click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

หนึ่งในกลเม็ดเคล็ดลับการตลาดดิจิทัลที่ใช้สำหรับ Retargeting ดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำหรือจะใช้ในการ หาลูกค้า ใหม่ นั่นก็คือการทำ Email Marketing ซึ่งนักการตลาดทั้ง In-house Marketing และ Digital Marketing Agency ต่างอยากทำมากที่สุด

Email Marketing คืออะไร?

วิธีหาลูกค้า - Email Marketing คืออะไร

คือการส่งข้อความ ข้อมูล โปรโมชัน หรืออีเมลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการตลาดให้กับรายชื่อ (ว่าที่) ลูกค้าหรือลูกค้าเก่าที่ได้มอบอีเมลไว้สำหรับรับข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชันจากแบรนด์โดยเฉพาะ

แบรนด์สามารถใช้ Email Marketing ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือเพื่อเพิ่มการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ/ใช้บริการผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หาลูกค้า อย่างเช่น ประกาศจดหมายข่าวรายสัปดาห์ การออกโปรโมชัน การสร้างคอมมูนิตี้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

ซึ่งในปัจจุบันการทำ Email Marketing ได้พัฒนารูปแบบการส่งให้หลากหลายและมีความทันสมัยมากกว่าเดิม ขยับตัวเองออกจากอีเมลแบบเดิมที่อีเมล 1 ฉบับใช้กับทุกเนื้อหาที่จะส่งถึงลูกค้าหรือที่เรียกกันว่า One-size-fit-all แล้วหันมาให้ความสนใจกับการออกแบบเนื้อหา การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคตามเกณฑ์เฉพาะ (Segmentation) และเจาะจงความเป็นส่วนตัว (Personalization) มากขึ้น 

และนี่ก็คือตัวอย่าง Email Marketing ในแบบต่าง ๆ ที่คุณสามารถลองนำไปใช้เป็นต้นแบบสำหรับเริ่มทำ Email Marketing ของคุณดูได้

1. Promotional Emails

วิธีหาลูกค้า - Promotion email

เป็นแคมเปญ Email Marketing ที่ใช้ในการโปรโมทข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าเก่าหรือนำเสนอให้กับลูกค้าใหม่ที่ฝากอีเมลไว้กับแบรนด์ได้เห็นโปรโมชันที่น่าสนใจ หรือจะใช้ในการโปรโมทตัวอย่างสินค้าออกใหม่ เป็นจุดประชาสัมพันธ์งานอีเวนต์ที่จะจัดขึ้นหรือข่าวสารต่าง ๆ เช่น ปล่อย ebooks ฟรีสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก หรือกำหนดการสัมมนาผ่านเว็บไซต์ (Webinar)

และในแต่ละแคมเปญสำหรับโปรโมทแต่ละครั้งแนะนำว่าควรทำอีเมลเอาไว้ 3 – 10 อีเมลสำหรับการส่งหาลูกค้าตลอด 2 – 3 วัน หรือหลายอาทิตย์ต่อจากนั้น

โดยในการออกแคมเปญอีเมลโปรโมทแต่ละครั้งจะประกอบไปด้วย ปุ่ม Call-to-action ที่ชัดเจน มองเห็นได้ง่าย มองปุ๊ปรู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อ มีเป้าหมายชัดเจน อาทิ พาผู้อ่านเข้าไปยังหน้าเพจหรือเว็บไซต์ปลายทาง หรือกดเพื่อใช้ส่วนลดในการสั่งซื้อสินค้าทางหน้าร้านหรือออนไลน์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการออกอีเมลโปรโมชันแต่ละครั้งนักการตลาดหรือฝ่ายขายควรพิจารณาความถี่ในการส่งอีเมลแต่ละครั้งให้ดีขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เหมาะสม อธิบายให้เห็นภาพ ช่วง Blacnk Friday หรือศุกร์สุดท้ายของปี หรือจะเป็นช่วงวันเงินเดือนออก แบรนด์สามารถส่งอีเมลโปรโมทสินค้า/บริการให้กับลูกค้าได้หลายฉบับโดยไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะเอียนเสียก่อน เพราะช่วงเทศกาลยังไงคนก็อยากเอาเงินออกมาใช้อยู่แล้ว ยิ่งสินค้าช่วงนั้นมีโปรโมชันดี ๆ ใครล่ะจะอยากพลาด จริงไหม? 

กลับกันหากเป็นช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือน หรือช่วงที่ไม่มีเทศกาลอะไรให้ต้องหยุดยาว แบรนด์ควรส่งอีเมลหาลูกค้าเพียงแค่ไม่กี่ฉบับต่ออาทิตย์เป็นพอ เพราะช่วงนี้คนจะไม่อยากใช้เงินกันเยอะเกินจำเป็นกันมากนักแทนที่จะหาลูกค้าใหม่ได้กลับกลายเป็นเสียลูกค้าหรือโดนบอกเลิกสมาชิกไปเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น

2. Informational Emails

วิธีหาลูกค้า - Information Email

ใช้สำหรับการแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือประกาศความเป็นไปของแบรนด์ให้ลูกค้าได้รับทราบ หรือนำเสนอข่าวทั่วไปที่เกี่ยวกับแวดวงธุรกิจคุณ เช่นข่าวความสำเร็จของแบรนด์ที่ได้รับรางวัลจาก… ข่าวสเปกสินค้าตัวใหม่ที่คุณจะออกในซีซั่นหน้า หรือคอนเทนต์ที่เป็นการรีวิวสินค้าคุณจาก Influencer ก็ได้ อีเมลประเภทนี้จะส่งหาลูกค้าเป็นรายสัปดาห์ สองสัปดาห์ครั้ง หรือเดือนละครั้ง เนื่องจากจุดประสงค์ของการออกอีเมลนี้ก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เพิ่มยอดการสมัครสมาชิกอีเมลมากกว่าขายของ หรือออกโปรโมชัน

นอกจากจะใช้เพื่อการประกาศข่าวสารแล้วอีเมลนี้ยังใช้ในการประกาศเรื่องจำเป็น เรื่องสำคัญ หรือเรื่องเร่งด่วนได้อีกด้วย อย่างกรณีเกิดปัญหาขึ้นกับหน้าเว็บไซต์ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเข้าใช้งานในช่วงเวลาที่กำหนด การขนส่งล่าช้าเนื่องจากความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุให้กับลูกค้าได้ทราบ

3. Re-Engagement Emails

อันนี้เป็นอีกส่วนที่สำคัญมากในการเรียกลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อสินค้าซ้ำหรือกลับใช้บริการอีก อย่างที่ชื่ออีเมลนี้ได้บอกไปแล้วการทำงานของอีเมลประเภทนี้ก็เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้า ดึงพวกเขากลับมาหาแบรนด์คุณหลังจากที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวกับแบรนด์มาในระยะเวลาหนึ่ง

อย่างตัวอย่างในรูปของร้าน Blue Apron หลังจากที่ลูกค้ารายหนึ่งไม่ได้ใช้บริการแอปฯ มานาน ตัวแบรนด์ใช้วิธีหลอกล่อให้ลูกค้าเห็นว่าร้านของพวกเขามีอาหารเลิศรสและน่ากินคอยให้ลูกค้ากลับมาลิ้มลองดูอีกครั้งอยู่เยอะแยะมากและเดาว่าน่าจะเป็นเหล่าอาหารขึ้นชื่อประจำบริษัทไม่ว่าจะเป็น เบอร์เกอร์ซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส ไก่กรอบสไตล์ชาวใต้กับข้าวผัดกระเทียมคลุกน้ำผึ้ง และแซลมอนทอดหนังกรอบกับซอสซัลซาร์และสลัดฟาร์โรที่น่ากินไม่แพ้กัน แถมยังมีการจั่วท้ายอีเมลอีกด้วยว่า “Come back and cook with us” เรียกได้ว่าเว้าวอนขอให้ลูกค้ากลับมาทานอาหารจาก Blue Apron อีกสักครั้งเถอะนะ มากกว่านี้ก็ร้องไห้แล้ว เชื่อสิ!

ข้อดีของการทำ Email Marketing ช่วยหาลูกค้าได้มากแค่ไหน

1. ค่าใช้จ่ายต่ำ

เพราะไม่ต้องเสียค่า Bidding ค่าแพ็กเกจสินค้า หรือการโปรโมทใด ๆ อย่างมากสุดก็เสียเพียงแค่ค่าซอฟต์แวร์สำหรับช่วยส่งอีเมลหลายหมื่นฉบับในทีเดียว ติดตามผล และประเมินประสิทธิภาพของอีเมลเท่านั้น

2. เข้าถึงและสร้าง Engagement กับลูกค้าได้ง่าย

โดยส่วนมากแล้วอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการติดตามข่าวสารจากแบรนด์ลูกค้าจะยินดีที่จะให้ช่องทางอีเมลสำหรับติดต่อกลับเสียมากกว่า และในการส่งอีเมลหาลูกค้าแต่ละครั้งหมายความว่าแบรนด์จะต้องรู้ชื่ออีเมลของลูกค้าอยู่แล้วถึงจะส่งได้ นั่นจึงทำให้ Conversion จากการทำ Email Marketing เพิ่มสูงขึ้นเพราะว่าความสนใจแบรนด์ของลูกค้าที่มีอยู่แล้ว

3. ส่งข้อความตรงถึงลูกค้า

ลองนึกภาพร้านแฟรนไชส์ที่มีสาขาอยู่ในหลายภูมิภาค ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีความสนใจ วัฒนธรรม ความต้องการแตกต่างกันออกไป เวลาร้านค้าแต่ละพื้นที่มีประกาศแต่ละครั้งจะอาศัยการโฆษณาแบบเดิมมันก็เสียเวลา เสียเงินมากไปกว่าลูกค้าจะได้ข่าวสารทั้งหมด Email Marketing จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่จะส่งข้อความโดยตรงถึงลูกค้าเกิดเป็นการตลาดแบบบอกต่อระหว่างลูกค้าด้วยกันเอง เพิ่มยอดการหาลูกค้าได้ในที่สุด

4. เริ่มต้นง่ายมาก

เพราะการทำ Email Marketing ไม่จำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมากเหมือนการออกแคมเปญอื่น ๆ แต่ละครั้ง เพียงแค่คุณมีคลังรูปภาพหรือวิดีโอสักหน่อย ข้อความชวนดึงดูดกินใจสักนิด โลโก้และปุ่ม CTA ที่ชัดเจนก็ใช้หาลูกค้าหรือเรียกลูกค้าเก่ากลับมาได้แล้ว หรือแม้แต่กรณีที่แย่ที่สุดที่ทั้งอีเมลมีแค่ข้อความธรรมดาทั่วไป ก็ยังใช้ดึงความสนใจลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำได้เลย

5. วัดผลได้ง่าย

ปกติเวลาทำ Email Marketing จะใช้ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งที่เป็นโปรแกรมควบคุมการส่งอีเมลนับพันฉบับในเวลาเดียวกัน ตัวโปรแกรมนี้จะมีฟีเจอร์สำหรับติดตามอีเมล อัตราการคลิกอ่าน และ Conversion Rate มาพร้อมด้วย และด้วยฟีเจอร์เหล่านี้นี่เองจะช่วยให้นักการตลาดติดตามและวัดประเมินผลแคมเปญอีเมลแต่ละฉบับได้ดี สามารถแก้ไขจุดผิดพลาดแทบจะในทันทีที่วัดผลเสร็จ ซึ่งหากเทียบกับการโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดหรือโฆษณาตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ แล้วจะใช้ความพยายามและแรงน้อยกว่าในการดูแล

6. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จากที่ไหนก็ได้บนโลก

‘อีเมล’ คือสื่อกลางที่คนใช้กันแทบทั้งโลกทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานก็จะพึ่งพาการใช้งานอีเมลเป็นหลัก ดังนั้นการปล่อยแคมเปญอีเมลครั้งนึงสามารถส่งหาลูกค้าได้ทั่วทั้งโลกนับพันฉบับ แต่ก็มีคนสงสัยว่า อ้าว โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียก็ได้นี่? คำตอบคือโพสต์ผ่านช่องทางนั้นได้เหมือนกัน แต่ทว่าในฝั่งของแบรนด์จะไม่รู้เลยว่าคนที่อ่านข้อความบนโพสต์นั้นคือลูกค้าของเราจริง ๆ หรือเปล่า เพราะก็เป็นไปได้ว่าลูกค้าบางคนไม่ได้กด See First เพจก่อน ทำให้สารที่ต้องการสื่อไปไม่ถึงลูกค้าทุกคนและตรวจวัดได้ยากกว่า

7. สร้างอิมแพคให้กับลูกค้าได้ทันที

หนึ่งในรูปแบบ Email Marketing ที่ได้กล่าวไว้คือ Informational Emails ที่เอาไว้สำหรับแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือเรื่องด่วน เรื่องฉุกเฉินต่าง ๆ ที่ต้องรีบแจ้งให้ลูกค้าทราบ ในการส่งอีเมลแต่ละครั้งแบรนด์สามารถตรวจสอบผลการตอบสนองอีเมลได้แทบจะในทันทีหรือภายใน 24 ชั่วโมง เพราะด้วยความเร่งด่วนของเนื้อหาที่ส่งไปทำให้ลูกค้าแทบจะเปิดอ่านอีเมลในทันที ซึ่งเร็วกว่าการโฆษณาบนช่องทางอื่น ๆ ที่ต้องใช้เวลานับสัปดาห์เลยทีเดียวกว่าจะเห็นผล

เคล็ดลับทำ Email Marketing หาลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ

1. จัดทำรายชื่อลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญอีเมลที่กำลังจะส่ง

วิธีที่จะทำให้มั่นใจมากที่สุดว่าอีเมลของคุณจะสร้างอิมแพคกับลูกค้ารวมทั้งช่วยในการหาลูกค้าใหม่ได้นั้นคือคุณต้องส่งอีเมลถึงกลุ่มคนที่เหมาะสมกับอีเมลฉบับนั้นที่สุด ขอยกเหตุการณ์สมมติขึ้นมาให้อ่าน

ลูกค้ารายหนึ่งไม่ได้ใช้บริการแบรนด์ของคุณมาสักพักและไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์คุณมานานมากแล้ว แต่ทว่าแบรนด์ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้ารายนี้และไม่ได้สังเกตถึงสิ่งนั้นอีกด้วย จึงยังคงส่งอีเมลอัปเดตข่าวสารให้ลูกค้าแทบทุกอาทิตย์ติดต่อกันนานวันเข้า จนลูกค้าเกิดความรำคาญพลางคิดในใจว่า “ฉันไม่อยากติดตามแบรนด์นี้แล้ว ฉันลืมไปหมดแล้วว่าแบรนด์นี้ทำอะไรบ้าง รู้แค่เพียงว่าน่ารำคาญจัง” แล้วก็กดยกเลิกสมาชิกไปโดยปริยาย

คุณเห็นอะไรไหม? แทนที่คุณจะใช้ Re-engagement Emails เพื่อดึงลูกค้ารายนี้กลับมาใช้บริการอีกครั้งและเพื่อขอรับรีวิวจากลูกค้าว่าทำไมถึงไม่ใช้บริการมานาน คุณกลับส่งแต่เพียง Informational Emails ให้ทุกอาทิตย์ที่รังแต่จะก่อความรำคาญแทนจนเสียลูกค้าไปในตอนจบ

และนี่จะเป็นทริคเล็กน้อยในการเพิ่มรายชื่ออีเมลลูกค้าของคุณไม่ให้หนีไปก่อน

  • เพิ่มหน้า Sign-up Form ลงบนเว็บไซต์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับอะไรสักอย่าง เช่น ebooks ข่าวประจำสัปดาห์ White Paper ฯลฯ
  • ใช้เอกสาร Sign-up ให้ลูกค้าหน้าร้าน วิธีนี้เหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้านที่ต้องการหาลูกค้าแบบตัวต่อตัว ลองให้พนักงานยื่นเอกสารขออีเมลให้ลูกค้ากรอกเพื่อแลกกับรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ทางร้านจะมอบให้เมื่อเทียบกับลูกค้าขาจรทั่วไป
  • โพสต์ Sign-up ลงบนโซเชียลซะเลย ออกแบบโฆษณาแบนเนอร์ขึ้นมาแล้วใช้ปุ่ม CTA เป็น Sign Up ให้ลูกค้ากดเข้ามาเพื่อลิงก์ไปหน้าเพจสำหรับลงทะเบียนอีเมลรับข้อมูลข่าวสาร

2. ออกแบบอีเมลให้โดนใจ

อีเมลของคุณจะต้องเป็นอีเมลที่มีคุณค่า มีคุณประโยชน์ต่อลูกค้า มีความสร้างสรรค์สวยงามน่ามอง และที่สำคัญ ต้องสร้างอิมแพคต่อลูกค้าด้วย

  • เพิ่มโลโก้ลงไปด้วย เพิ่มโลโก้ โทนสีของแบรนด์ และฟอนต์เพื่อให้เข้ากับ CI ของแบรนด์คุณ
  • เพิ่มพื้นที่โล่งบนอีเมล อย่าอัดคอนเทนต์เยอะ ๆ ในที่ว่างเล็ก ๆ ที่เดียว เพิ่มพื้นที่ให้ลูกค้าได้พักสายตาบ้าง โดยเพิ่มไว้บริเวณพื้นที่รอบ ๆ ข้อความและรูปภาพ ช่วยให้อีเมลของคุณดูคลีนขึ้น อ่านแล้วสบายตา ลูกค้าจับจุดได้ดี
  • ใช้รูปภาพ ใช้แต่ข้อความในอีเมลจะทำให้ลูกค้าเบื่อเอาได้ง่าย ๆ ลองเพิ่มรูปภาพหรือรูป GIF ลงไปเพื่อให้อีเมลมีจุดดึงดูดมากขึ้น อย่างการใช้รูปภาพสีสันสวยงามตกแต่งหัวข้ออีเมลของคุณ
  • ปรับแต่งอีเมลให้อ่านได้ง่ายในหลาย ๆ อุปกรณ์ อีเมลควรอ่านได้ง่ายทั้งบน Desktop และบนมือถือ หลีกเลี่ยงฟอนต์ใหญ่เกิน รูปใหญ่เกินที่ต้องโหลดหนัก ๆ และจะทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลง
  • จัดลำดับเนื้อหาให้อ่านเข้าใจง่าย จัดเรียงเนื้อหา จุดนำสายตา จัดระเบียบการจัดวางองค์ประกอบให้ลูกค้าอ่านได้ลื่นไหล

3. ทำอีเมลให้เป็น Personalize ทั้งหัวเรื่องและเนื้อหาข้างใน

การทำอีเมลให้นึกภาพว่าคุณกำลังคุยอยู่กับลูกค้าตัวต่อตัว เพิ่มความเป็นมนุษย์ลงไปในอีเมล เพิ่มความต้องการ และสร้างความเป็นปัจเจกบุคคลให้มากขึ้น การทำ Personalize ต้องใช้ข้อมูลจากลูกค้านำมาออกแบบหัวข้ออีเมล เนื้อหาข้างใน และการออกแบบที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและเกี่ยวข้องโดยตรงกับลูกค้า ตัวอย่างการเพิ่ม Personalize ให้อีเมล

  • ใช้ชื่อของลูกค้าจั่วหัวอีเมล และควรสะกดชื่อให้ถูก
  • ใช้ตำแหน่งที่อยู่ของลูกค้าในการโปรโมทโปรโมชันในแต่ละท้องที่
  • นำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้องกับประวัติการซื้อขายล่าสุดของลูกค้า (เช่น ลูกค้าเพิ่งซื้อดัมเบลไป ให้ส่งอีเมลขายเวย์โปรตีนตามมา)

4. เขียนอีเมลเหมือนว่ากำลังคุยกับลูกค้าโดยตรง

หากมองในแง่มุมลูกค้าที่ได้รับอีเมลเสนอขายมาทุกวัน ๆ มากเกินกว่าที่ควรได้รับ ทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อและไม่อยากอ่านอีเมลจากแบรนด์ไหนอีกเลย วิธีที่จะดึงความสนใจของลูกค้ากลับมาและสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีได้คือการเขียนอีเมลที่เหมือนกับ คุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเองในฐานะมนุษย์ด้วยกัน เหมือนเป็นเพื่อนหรือคนรู้จัก ไม่ใช่ในฐานะแบรนด์กับลูกค้า เพิ่มความเป็นมิตร ความเข้าถึงได้ และเป็นเหมือนบทสนทนาให้กับอีเมล พูดคุยกับลูกค้าเหมือนกับเป็นคนคนหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความรู้สึกเป็นกันเองและเชื่อมความสัมพันธ์กับแบรนด์ได้เร็วกว่า

5. หมั่น Follow-up ลูกค้าอยู่สม่ำเสมอ

การส่งอีเมลหาลูกค้าครั้งนึงนับพันหมื่นฉบับย่อมมีสักฉบับที่ไม่ได้ผลตอบรับกลับมาเสมอ และนี่แหละคือจุดที่นักการตลาดต้องกระโจนเข้ามาขุดคุ้ยว่าเกิดอะไรขึ้น จะส่งอีเมลฉบับที่สอง สาม เพิ่มไปก็ได้หากลูกค้ายังไม่ตอบสนอง วิธีติดตามลูกค้าผ่านอีเมลสามารถปรับใช้ได้กับอีเมลทุกประเภท แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดจะเป็นอีเมลประเภท “ลืมของไว้ในตะกร้าหรือเปล่า” (Abandoned cart) แคมเปญลดราคา หรืออีเมลแจ้งข่าวที่เพิ่มความเร่งด่วนเข้าไป ซึ่งนักการตลาดก็สามารถเข้าไปตั้งค่าอีเมลได้ง่าย ๆ ที่โปรแกรมทำ Email Marketing และตั้งเงื่อนไขถ้าลูกค้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมลฉบับแรกก็ให้ส่งฉบับสองต่อ ที่เหลือคุณก็แค่นั่งรอเท่านั้นเอง

6. ทำให้ดูเหมือนว่าส่งอีเมลจากคนจริง ๆ

บางแบรนด์ที่มีฐานธุรกิจขนาดใหญ่มักลดสเกลการทำ Email Marketing ลงโดยการใช้ระบบซอฟต์แวร์จัดทำอีเมลและส่งอีเมลผ่านซอฟต์แวร์ทีละหลายฉบับ เวลาลูกค้าได้รับอีเมลก็มักจะขึ้นเป็น “no-reply@business.com” พร้อมข้อความระบุท้ายอีเมลว่า “นี่คืออีเมลตอบกลับอัตโนมัติ กรุณาอย่าติดต่อกลับผ่านอีเมลนี้” ให้เห็นกันอยู่ร่ำไป 

คำถามคือ คุณรู้สึกอย่างไรกับอีเมลแบบนี้?

ความรู้สึกแรกคือมันน่าเบื่อ ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ขาดความเป็นมนุษย์ เหมือนเป็นอีเมลที่สร้างและส่งโดยระบบอัตโนมัติมากกว่า ฉะนั้นจงอย่าเป็นแบรนด์แบบนี้ ใช้ชื่อผู้ส่งที่เป็นตัวบุคคลหรืออีเมลของพนักงานที่โดเมนเป็นชื่อบริษัทเพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนคุยกับคนจริง ๆ ให้กับลูกค้า

*เทคนิคเล็ก ๆ ให้ลองใช้ชื่อบุคคลที่มีความสำคัญในองค์กรสักหน่อยอย่างชื่อผู้ก่อตั้งหรือผู้จัดการฝ่ายการตลาดจะส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจมากขึ้นเหมือนมีบุคลากรระดับสูงมาคุยด้วย

7. ทำ A/B Testing

ทุกแคมเปญ ทุกกลยุทธ์การตลาดที่ใช้หาลูกค้าจำเป็นต้องมีการทดสอบก่อนและหลังจากปล่อยแคมเปญออกไปแล้วทุกครั้ง การทำ A/B Testing ช่วยให้คุณเปรียบเทียบอีเมลได้ทั้งสองเวอร์ชัน อันไหนสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าด้วยการวิเคราะห์ผลลัพธ์แต่ละฉบับ ฉบับไหนดีกว่าก็ใช้ฉบับนั้นส่งหาลูกค้า นอกจากนี้การทดสอบก่อนปล่อยจริงไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้อย่างถ่องแท้ว่าพวกเขาชอบ/ไม่ชอบอะไร วิธีไหนที่พวกเขาจะเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ดีที่สุดผ่านอีเมล ซึ่งก็จะทำให้แบรนด์คุณได้รับการปรับปรุงไปเป็นการเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

นักการตลาดที่ยังไม่เคยลองทำ Email Marketing ในการหาลูกค้าใหม่อาจจะรู้สึกว่ามันดูยุ่งยากหรือใช้เวลามากเกินจำเป็นกว่าจะเห็นผล แต่เราอยากให้คุณเชื่อว่าการทำการตลาดทุกรูปแบบไม่ว่าแบบไหนก็ตามแม้แต่การทำ Email Marketing เองก็จะให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ยกระดับยอดขายของคุณให้สูงขึ้น หาลูกค้าใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการจะทำรายชื่อลูกค้าให้เหมาะสมกับอีเมลแต่ละประเภท ใช้ข้อความที่เป็นมิตรต่อลูกค้า การออกแบบที่ไม่ก่อความสับสน ใช้ภาษาที่มีความเป็นมนุษย์ และหมั่นทำการทดสอบหลังการส่งอีเมล ซึ่งจะทำให้แบรนด์คุณประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น

ร่วมงานกับทีม Cotactic Media หนึ่งในบริษัทโฆษณาออนไลน์ชั้นนำของเมืองไทย ที่จะช่วยให้คุณตอบโจทย์การหาลูกค้าให้คุณได้ตามเป้าหมายแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Brand Awareness หรือ Lead Generation ก็ทำได้หมด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกับทีมรับทำเว็บไซต์ WordPress อย่าง Cotactic เพื่อให้เราเป็น Collaborative Marketing Partner ทำงานเป็นทีมร่วมกันกับคุณ

——————————————————————–

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


ติดต่อ

โทร.065-095-9544

Inbox: https://m.me/cotactic

Line@: https://line.me/R/ti/p/@cotactic

ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล

https://bit.ly/3tJXphI 

https://www.pure360.com/10-benefits-of-email-marketing/ 

https://sproutsocial.com/insights/email-marketing/ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวม 200 รายชื่อ Digital Marketing Agency ในไทย ปี 2026

รวม 200 รายชื่อ Digital Marketing Agency ในไทย ปี 2026

Viral Marketing ให้คอนเทนต์ไวรัลแชร์ต่อแบบไม่หยุด

Viral Marketing คืออะไร? พร้อมวิธีคิดคอนเทนต์ให้คนแชร์ต่อแบบไม่หยุด

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้