click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันออนไลน์เข้มข้นขึ้นทุกวัน เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพดีกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ไม่รองรับการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ หรือไม่ปฏิบัติตาม SEO Best Practices แล้ว ลูกค้าจะหันไปใช้บริการคู่แข่งแทน Google Lighthouse จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์และนักพัฒนาสามารถตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือนี้ไม่เพียงช่วยวิเคราะห์ปัญหาเท่านั้น แต่ยังให้คำแนะนำการแก้ไขที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์อีกด้วย

Google Lighthouse คืออะไร?

Google Lighthouse คือเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ฟรี

Google Lighthouse คือ เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ฟรีที่พัฒนาโดย Google ซึ่งเป็นการวิเคราะห์หน้าเว็บผ่านการทดสอบหลายด้าน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและคุณภาพโดยรวม เครื่องมือนี้เป็น Open Source ที่ใครก็สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์ นักการตลาดดิจิทัล หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ที่ทำงานผ่านการจำลองพฤติกรรมผู้ใช้งานจริงในการเข้าถึงเว็บไซต์ จากนั้นจะสร้างรายงานที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้งาน พร้อมทั้งให้คะแนนตั้งแต่ 0-100 ในแต่ละหมวดหมู่ที่ตรวจสอบ

ฟีเจอร์เด่นของ Google Lighthouse

Performance (ประสิทธิภาพเว็บไซต์)

ส่วนนี้เป็นหัวใจสำคัญของ Google Lighthouse ที่ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ โดยวัดจาก Core Web Vitals ที่ Google กำหนดเป็นมาตรฐาน ได้แก่ Largest Contentful Paint (LCP) ที่วัดเวลาการโหลดเนื้อหาหลัก First Input Delay (FID) ที่วัดการตอบสนองต่อการโต้ตอบของผู้ใช้ และ Cumulative Layout Shift (CLS) ที่วัดความเสถียรของการจัดวางหน้าเว็บ

เครื่องมือจะวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อความเร็ว เช่น ขนาดของไฟล์ภาพ การบีบอัดข้อมูล การใช้ CDN และการโหลด JavaScript ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการปรับปรุงแต่ละจุด

Accessibility (การเข้าถึงสำหรับทุกคน)

การตรวจสอบการเข้าถึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายเว็บไซต์มักมองข้าม Google Lighthouse จะประเมินว่าเว็บไซต์สามารถใช้งานได้กับผู้ที่มีความต้องการพิเศษหรือไม่ เช่น ผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ผู้ที่ใช้เครื่องช่วยอ่านหน้าจอ หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้เมาส์ได้

เครื่องมือจะตรวจสอบการใส่ Alt text ในภาพ การใช้ Heading Tags ที่ถูกต้อง ความเปรียบต่างของสี และการรองรับการนำทางด้วยคีย์บอร์ด การปรับปรุงด้านนี้ไม่เพียงช่วยผู้ใช้งานที่มีความต้องการพิเศษ แต่ยังช่วยปรับปรุง SEO อีกด้วย

ประเมินการใช้งานตามหลัก SEO เบื้องต้น

Google Lighthouse ตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อ SEO เช่น การมี Title Tag และ Meta Description ที่เหมาะสม การใช้ Heading Structure ที่ถูกต้อง การมี Sitemap และ robots.txt การใช้ Structured Data และการรองรับ Mobile-Friendly

แม้ว่าจะไม่ครอบคลุมทุกด้านของ SEO แต่ก็ช่วยให้เห็นจุดที่ต้องปรับปรุงเบื้องต้น เพื่อให้เว็บไซต์มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นใน Search Engine

ตรวจสอบ Best Practices ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี

ส่วนนี้ประเมินการใช้มาตรฐานที่ดีในการพัฒนาเว็บไซต์ เช่น การใช้ HTTPS การใช้ HTTP/2 การหลีกเลี่ยงการใช้ Library ที่ล้าสมัยหรือมีช่องโหว่ การใช้ Compression และการตั้งค่า Cache ที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังตรวจสอบการใช้ JavaScript และ CSS ที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงการใช้ Console.log ใน Production และการใช้ Viewport Meta Tag สำหรับการแสดงผลบนมือถือ

ทำไมต้องใช้ Google Lighthouse ในการวัดคุณภาพเว็บไซต์

ทำไมต้องใช้ Google Lighthouse ในการวัดคุณภาพเว็บไซต์

ในยุคที่ผู้ใช้งานมีความคาดหวังสูงต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ การใช้ Google Lighthouse จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ตัวเลือกเพิ่มเติม เครื่องมือนี้ช่วยให้เข้าใจปัญหาและเห็นถึงช่องทางในการปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน

1.เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์

การใช้ Google Lighthouse ช่วยระบุจุดที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า เช่น ภาพที่ใหญ่เกินไป การใช้ Font ที่หลากหลาย หรือ JavaScript ที่ไม่จำเป็น เมื่อแก้ไขตามคำแนะนำแล้ว ความเร็วของเว็บไซต์จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ความเร็วที่ดีขึ้นส่งผลต่อ Bounce Rate เพราะผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะออกจากเว็บไซต์หากโหลดช้าเกิน 3 วินาที การปรับปรุงประสิทธิภาพจึงส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของธุรกิจ

2.วิเคราะห์ปัญหาที่กระทบ SEO

Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยนำ Core Web Vitals มาเป็นส่วนหนึ่งของ Ranking Factor ซึ่ง Google Lighthouse จะช่วยให้สามารถเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้

การแก้ไขปัญหาที่ Google Lighthouse ชี้ให้เห็นช่องทางในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเดิม เพราะเว็บไซต์จะตอบสนองความต้องการของ Algorithm ใหม่ ๆ ของ Google

3.ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX)

ผู้ใช้งานในปัจจุบันคาดหวังว่าเว็บไซต์ที่ตอบสนองได้เร็ว ใช้งานได้ง่าย และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ Google Lighthouse จะช่วยประเมินและปรับปรุงทุกด้านเหล่านี้

เมื่อประสบการณ์ผู้ใช้งานดีขึ้น จะส่งผลต่อ Engagement Rate การกลับมาใช้งานซ้ำ และการแนะนำให้เพื่อนใช้งาน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์

4.ลดเวลาการโหลดหน้าเว็บ

หนึ่งในประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือการลดเวลาการโหลด Google Lighthouse จะแนะนำวิธีการเฉพาะเจาะจง เช่น การบีบอัดภาพ การลดขนาดไฟล์ CSS และ JavaScript การใช้ Lazy Loading และการใช้ CDN

การลดเวลาโหลดแม้เพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยในบางกรณีการปรับปรุงความเร็วสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 10-15%

วิธีใช้งาน Google Lighthouse

วิธีใช้งาน Google Lighthouse

Google Lighthouse มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง โดยสามารถเข้าถึงได้หลายช่องทาง ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีความต้องการและระดับทักษะที่แตกต่างกัน

1.ใช้ผ่าน Chrome

วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือการใช้งานผ่าน Google Chrome Browser โดยเปิด Developer Tools (กด F12) แล้วเลือกแท็บ Lighthouse จากนั้นเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการทดสอบและคลิก “Generate Report”

ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถทดสอบได้ทั้งเว็บไซต์ที่เปิดเผยสาธารณะและเว็บไซต์ที่อยู่ในระบบ Development ที่ยังไม่ได้เผยแพร่ นอกจากนี้ยังสามารถจำลองการใช้งานบนมือถือหรือเดสก์ท็อปได้

2.ใช้ผ่านเว็บไซต์ PageSpeed Insights

สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการติดตั้งอะไรเพิ่มเติม สามารถใช้งานผ่าน PageSpeed Insights ที่ pagespeed.web.dev ได้โดยตรง เพียงใส่ URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการทดสอบ

PageSpeed Insights จะแสดงผลทั้งข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ (Lab Data) และข้อมูลจากผู้ใช้งานจริง (Field Data) ทำให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแยกผลการทดสอบระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปอย่างชัดเจน

3.ใช้ผ่าน Command Line (สำหรับนักพัฒนา)

นักพัฒนาที่ต้องการความละเอียดสูงหรือต้องการทำการทดสอบอัตโนมัติสามารถติดตั้ง Google Lighthouse ผ่าน npm และใช้งานผ่าน Command Line ได้

วิธีนี้เหมาะสำหรับการผสานเข้ากับ CI/CD Pipeline เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการ Deploy Code ใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเงื่อนไขและสร้างรายงานแบบกำหนดเองได้

ข้อดีของการใช้ Google Lighthouse

ข้อดีของการใช้ Google Lighthouse

การเลือกใช้ Google Lighthouse มาเป็นเครื่องมือหลักในการตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนาและนักการตลาดดิจิทัลทั่วโลก

1.ใช้งานฟรีและง่าย

ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือ Google Lighthouse ใช้งานได้ฟรี 100% โดยไม่มีข้อจำกัดในการทดสอบ ไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือให้ข้อมูลส่วนตัว เพียงมี Google Chrome หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ PageSpeed Insights ก็สามารถใช้งานได้ทันที

การใช้งานมีความเรียบง่าย เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ เพราะ Interface ถูกออกแบบให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งมีคำอธิบายรายละเอียดสำหรับแต่ละจุดที่ต้องปรับปรุง

2.วิเคราะห์ได้ละเอียดครบทุกมิติ

ไม่เหมือนเครื่องมือทั่วไปที่มักมุ่งเน้นเพียงด้านเดียว Google Lighthouse ให้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทุกมิติที่สำคัญ ตั้งแต่ประสิทธิภาพ การเข้าถึง ความปลอดภัย ไปจนถึง SEO

แต่ละรายงานมีความละเอียดสูง ไม่เพียงแสดงคะแนนเท่านั้น แต่ยังระบุปัญหาเฉพาะเจาะจง พร้อมทั้งแนะนำวิธีการแก้ไขที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

3.ช่วยให้นักพัฒนาและนักการตลาดเข้าใจปัญหาได้ทันที

Google Lighthouse ช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างทีมเทคนิคและทีมการตลาด โดยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใจได้ นักการตลาดจะเห็นผลกระทบต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้งาน ขณะที่นักพัฒนาจะได้คำแนะนำเทคนิคที่ชัดเจน

การมีเครื่องมือเดียวที่ทั้งสองฝ่ายใช้ร่วมกันช่วยลดความเข้าใจผิดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน ทำให้การปรับปรุงเว็บไซต์เป็นไปอย่างมีระบบและต่อเนื่อง

สรุป

Google Lighthouse เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ครบทุกมิติ ตั้งแต่ประสิทธิภาพการโหลด การเข้าถึงสำหรับทุกคน การปฏิบัติตาม SEO Best Practices และความปลอดภัย ทำให้เป็นเครื่องมือเดียวที่ตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาเว็บไซต์สมัยใหม่

มีการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะผ่าน Chrome DevTools, PageSpeed Insights หรือ Command Line ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจที่ต้องการตรวจสอบเว็บไซต์เบื้องต้น ไปจนถึงนักพัฒนาที่ต้องการผสานเข้ากับกระบวนการพัฒนาอัตโนมัติ

ในยุคที่ Google ให้ความสำคัญกับ User Experience มากขึ้น การใช้ Google Lighthouse อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและคงความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ การลงทุนเวลาในการศึกษาและปรับปรุงตามคำแนะนำของเครื่องมือนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว

หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การใช้ Google Lighthouse เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นและประสบความสำเร็จในตลาดออนไลน์ที่แข่งขันสูง

ในฐานะ Cotactic Media ซึ่งเป็น Digital Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร เราเข้าใจถึงความสำคัญของทุกองค์ประกอบที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจบนโลกดิจิทัล การวิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย Google Lighthouse เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถประเมินประสิทธิภาพทางเทคนิคของเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ค้นพบจุดที่ต้องแก้ไข และวางแผนกลยุทธ์ SEO รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานและอัลกอริทึมของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

Source

Google Chrome Developers – Lighthouse Overview: https://developer.chrome.com/docs/lighthouse/overview/

Google Chrome Developers – Performance Scoring: https://developer.chrome.com/docs/lighthouse/performance/performance-scoring

PageSpeed Insights: https://pagespeed.web.dev/

Web.dev – Optimizing Web Vitals using Lighthouse: https://web.dev/articles/optimize-vitals-lighthouse

GitHub – GoogleChrome/lighthouse: https://github.com/GoogleChrome/lighthouse

Dev.to – luwadev – How to test and analyze website performance with Lighthouse: https://dev.to/luwadev/how-to-test-and-analyze-website-performance-with-lighthouse-6oe

Jumping Rivers – Shiny App startup & Lighthouse – Part 1: https://www.jumpingrivers.com/blog/shiny-app-start-up-google-lighthouse-part-1/

บทความที่เกี่ยวข้อง

Generative Engine Optimization (GEO) คืออะไร

Generative Engine Optimization (GEO) คืออะไร? สำคัญยังไง?

Image1

Google Core Update คืออะไร? ทำไมเว็บไซต์ถึงร่วงอันดับหลังอัปเดต

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?