GEO คือการเตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับโลกที่ Search จะเปลี่ยนจาก ลิสต์ลิงก์ เป็นคำตอบสรุปแทน ซึ่งถ้าคุณเริ่มได้ก่อน เตรียมพร้อมได้ทัน เมื่อ Search Engine แบบเดิม ๆ หายไปในอนาคต คุณจะยังเป็นผู้อยู่รอดได้ในอนาคตท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลง 

เมื่อ GEO เข้ามามีบทบาท SEO ต้องแก้เกมยังไง

เมื่อ GEO เข้ามามีบทบาท SEO ต้องแก้เกมยังไง

ในความเป็นจริงเเล้วนั้น GEO ไม่ได้มาแทน SEO แบบ 100% เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ ซึ่งทำให้คุณต้องปรับตัวให้ทันยุคมากยิ่งขึ้น ซึ่งนักการตลาด นักเขียน และเจ้าของเว็บต้อง “รีเซตวิธีคิด SEO แบบเดิม” แล้วปรับกลยุทธ์ดังนี้

1.สร้างเนื้อหาให้ตรงความต้องการของผู้ใช้

เน้นตอบคำถามแบบ “ตรงจุด” ในแต่ละบทความ ไม่เน้นยืดยาวหรือขายของอย่างเดียว จากเดิมนั้นการทำ SEO จะเน้นใส่คีย์เวิร์ดเฉพาะ ส่วน GEO นั้นจะเน้น “ตอบคำถาม” และ “แก้ปัญหา” ทันทีซะมากกว่า วิธีแก้หรือปรับอาจจะเป็นการเขียนบทความที่ตอบคำถามได้ตรงมากที่สุดเเทน เช่น เขียนบทความแบบ Q&A หรือ Bullet Point เพื่อให้ AI เข้าใจง่าย

2.สร้างเนื้อหาที่มีความหลากหลาย

ทำ Content หลากหลายรูปแบบ เช่น FAQ, How-to, Checklist หรือสรุป bullet ที่ AI นำไปใช้ง่าย รวมถึงคอนเทนต์ในหลากหลายประเภท เช่น

  • บทความยาว (Long-form)
  • บทความสั้นสรุป
  • Infographic
  • วิดีโอ

เพื่อรองรับรูปแบบที่ AI จะเลือกดึงไปแสดงผลได้ในหลากหลายช่องทาง

3.นำโครงสร้างการทำ SEO เข้ามาใช้

แม้ GEO จะเป็น Key สำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ในยุค AI แต่โครงสร้างของบทความหรือเว็บไซต์ก็ยังคงต้องอาศัยหลักการของ SEO (Search Engine Optimization) อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเว็บไซต์ยังต้องอาศัยหลักการและโครงสร้างตามองค์ประกอบเหล่านี้

  • Title H1, H2, H3
  • Meta Description
  • Internal Link
  • Keyword

4.ปรับปรุงกลยุทธ์

แทนที่จะเน้น “อันดับ” อย่างเดียว ให้ปรับมามองว่าเนื้อหาของคุณ ถูกเลือกให้แสดงผลหรือไม่ เจ้าของเว็บต้องหมั่นอัปเดตกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับ GEO เช่น

  • ปรับหัวข้อให้เน้นคำถาม
  • เพิ่ม Schema
  • วิเคราะห์ว่า Generative Engine ดึงข้อมูลจากส่วนใดของเว็บไซต์เพื่อแสดงผล

5.สร้างความน่าเชื่อถือ

แสดงชื่อผู้เขียน, อ้างอิงแหล่งข้อมูล, และบอกประสบการณ์จริง ควรใส่ให้ครบ เพื่อสร้าง “Authority” และทำให้ AI เชื่อมั่นว่าเนื้อหาเราน่าเชื่อถือ เเละเหมาะพอจะแนะนำให้ผู้ใช้

6.ทำความเข้าใจ Generative Engines (GEs)

ศึกษาแนวทางของแต่ละ AI เช่น ChatGPT ชอบเนื้อหาแบบไหน, Bing ใช้อะไรเป็นฐานข้อมูล, Gemini ให้ความสำคัญกับอะไร เรียนรู้ว่าแต่ละเครื่องมือรวมถึงการดึงข้อมูลแบบไหนไปใช้ เครื่องมือต่าง ๆ แสดงคำตอบยังไง นำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อปรับคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แค่ Search Engine เพียงอย่างเดียว

สรุป

Generative Engine Optimization (GEO) ไม่ใช่แค่คำใหม่ แต่คือ “ทิศทางใหม่” ของการทำคอนเทนต์ที่ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน ในโลกที่เปลี่ยนไปและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี AI หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ นักการตลาด หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ การเข้าใจและปรับตัวกับ GEO จะช่วยให้เนื้อหาของคุณนั้น “เป็นตัวเลือก” จาก AI ที่กำลังกลายเป็นผู้คัดกรองข้อมูลหลักของโลกยุคนี้ ที่ Cotactic Media เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล และคุณพร้อมช่วยธุรกิจของคุณ ปรับตัวให้ทันกับยุคของ AI ผ่านกลยุทธ์ SEO + GEO ที่ครบวงจร สนใจบริการรับทำ SEO หรือปรึกษากลยุทธ์ดิจิทัล

Source

บทความที่เกี่ยวข้อง

Image3

Google Lighthouse คืออะไร? เครื่องมือวัดคุณภาพเว็บไซต์ฟรี

Image1

Google Core Update คืออะไร? ทำไมเว็บไซต์ถึงร่วงอันดับหลังอัปเดต

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?