click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

Facebook แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 แม้ตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการทำงานของ Facebook จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงครองตำแหน่ง Social Media ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้ การทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads จึงกลายเป็นหนึ่งในช่องทางที่ได้รับความนิยมในหมู่ธุรกิจออนไลน์ และมีแนวโน้มจะพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจโปรโมทธุรกิจผ่านช่องทางนี้ มาทำความรู้จักกับโฆษณา Facebook ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

 

Facebook Ads คืออะไร?

 

Facebook Ads คืออะไร?

Facebook Ads คือ ระบบโฆษณาบนหน้าฟีดของ Facebook (ปัจจุบันอยู่ภายใต้การทำงานของบริษัท Meta เชื่อมโยงการทำงานของทั้ง Facebook และ Instagram) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานจ่ายค่าโฆษณาเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โพสต์ วิดีโอ หรือ Slideshow เป็นต้น จุดเด่นของการซื้อโฆษณาผ่านพื้นที่นี้ คือระยะเวลาสร้างโฆษณาที่ค่อนข้างสั้น เห็นผลไว กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการได้ และยังสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาฉบับทดลองขึ้นมาก่อนใช้งานจริงได้อีกด้วย

 

ประเภทของ Facebook Ads มีอะไรบ้าง

ปัจจุบัน Facebook Ads แบ่งออกได้เป็น 7 ประเภทหลัก ๆ ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าโฆษณาแต่ละชิ้นให้แสดงผลในรูปแบบต่าง ๆ ตามแต่ความเหมาะสม ดังนี้

 

Facebook Ads Image

Image Ads

 

1. Image Ads – โฆษณาแบบรูปภาพ

โฆษณาแบบรูปภาพคือวิธีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะใช้งานง่าย สื่อสารได้รวดเร็ว เคล็ดลับของการแสดงผลโฆษณาแบบ Image Ads คือ ดีไซน์การออกแบบที่เฉียบคม เสพง่าย เลือกภาพประกอบที่สื่อสารตรงตัว ไม่ต้องอาศัยการตีความหลายขั้น และที่สำคัญ Text และ Font ที่ใช้ต้องมีขนาดที่พอดี ดึงดูดสายตา และสอดคล้องกับตัวตนแบรนด์

 

Facebook Ads Video

Video Ads

 

2. Video Ads – โฆษณาแบบวิดีโอ

แม้จะใช้เวลาสร้างสรรค์นานกว่าโฆษณาแบบรูปภาพ แต่โฆษณาแบบวิดีโอก็ได้รับความนิยมสูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานปัจจุบันจะนิยมเสพคอนเทนต์แบบ Short Video และการสื่อสารผ่านภาพเคลื่อนไหวก็สามารถใส่ลูกเล่นที่หลากหลายได้มากกว่ารูปภาพ หากคุณสนใจทำโฆษณา Facebook ในรูปแบบนี้ แนะนำให้ทำเป็นคลิปรีวิวการใช้งาน หรือนำเสนอ Story ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสินค้า เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมกดติดตาม Facebook Page และอยากสั่งซื้อจริงมากขึ้น

 

Facebook Ads - Carousel Ads

Carousel Ads
ที่มา: bluefrogdm

 

3. Carousel Ads – โฆษณาแบบภาพสไลด์

Carousel Ads คือ โฆษณาที่จะแสดงผลรูปภาพหรือวิดีโอเรียงกัน ให้ผู้ชมสามารถเลื่อนชมซ้าย – ขวา ทีละรายการได้ หากต้องการสร้างโฆษณาในรูปแบบนี้ คุณสามารถใส่ภาพหรือวิดีโอได้สูงสุด 10 รายการ พร้อมแนบลิงก์ไปยังหน้า Landing Page ได้ ทั้งนี้ เคล็ดลับสำคัญของการสร้าง Carousel Ads คือการใช้ภาพใหญ่ ๆ ตัดเป็นช่อง ๆ เพิ่มลูกเล่นให้น่าสนใจ หรือแสดงคุณสมบัติพิเศษของสินค้า เพื่อให้คนคลิกชมโฆษณาและใช้เวลาดูให้นานยิ่งขึ้น

 

Facebook Ads - ตัวอย่าง Collection Ads

Collection Ads
ที่มา: thenextscoop

 

4. Collection Ads – โฆษณาคอลเล็กชัน

Collection Ads คือ โฆษณารูปแบบพิเศษที่แสดงผลเฉพาะบนมือถือเท่านั้น ประกอบไปด้วยหน้าปกขนาดใหญ่ และรายการย่อย ๆ ด้านล่างอีกไม่เกิน 4 รายการ (สามารถใส่ได้ทั้งรูปภาพและวีดีโอ) เหมาะแก่การสร้างแคตตาล็อกสินค้าโดยใช้ภาพสินค้าจริง เพื่อให้ลูกค้าสามารถคาดเดาการใช้งานในสภาพจริงได้

 

Facebook Ads - ตัวอย่าง Canvas Ads

Canvas Ads
ที่มา: hubspot

 

5. Canvas Ads – โฆษณาแบบแสดงผลเต็มจอ

Canvas Ads หรืออีกชื่อคือ Instant Experience คือโฆษณาที่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชม รองรับทั้งการใส่รูปภาพ การใส่วิดีโอ และการทำ Slideshow รวมถึงสามารถสร้างองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยจะแสดงผลเป็นงานนำเสนอแบบเต็มจอ เหมาะแก่การสร้าง Storytelling เล่าเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้า เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและสร้าง Brand Awareness ในระยะเริ่มต้น 

 

Facebook Ads - ตัวอย่าง Lead Ads

Lead Ads

 

6. Lead Ads – โฆษณาแบบกรอกข้อมูล

จุดประสงค์ของการสร้าง Lead Ads คือการดึงดูดให้ผู้ชมโฆษณาคลิกเข้ามาเพื่อกรอกข้อมูลที่จำเป็นลงในแบบฟอร์มที่เราแนบไว้ โดยทั่วไปมักใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น ซื้อ-ขายคอนโด หรือธุรกิจประเภทขายคอร์สเรียนต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ของคนเป็นจำนวนมาก เพื่อติดต่อกลับในภายหลัง และยังสามารถนำข้อมูลนี้ไปเก็บรวบรวมเป็นฐานข้อมูลกลุ่มเป้าหมายสำหรับทำโฆษณาครั้งต่อไปได้อีกด้วย

 

Facebook Ads - ตัวอย่าง Messenger Ads

Messenger Ads

 

7. Messenger Ads – โฆษณาทางกล่องข้อความ

Messenger Ads คือ การยิงโฆษณาให้ปรากฏบนกล่องข้อความ ซึ่งหมายถึงแอปพลิเคชัน “Messenger” ที่เชื่อมต่อกับ Facebook ผู้ใช้งานจะเห็นโฆษณาแทรกอยู่ในช่องแชท และสามารถคลิกเข้ามาเพื่อสอบถามโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมทาง Landing Page ได้ทันที ถือเป็นโฆษณาที่เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเปิดโอกาสให้คุณได้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

 

การสร้างโฆษณา Facebook แต่ละรูปแบบ ยังมีเงื่อนไขต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิ ประเภทไฟล์ที่รองรับ ไซส์ของรูปภาพและวิดีโอ รวมถึงรูปแบบของการแสดงผล ซึ่งคุณสามารถศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ ในบทความ 10 รูปแบบโฆษณา Facebook ที่นักธุรกิจควรใช้ ตรึงใจลูกค้า

 

Facebook Ads ทำงานอย่างไร?

 

Facebook Ads ทำงานอย่างไร

จากการรายงานของ Meta ปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.2 พันล้านคนทั่วโลก และมีแฟนเพจธุรกิจที่ Active บนแพลตฟอร์มมากกว่า 30 ล้านธุรกิจ ดังนั้น เพื่อให้ Facebook Ads สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องสร้างระบบที่เปิดให้ผู้ที่ต้องทำทำโฆษณาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ที่ตรงกับธุรกิจของตัวเองได้ เพื่อเป็นหมุดหมายให้ Facebook Ads แสดงผลโฆษณาบนหน้าฟีดของบุคคลเหล่านั้น รวมไปถึงทำให้เพื่อน ครอบครัว หรือคนอื่น ๆ ที่สนใจในสิ่งเดียวกันได้มองเห็นโฆษณาด้วย

ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญของกลุ่มเป้าหมายที่ Facebook จำเป็นต้องใช้ ได้แก่ พื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย (Locations) ความสนใจ (Interest) เช่น Gadget ที่เลือกใช้ หรือหน้าเพจที่กดติดตาม และสุดท้ายคือ พฤติกรรม (Behaviour) เช่น พฤติกรรมการซื้อ-ขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายเป็นเพียงข้อมูล แต่ตัวแปรที่จะกำหนดว่าโฆษณาของคุณจะแสดงผลนานแค่ไหน และไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากเพียงใด คือจำนวนเงินค่าโฆษณาที่คุณชำระให้กับ Facebook นั่นเอง

 

วิธีเริ่มใช้งาน Facebook Ads

อันที่จริงแล้ว Facebook Ads คือ ฟีเจอร์ที่มีไว้สำหรับทุกคนที่มีบัญชี Facebook อยู่แล้ว คุณสามารถเริ่มใช้งานได้โดย Login เข้าไปที่ Facebook ส่วนตัว คลิกที่เมนู “ตัวจัดการโฆษณา (Ads Manager)” ด้านซ้ายมือ และเข้าสู่หน้า Dashboard ของตัวจัดการโฆษณาได้ทันที

 

Facebook Ads -เปิดใช้งาน Facebook Ads Manage

Facebook Ads Manager Dashboard

 

ที่แถบด้านบนสุดของหน้า Dashboard ชื่อบัญชี Facebook ของคุณจะถูกนำไปใช้เป็นชื่อบัญชีโฆษณา พร้อม Ads ID Account ที่เปรียบเหมือนเลขบัตรประชาชนของทุกคนอีกด้วย แน่นอนว่าหากคุณมี Facebook Page และอยากสร้างโฆษณาเพื่อโปรโมทสินค้าในนามเพจนั้น คุณก็สามารถดำเนินการสร้างและชำระเงินโดยใช้บัญชีโฆษณาส่วนตัวได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำธุรกิจ เราแนะนำให้คุณสร้างบัญชีธุรกิจขึ้นมา เพื่อแยก Facebook ส่วนตัวออกจากการทำงาน เพียงคลิกที่ Facebook Business Manager ระบบจะให้คุณ Login ผ่าน Facebook ส่วนตัว เพื่อเข้าสู่หน้า Business Suite ที่รวมการทำงานทุกอย่างของ Facebook เช่น ตั้งเวลาโพสต์ สร้างโฆษณา ตอบ Inbox ดูการแจ้งเตือน และเช็ก Insights ต่าง ๆ

 

 Facebook Ads -เปิดใช้งาน Facebook Business Account

Create Facebook Business Account

 

คลิก Create a business account เพื่อสร้างบัญชีธุรกิจขึ้นมา 1 บัญชี ซึ่งจะเป็นบัญชีกลาง รวบรวมทุก Facebook Page และทุก Instagram Account ที่อยู่ภายใต้ธุรกิจคุณ รวมทั้งสามารถแต่งตั้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนทำงานร่วมกันได้ในพื้นที่เดียว

 

สร้างโฆษณา Facebook ทำอย่างไร?

Facebook Ads จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ แคมเปญ (Campaign) ชุดโฆษณา (Ad Set) และชิ้นงานโฆษณา (Ad) โดยสามารถอธิบายวิธีการตั้งค่าแต่ละส่วนคร่าว ๆ ได้ดังนี้

 

Facebook Ads Structure

Facebook Ads Structure
ที่มา: hevodeta

 

1. การตั้งค่าแคมเปญ (Campaign)

แคมเปญเปรียบเสมือนร่มใหญ่ที่มีไว้กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำโฆษณา (Campaign Objective) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ Awareness, Consideration และ Conversion

  • Awareness (การรับรู้)

ใช้สำหรับโฆษณาที่เน้นสร้าง Brand Awareness เพื่อให้คนรู้จักกับแบรนด์ และเน้นรวบรวม Reach หรือจำนวนบัญชีที่เข้าถึงให้ได้มากที่สุด เหมาะสำหรับช่วงที่เพิ่งเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแบรนด์มากนัก

  • Consideration (การมีส่วนร่วม)

ใช้สำหรับโฆษณาที่เน้นสร้าง Engagement (Like, Share, Comment) เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เริ่มโปรโมทไปแล้วระยะหนึ่ง และต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับโฆษณา หรือกด Follow เพจเพื่อติดตามข่าวสารมากขึ้น

  • Conversion (ปฏิกิริยาตอบกลับ)

ใช้สำหรับโฆษณาที่ต้องการ Action ตอบกลับจากลูกค้า เช่น การคลิกชมเว็บไซต์ ทำแบบทดสอบ ดู Catalog หรือกดสั่งซื้อสินค้า เหมาะสำหรับแบรนด์ที่สามารถสร้างฐานลูกค้าได้จำนวนหนึ่งแล้ว และต้องการจะโปรโมทเพื่อดึงดูให้คนสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางของตัวเอง

2. การตั้งค่าชุดโฆษณา (Ad Set)

ชุดโฆษณามีไว้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) กำหนดรูปแบบโฆษณา รวมถึงกำหนดงบประมาณที่ใช้ในการโฆษณาด้วย ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดให้ 1 แคมเปญมีมากกว่า 1 ชุดโฆษณาได้ โดยอาจใช้ทดลองยิงโฆษณาเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน แต่เจาะจงคนละกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทดลองว่าควรตั้งค่าแบบไหนจึงจะได้ผลที่สุด

 

Facebook Ads - Ads Set

ตัวอย่างหน้า Ads Set

 

สำหรับการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายใน Ad Set คุณสามารถตั้งค่าเองใหม่ โดยกำหนดเพศ ช่วงอายุ ที่ตั้ง (Location) ภาษาที่ใช้ และความสนใจ (Interest) ได้ หรืออาจเลือกใช้กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audience) ซึ่งรวบรวมข้อมูลของลูกค้าเก่าไว้ทั้งหมด เพื่อทำ Retargeting Marketing ไปยังกลุ่มลูกค้าเก่าอีกครั้ง 

ดูขั้นตอนวิธีตั้งค่า Custom Audience เพื่อทำโฆษณาเฟสบุ๊ค (อัปเดต 2022)

3. การตั้งค่าชิ้นงานโฆษณา (Ad)

การตั้งค่า Facebook Ads ส่วนสุดท้าย คือ การตั้งค่าชิ้นงานโฆษณา โดยคุณสามารถเลือกสร้างชิ้นงานขึ้นมาใหม่ให้ปรากฏเฉพาะบนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมาย แต่ไม่อยู่บนหน้าเพจ (Create Ad) หรือจะเลือกโพสต์ที่มีอยู่แล้วบนหน้าเพจมายิงโฆษณาก็ได้

 

Facebook Ads - Ad

ตัวอย่างหน้า Ad Preview

 

ในขั้นตอนนี้ หากคุณเลือกสร้างชิ้นงานโฆษณาขึ้นมาใหม่ ระบบจะให้คุณเลือกรูปแบบโฆษณา ใส่รูปภาพ วิดีโอ และกำหนด Caption พร้อมคลิกชม Ad Preview จำลองการแสดงผลจริงบน Device ต่าง ๆ ก่อนสร้างชิ้นงานจริงอีกด้วย

การสร้างโฆษณา Facebook ที่แนะนำไปทั้งหมดนี้ คือ การสร้างโฆษณาผ่าน Facebook Ad Manager ซึ่งจะสามารถตั้งค่าและกำหนดงบประมาณได้อย่างละเอียด อย่างไรก็ดี ยังมีการสร้างโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือการคลิกปุ่ม “โปรโมทโพสต์ Facebook” ที่ใต้โพสต์บนเพจ แต่ได้รับความนิยมน้อยกว่า เพราะตั้งค่าได้เพียงเล็กน้อย และมีประสิทธิภาพน้อยกว่า 

ทั้งนี้ หากคุณต้องการศึกษาขั้นตอนการสร้างโฆษณาบน Facebook อย่างละเอียด อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ วิธียิงแอดโปรโมทโพสต์ Facebook ฉบับมือใหม่ ม้วนเดียวจบ

 

การวัดผล Facebook Ads ทำอย่างไร?

โดยปกติแล้ว การวัดผลประสิทธิภาพของ Facebook Ads จะพิจารณาจากจำนวนเงินที่ใช้ต่อผลลัพธ์ที่ได้ว่าคุ้มค่าเพียงใด โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณาด้วย ซึ่งประเภทค่า KPI ที่ใช้สำหรับวัดผลที่คุณควรรู้มีดังนี้

1. CPR – Cost Per Result

Cost Per Result หรือ ต้นทุนต่อผลลัพธ์ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของโฆษณาที่ตั้งไว้ ตัวอย่างเช่น สร้างโฆษณาประเภท Engagement ต้นทุนต่อผลลัพธ์ของโฆษณาชิ้นนี้ก็คือราคาต่อการกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์ 1 ครั้ง (CPR ยิ่งถูก โฆษณายิ่งดี)

2. CPC – Cost Per Click

Cost Per Click หรือ ต้นทุนต่อคลิก หมายถึงงบประมาณที่คุณต้องจ่ายเมื่อมีคนคลิกชมโฆษณา (จะเสียเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกชมเท่านั้น)

3. CTR – Cost Through Rate

Cost Through Rate หรือ อัตราการคลิกต่อการมองเห็น ยิ่งค่าอัตราการคลิกมากเท่าไหร่ ยิ่งหมายความว่าโฆษณาของคุณน่าสนใจมากเท่านั้น

4. CVR – Conversion Rate

Conversion Rate คือ อัตราร้อยละของผู้ที่เข้าชมสินค้าในหน้า Landing Page ต่อคนที่ตัดสินใจลงทะเบียนหรือสั่งซื้อจริง เช่น หากมีคนเข้ามาดูสินค้าที่หน้า Landing Page 100 คน แต่สั่งซื้อสินค้าจริง 20 คน จะคิดเป็น CVR เท่ากับ 20%

 

ประโยชน์ของ Facebook Ads

 

ประโยชน์ของการใช้งาน Facebook Ads

1. เพิ่มโอกาสให้ผู้ชมมองเห็นเพจมากขึ้น

ดังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น ปัจจุบันแพลตฟอร์ม Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.2 พันล้านคน ดังนั้นโอกาสที่จะมีคนมองเห็นเพจที่เพิ่งเปิดใหม่จึงน้อยลงกว่าในอดีตมาก การใช้ Facebook Ads จึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ธุรกิจจำนวนมากเลือกใช้ เพื่อเปิดการมองเห็นของเพจ โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่เพิ่งเริ่มเปิดเพจใหม่ 

2. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ๆ

จุดเด่นของการใช้งาน Facebook Ads คือความสามารถในการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด นอกจากนี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเองก็สามารถมองเห็นโฆษณาได้ เนื่องจาก Facebook จะแสดงผลโฆษณาบนหน้าฟีด หากผู้ที่ชมโฆษณากดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์โฆษณานั้น เพื่อนใน Facebook ของพวกเขาก็จะมองเห็นโฆษณาบนหน้าฟีดของตัวเองด้วย ซึ่งจะทำให้คุณมีโอกาสได้พบกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ตลอดเวลานั่นเอง

3. บริหารจัดการงบประมาณได้

ใน Facebook Ads Manager คุณสามารถตั้งค่าได้ว่า จะกำหนดงบประมาณก้อนเดียวตลอดระยะเวลาการโฆษณา หรือจะกำหนดงบประมาณต่อวัน เพื่อการวางแผนงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ไม่กระทบต่อรายจ่ายส่วนอื่น ๆ ของแบรนด์

4. วัดผลสัมฤทธิ์ที่แน่นอนได้

หลังการกด Publish เพื่อเผยแพร่โฆษณา คุณสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของโฆษณาได้ที่ระบบหลังบ้านของ Facebook Ads Manager เพื่อดูว่าโฆษณาเข้าถึงคนมากแค่ไหน มี Eagagement มากเพียงใด นอกจากนี้ ยังสามารถทำ A/B Testing เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของชุดโฆษณาก่อนตัดสินใจใช้จริงอีกด้วย

 

ยิงแอดบน Facebook Ads ให้ปัง ทำอย่างไร?

 

อยากยิงแอดให้ปัง ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

1. เช็กสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ดี

“สัญญาณอินเทอร์เน็ต” เรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่มีผลอย่างมากเมื่อต้องอัปโหลดชิ้นงานโฆษณา โดยเฉพาะชิ้นงานใหญ่ ๆ ที่มีทั้งภาพและวิดีโอ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ทำงานโดยใช้สัญญาณ Wifi เท่านั้น เพื่อป้องกันหน้าเว็บโหลดช้า หรือทำงานได้ไม่สมบูรณ์

2. เคลียร์ให้ชัด! วัตถุประสงค์คืออะไร

รูปแบบโฆษณาบน Facebook Ads สัมพันธ์กับวัตถุประสงค์โฆษณาอย่างมีนัยสำคัญ เช่น หากคุณต้องการโปรโมทโปรโมชันใหม่ การใช้ Image Ads หรือ Carousel Ads ย่อมน่าสนใจมากกว่าการใช้ Instant Experience เนื่องจากการสื่อสารผ่านภาพและตัวหนังสือใช้เวลาไม่นาน ทำความเข้าใจง่าย และสามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น คุณจึงควรพิจารณาวัตถุประสงค์ให้แน่ชัด ก่อนสร้างชิ้นงานโฆษณาใหม่

3. เตรียมงบประมาณให้พร้อม

งบประมาณสำหรับทำโฆษณาต้องสอดคล้องกับการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย โดยทั่วไป หากคุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างกว้าง แต่มีงบประมาณจำกัด ระบบจะลดจำนวนวันเผยแพร่โฆษณาลง ทำให้บางครั้งโฆษณาของคุณโชว์อยู่บนหน้าฟีดได้เพียงแค่ 1 -2 วัน ซึ่งทำให้มีโอกาสเข้าถึงคนน้อย หรืออาจไม่มีคนเห็น ทำให้การยิงโฆษณาครั้งนั้นสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น การเตรียมงบประมาณให้สมดุลกับการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายตามที่ Facebook Ads แนะนำ จึงทำให้โฆษณาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

โดยสรุปแล้ว Facebook Ads คือหนึ่งในเครื่องมือการตลาดชิ้นสำคัญ ที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดควรฝึกใช้งานให้ชำนาญ เพื่อก้าวให้ทันโลกของ Digital Marketing ตลอดจนพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามกระแสนิยมบนโลกออนไลน์ซึ่งถือกำเนิดใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง


หากคุณต้องการมองหา บริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress แบบครบทั้งระบบ หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


 

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก:

บทความที่เกี่ยวข้อง

Image6

Revenue คืออะไร เข้าใจการเงินพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ | Cotactic

Image6

Retention Rate คืออะไร วางกลยุทธ์อย่างไรให้กลับมาซื้อซ้ำ | Cotactic

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้

ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้ ต้องการทีมช่วยทำ Digital Marketing และสร้าง Real-Time Dashboard สำหรับแคมเปญของคุณหรือไม่? เริ่มเลยวันนี้