Reading Time: 2 Mins
2 Mins
Nov 9, 2023

Click Through Rate หรือ CTR คือ? วิธีเพิ่มอัตราผู้เข้าชมเว็บไซต์

CTR คือ

ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา การสร้างคลิปคอนเทนต์ หรือจะเป็นการเขียนคอนเทนต์ ล้วนเป็นการลงทุนของธุรกิจทั้งหมดและย่อมอยากให้ผลลัพธ์ของการลงทุนนั้นออกมาดี ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าการลงทุนในครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ยิ่งเป็นการตลาดออนไลน์ที่ไม่สามารถรับรู้ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยตาเปล่า จึงมีเมทริกซ์ที่เรียกว่า CTR หรือก็คือ “Click Through Rate” หน่วยชี้วัดอัตราการคลิกเข้าชมของกลุ่มเป้าหมายต่อโฆษณาของธุรกิจว่ามีมากน้อยเพียงใด 

 

CTR คือ ?

CTR คือ

CTR ย่อมาจาก Click Through Rate หน่วยชี้วัดปริมาณการคลิกของกลุ่มเป้าหมายต่อจำนวนการมองเห็น ยิ่งหาก CTR ของมีอัตราสูงเท่าไหร่ แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของโฆษณา หรือเว็บไซต์ว่ามีความน่าสนใจมากเท่านั้น โดยสามารถคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้

บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress

 

สูตรคำนวณ CTR

CTR คือ

CTR ( Click Through Rate) = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100

ตัวอย่างการคำนวณ

เช่น การลงบทความบนเว็บไซต์ มีการคลิกเข้ารับชมบทความ 45 ครั้งถูกแสดงบนหน้าค้นหา 150 ครั้ง ให้นำจำนวนการคลิก/จำนวนการแสดงผล แล้วนำมา x ด้วย 100 จะได้เป็น

( 45 / 150 ) × 100 = 30 % เท่ากับว่า การเขียนบทความบนเว็บไซต์ในครั้งนี้ มีผู้รับชม นับเป็น 30% ของการถูกแสดงบนหน้าค้นหาในการโปรโมทครั้งนี้

 

CTR สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ?

CTR หรือ  Click Through Rate เป็นเมทริกซ์ ที่เข้ามาช่วยในการคำนวณในการเลือกโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่อธุรกิจมากที่สุด นอกจากนี้ CTR ยังมีประโยชน์หลาย ๆ ด้านในการทำกิจกรรมโฆษณา เช่น

  • ทราบประสิทธิภาพของโฆษณา

เมื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนการคลิกต่อการมองเห็นของโฆษณาแต่ละตัว ธุรกิจสามารถนำมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ของโฆษณา เพื่อเลือกโฆษณาที่น่าสนใจนำมาโปรโมทให้กับธุรกิจและปรับคุณภาพของการทำโฆษณาให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นในครั้งถัดไป

  • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดบนออนไลน์ ที่ยังไม่มีกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจที่ชัดเจน  CTR เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย สามารถทราบว่าเนื้อหาของโฆษณาแบบใด ที่ได้รับความสนใจ ทำให้ทราบถึงลักษณะของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูล CTR มาประมวลผล และเลือกเนื้อหาของโฆษณาที่สอดคล้องกับความน่าสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

 

การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเพิ่มยอด CTR

CTR คือ

เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจต้องมีการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อให้ได้กระแสตอบกลับที่ดีมาในที่สุด 

  • ตั้งชื่อหัวข้อที่น่าดึงดูด

การตั้งชื่อหัวข้อที่มีแต่ข้อความอาจไม่ดึงดูดความน่าสนใจ จึงต้องมีการเน้นตัวอักษรให้เห็นได้ชัดเจน หรือ มีเครื่องหมายพิเศษมาช่วยเสริม ให้ข้อความดูโดดเด่นเป็นพิเศษ การใช้ตัวเลขเข้ามาช่วยเสริมข้อความ ให้ผู้อ่านสามารถจำเลขตัวและข้อความได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

    • ใช้คำ/เครื่องหมายที่กระตุ้นความรู้สึก : เช่น เที่ยวคนเดียวก็สนุกได้ !
    • ใช้คำที่สร้างความสงสัย : เช่น คืออะไร ? , ทำอย่างไร ?
    • ใช้ตัวเลข : เช่น 20 วิธีออมเงิน, อัปเดตใหม่ 2023
  • เขียน Meta Description ให้น่าสนใจ

การเขียนอธิบายข้อความให้อยู่ในรูปแบบที่สั้น กะทัดรัด ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาได้รวดเร็วและตัดสินใจที่เข้าชมเว็บไซต์ได้ทันที

  • ใช้ URL ที่สั้นและมีความหมาย

การใช้ชื่อ URL ที่สั้นและมีความหมาย สำคัญต่อธุรกิจ ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นของผู้เข้าชมเว็บไซต์และเกิดภาพจำได้ทันที ว่าชื่อ URL เป็นของธุรกิจนี้

 

การวิเคราะห์ค่า CTR ผ่านแต่ละช่องทางการโฆษณา

ช่องทางการดู CTR ของแต่ละแพลตฟอร์มจะมีความแตกต่างกัน แต่การคำนวณของ CTR จะมีวิธีการที่ไม่แตกต่างกันมากนัก 

  • ค่า CTR ในการโฆษณา Facebook Ads

สำหรับแพลตฟอร์มการโฆษณาในช่องทาง Facebook Ads สามารถเข้าไปดูค่า CTR ในเครื่องมือ Facebook Business Manager เพื่อทราบอัตราการคลิกดูโฆษณาต่อการมองเห็นของผู้ที่เห็นโฆษณา หรือธุรกิจสามารถใช้สูตรคำนวณค่า CTR  = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100

  • ค่า CTR ในการโฆษณา Google Ads

ค่า CTR บน Google Ads จะได้จากการสร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นหลัก การเข้าใช้งาน Google คือการ Search ค้นหาคำตอบที่มีข้อคำถามที่ต้องการข้อมูล หากธุรกิจต้องการให้ค่า CTR มีจำนวนที่สูง การสร้างเนื้อหาให้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาข้อมูลนั้นอยู่และสอดแทรกคำโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเนื้อหานั้น เพื่อไต่อันดับคำค้นหาให้สูงขึ้น ค่า CTR ที่เกี่ยวข้องกับการคลิกเข้ารับชมเว็บไซต์จะมีจำนวนการคลิกที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

  • ค่า CTR ในการโฆษณา Email Marketing

การสร้างโฆษณา บน Email Marketing จะมีความแตกต่างจากการสร้างโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่นๆ คือ ธุรกิจจะไม่ได้เสียเงินในการลงทุน แต่เป็นการลงทุนด้านเวลาในการพิมพ์ Email มากกว่า เมื่อธุรกิจต้องการให้ Email ที่ส่งไปได้รับการตอบกลับ สิ่งสำคัญคือการเขียนชื่อ Email ให้น่าสนใจ ภาพรวมของข้อความใน Email ต้องกระชับ ให้ผู้รับสามารถจับได้ใจความได้ง่าย หากธุรกิจต้องการหาค่า CTR สูตรหาค่า CTR ของ Email Marketing มีความแตกต่างกับแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่ด้วย CTR = (จำนวนการเปิด Email/ Emailที่ถูกส่ง) x 100 

  • ค่า CTR สำหรับ SEO

ลำดับของ SEO แต่ละเว็บไซต์ มีความเกี่ยวข้องกับค่า CTR เนื่องจาก CTR คือ อัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์ จึงนำมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการจัดอันดับ บทความ SEO มองภาพได้ง่ายเลยก็คือ ความนิยมของการเข้ารับชมบทความ หากเว็บไซต์ที่มีบทความ มีลำดับ SEO สูง แสดงถึงน่าความสนใจของหัวข้อบทความที่ตรงประเด็นกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย การคลิกเข้ารับชมย่อมสูงไปด้วยเช่นกัน ธุรกิจสามารถดูค่า CTR ได้จาก Google Search Console เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ หาค่า CTR ต่อไป โดยสูตรหาค่า CTR จะเหมือนกับสูตรหาค่าบนแพลตฟอร์ม Facebook กับ Google Ads 

 

ค่า CTR มีความสำคัญมากกว่าที่คิด ดังนั้นธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับ CTR ของโฆษณา โดยทำการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา และเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้ธุรกิจ

 

ขอบคุณสำหรับแหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://thedigitaltips.com

https://stepstraining.co

https://papayiw.com

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

Customer Experience คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจอย่างไร

ในการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของกิจการต้องคิดถึงคือ ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ หรือ Customer Experience (CX) การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าคือหัวใจที่ทำให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้ลูกค้าทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีจากธุรกิจเกิดการซื้อซ้ำและพัฒนาไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องทำความเข้าใจว่าอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้าง Customer Experience ได้ และ Customer Experience แตกต่างจาก ‘ประสบการณ์ผู้ใช้’ หรือ User Experience (UX) อย่างไร   Customer Experience คือ อะไร ? Customer Experience (CX) คือการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดของลูกค้าที่มีกับแบรนด์ รวมถึงการค้นหาในเว็บไซต์, การซื้อสินค้าหรือบริการ, การให้บริการหลังการขาย ฯลฯ ซึ่งในการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ของเรานั้น ช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ซึ่งหลอมรวมกันกลายเป็นประสบการณ์และภาพจำทั้งหมดของแบรนด์ แตกต่างจาก User Experience (UX) อย่างไร หลายคนอาจสับสนระหว่าง ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ Customer Experience (CX) และ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้งาน’ User Experience (UX) […]

Conversion คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจออนไลน์อย่างไร พร้อมวิธีวัดผล

การทำ Digital Marketing ต้องอาศัยการวัดผลที่ตรงกับการดำเนินงานอย่างแม่นยำ จะเกิดอะไรขึ้นหากธุรกิจไม่มีการวัดผลการดำเนินงาน ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะสูญเสียงบประมาณไปโดยที่ไม่รู้ว่าจ่ายไปกับกิจกรรมการตลาดใดบ้าง มีใครมาสนใจสั่งซื้อสินค้าเท่าไหร่ Conversion Tracking จึงเข้ามามีบทบาทต่อการวัดผล เช่น วัดผลการซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก การสมัครรับข้อมูลข่าวสารทางอีเมล การเข้ามาอ่านบทความ การดาวน์โหลด หรือการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ การวัดผลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าสินค้าใดหรือ Landing Page หน้าไหนมีคนคลิกเข้ามาสนใจมากที่สุด Conversion คืออะไร? Conversion คือการกระทำใด ๆ ของกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่สนใจสินค้าบริการของเรา ที่เราได้วางเงื่อนไขในการเก็บข้อมูลของแต่ละ Conversion ไว้ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการทำงาน เช่น การทำ Call to Action (CTA) เพื่อ Tracking, ข้อมูลในส่วนของ Purchase : จำนวนการสั่งซื้อ, Leads : ลูกค้าใหม่ที่เข้ามา, Sign up : จำนวนคนที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ หรือ Submit form […]