click
เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน!
รวม 20 รายชื่อเอเจนซี่ สำหรับประกวดราคา
Table Of Contents
Table Of Contents
Table Of Contents

ในโลกของการตลาดออนไลน์ คำว่า “Google Core Update” เป็นเหมือนข่าวร้ายที่ทำให้นักการตลาดและ SEO Specialist หลายคนต้องนอนไม่หลับ เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เว็บไซต์ที่เคยติดอันดับดี ๆ ร่วงลงไปในชั่วข้ามคืน ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วพบว่า Traffic เว็บไซต์ลดลงไป 30-50% หรือ Keyword หลักที่เคยติดหน้าแรกอาจหายไป

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อ Google ปล่อย Core Update ครั้งใหม่ ซึ่งโดยเฉลี่ยจะเกิดขึ้น 2-4 ครั้งต่อปี แต่ละครั้งที่อัปเดต ผู้ประกอบการ Bloggers และ Website Owners จำนวนมากต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้และธุรกิจโดยตรง

ความจริงก็คือ Google Core Update เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ Google ใช้เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การค้นหาที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่เราทำได้คือเข้าใจกลไกการทำงาน เตรียมตัวให้พร้อม และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่เจอปัญหานี้ หรือต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับการอัปเดตครั้งต่อไป บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุและแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง พร้อมกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้เว็บไซต์สามารถยืนหยัดและเติบโตได้ในการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม Google อย่างยั่งยืน

Google Core Update คืออะไร?

Google Core Update คือการอัปเดตขั้นพื้นฐานของอัลกอริทึม

Google Core Update คือการอัปเดตขั้นพื้นฐานของอัลกอริทึมการค้นหาของ Google ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น การอัปเดตนี้มักจะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในวงกว้าง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาในหมวดหมู่ YMYL (Your Money or Your Life) เช่น สุขภาพ การเงิน และข่าวสาร การอัปเดตนี้แตกต่างจากการอัปเดตอื่น ๆ ตรงที่มันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ปัญหาเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการปรับปรุงระบบการประเมินคุณภาพเนื้อหาโดยรวม ทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเว็บไซต์ที่มีปัญหาอันดับอาจร่วงได้

ทำไมบางเว็บไซต์ถึงร่วงอันดับหลัง Core Update?

ทำไมบางเว็บไซต์ถึงร่วงอันดับหลัง Core Update?

การที่เว็บไซต์อันดับร่างลงหลัง Google Core Update ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นั้นถูกลงโทษ แต่เป็นการที่ Google ปรับเกณฑ์การประเมินใหม่ ทำให้เว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพดีกว่าได้รับการยกระดับขึ้นมาแทน ต่อไปนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้เว็บไซต์ได้รับผลกระทบ

1.เนื้อหาไม่ตรงตามเจตนาของผู้ค้นหา (Search Intent)

Google ให้ความสำคัญกับการตอบสนองเจตนาการค้นหาของผู้ใช้เป็นอย่างมาก หากเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการจริง ๆ อันดับก็อาจจะร่วงลง ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหา “Digital Marketing Agency” แต่เนื้อหาในหน้าเว็บกลับเป็นการขาย Service แทน นั่นคือเนื้อหาไม่ตอบโจทย์ Search Intent

2.คุณภาพเนื้อหาไม่ผ่าน E-E-A-T

E-E-A-T ย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness, และ Trustworthiness เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเนื้อหา หากเนื้อหาของคุณขาดความเชี่ยวชาญ ไม่มีประสบการณ์จริง ขาดความน่าเชื่อถือ หรือไม่มีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ก็อาจส่งผลต่อการจัดอันดับ

3.ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ไม่ดีพอ

Google Core Update มักจะให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้มากขึ้น หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า การใช้งานยุ่งยาก มีโฆษณาเยอะเกินไป หรือไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ ก็อาจจะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เริ่มใช้ Core Web Vitals เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ

4.เนื้อหาซ้ำซ้อน

การมีเนื้อหาซ้ำซ้อนทั้งภายในเว็บไซต์เดียวกันและกับเว็บไซต์อื่น เป็นปัญหาที่ Google ไม่ชอบ หากเนื้อหาของคุณไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้กับผู้อ่าน หรือคัดลอกมาจากที่อื่น ก็อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับหลัง Core Update

5.Backlink คุณภาพต่ำหรือไม่เป็นธรรมชาติ

แม้ว่า Google Core Update จะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ Backlink โดยตรง แต่หากเว็บไซต์ของคุณมี Backlink ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ มาจากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ หรือใช้วิธีการที่ผิดกฎของ Google ก็อาจส่งผลเสียได้ เพราะ Google จะประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จากหลายปัจจัยรวมกัน

สัญญาณว่าเว็บไซต์คุณได้รับผลกระทบจาก Core Update

สัญญาณว่าเว็บไซต์คุณได้รับผลกระทบจาก Core Update

การรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับผลกระทบจาก Google Core Update หรือไม่ เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการแก้ไขปัญหา Google มักจะประกาศการอัปเดตใหม่ทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณสามารถติดตามและเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณได้

1.Main Keywords ร่วงลงหลายอันดับ

สัญญาณแรกที่ชัดเจนที่สุดคือ Keyword หลักของคุณร่วงลงไปหลายอันดับในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย Keyword ไม่ใช่แค่คำสองสามคำ การตรวจสอบตำแหน่งการจัดอันดับผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Google Search Console, SEMrush หรือ Ahrefs จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

2.ปริมาณ Traffic จาก Google ลดลงแบบทันทีทันใด

หากคุณเห็นกราฟ Traffic ใน Google Analytics หรือ Search Console ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการอัปเดต นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหากการลดลงเป็นไปแบบต่อเนื่องและไม่กลับมาปกติเอง

3.หน้าที่เคยได้อันดับดี หายจากผลการค้นหา

บางครั้งหน้าเว็บที่เคยติดอันดับดี ๆ อาจหายไปจากผลการค้นหาอย่างสิ้นเชิง หรือตกไปอยู่หน้า 2-3 ซึ่งแทบไม่มีใครเข้าไปดู การใช้คำสั่ง site:yourwebsite.com ใน Google จะช่วยให้เห็นว่าหน้าไหนบ้างที่ยังคงอยู่ในดัชนีของ Google

4.เว็บไซต์คู่แข่งที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันกลับขึ้นอันดับแทน

หากคุณสังเกตเห็นว่าเว็บไซต์คู่แข่งที่มีเนื้อหาคล้ายกันแต่มีคุณภาพดีกว่า หรือตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดีกว่า กลับขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งของคุณ นั่นแสดงว่า Google ประเมินว่าเนื้อหาของพวกเขาดีสำหรับผู้ค้นหามากกว่า

สิ่งที่ควรทำหลังเจอ Core Update

เมื่อพบว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับผลกระทบจาก Google Core Update สิ่งสำคัญคือต้องไม่ตื่นตระหนกและรีบทำการแก้ไข ๆ ทันที เพราะการอัปเดตของ Google อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ การวิเคราะห์อย่างละเอียดและการดำเนินการอย่างมีแผนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

1.วิเคราะห์ว่าหน้าไหนตก และเพราะอะไร

เริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลใน Google Search Console และ Google Analytics เพื่อดูว่าหน้าไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เปรียบเทียบกับหน้าที่ยังคงอันดับที่ดีอยู่ แล้วพยายามหาจุดต่างที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น ความยาวเนื้อหา คุณภาพข้อมูล ความเป็นปัจจุบัน หรือโครงสร้างของเนื้อหา

2.เน้นให้ “ผู้ใช้อ่านรู้เรื่อง” ไม่ใช่แค่เขียนเพื่อ SEO

Google Core Update มักจะให้รางวัลกับเนื้อหาที่เขียนเพื่อผู้ใช้เป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อ SEO เป็นหลัก ดังนั้นให้มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ตอบคำถามของผู้อ่านได้ครบถ้วน และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการยัด Keyword จนเกินจำเป็น

3.ตรวจสอบ UX

ประสบการณ์ผู้ใช้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในยุคปัจจุบัน ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การแสดงผลบนมือถือ ความง่ายในการใช้งาน และ Bounce Rate ของผู้เข้าชม โดยใช้เครื่องมือ เช่น PageSpeed Insights และ Mobile-Friendly Test ของ Google เพื่อประเมินและปรับปรุง

4.ตรวจเช็ก Backlink

แม้ว่า Core Update จะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ Backlink โดยตรง แต่การมี Backlink ที่มีคุณภาพและเป็นธรรมชาติยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ตรวจสอบ Backlink Profile ของคุณผ่านเครื่องมือต่าง ๆ และพิจารณา Disavow Link ที่ดูน่าสงสัยหรือมาจากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ

ปรับตัวอย่างไรในยุคที่อัลกอริทึมเปลี่ยนตลอดเวลา

ปรับตัวอย่างไรในยุคที่อัลกอริทึมเปลี่ยนตลอดเวลา

การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ Google เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากเรามีกลยุทธ์ที่ถูกต้องและวางแผนอย่างครองคลุม จะสามารถลดผลกระทบและสร้างความยั่งยืนให้กับเว็บไซต์ได้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า Google มีเป้าหมายหลักคือให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการค้นหาข้อมูล

1.ให้คุณค่าจริงกับผู้ใช้

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและประโยชน์จริง ๆ ต่อผู้อ่านคือกลยุทธ์ที่ยั่งยืนที่สุด ไม่ว่า Google จะอัปเดตอัลกอริทึมกี่ครั้ง เนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์จริงจะยังคงได้รับการยอมรับ มุ่งเน้นการแก้ปัญหาของผู้อ่าน ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย

2.มีข้อมูลน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ในหมวด YMYL ใส่แหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ แสดงข้อมูลผู้เขียน มีหน้า About ที่ละเอียด และอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเสมอ การมีใบรับรองความปลอดภัย SSL และนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความน่าเชื่อถือ

3.มี UX ดี

ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่การออกแบบที่สวยงาม แต่รวมถึงความเร็ว ความง่ายในการใช้งาน และความสะดวกในการหาข้อมูล จัดโครงสร้างเนื้อหาให้ชัดเจน ใช้หัวข้อย่อยที่เหมาะสม และทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

4.พัฒนาอย่างสม่ำเสมอ

การพัฒนาเว็บไซต์ไม่ใช่งานที่ทำครั้งเดียวแล้วเสร็จ ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตเนื้อหาเก่า เพิ่มเนื้อหาใหม่ที่เป็นประโยชน์ หรือปรับปรุงเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้ใช้

สรุป

Google Core Update เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบค้นหาของ Google เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด แม้ว่าการอัปเดตเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ หากเข้าใจหลักการและปรับตัวได้ถูกต้อง จะสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ยั่งยืนและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งเน้นสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าจริง ๆ ต่อผู้ใช้งาน ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีขึ้น และพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง แทนที่จะหาวิธีลัดหรือเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ เพื่อหลอก Google

หากคุณต้องการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์หลังจากได้รับผลกระทบจาก Google Core Update Cotactic Media เป็น Digital Agency ที่พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ SEO ที่มุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดแบบมืออาชีพพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม Google อย่างต่อเนื่อง ให้คุณธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

Source

Google Search’s Core Updates – Google Search Central

Creating Helpful, Reliable, People-First Content – Google Search Central

Google’s E-E-A-T Quality Rater Guidelines Update

What web creators should know about our March 2024 core update

Google Algorithm Updates & Changes: A Complete History – Search Engine Journal

Google E-E-A-T: What Is It & How To Demonstrate It For SEO – Search Engine Journal

บทความที่เกี่ยวข้อง

Image3

Google Lighthouse คืออะไร? เครื่องมือวัดคุณภาพเว็บไซต์ฟรี

Generative Engine Optimization (GEO) คืออะไร

Generative Engine Optimization (GEO) คืออะไร? สำคัญยังไง?

ต้องการหาทีม DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?

ต้องการหาทีม
DIGITAL MARKETING
เพื่อชิงการเป็นเจ้าตลาด อยู่หรือไม่ ?