click

B2C คืออะไร? กลยุทธ์การตลาดแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจ

Oct 30, 2023
B2C คือ
Oct 30, 2023

Business to Consumer หรือธุรกิจประเภท B2C ในปัจจุบัน ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค และเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด บทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับธุรกิจ B2C กันมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะกับธุรกิจนี้

 

B2C คืออะไร?

B2C หรือ Business to Consumer คือ ธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการโดยเป็นการทำธุรกิจระหว่างธุรกิจไปหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งการทำธุรกิจในรูปแบบนี้จะเป็นธุรกิจที่ไม่มีการผ่านคนกลาง เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะกับการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าทั่วไปและมีความเฉพาะเจาะจงเปลี่ยนไปตามตลาดผู้บริโภค

ธุรกิจแบบ B2C จะมีการโฆษณาและโปรโมชั่นเป็นสิ่งดึงดูดในการตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการ ดังนั้้นธุรกิจแบบ B2C จึงเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอารมณ์ของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าหรือบริการเป็นหลัก 

 

รูปแบบในการทำธุรกิจแบบ B2C 

รูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2C จะมีลักษณะที่มีการสร้างคอนเทนต์บนสื่อ Social Media ช่องทางต่าง ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มีการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจแบบ B2C

  • ธุรกิจบริการช่องทาง Online เช่น การฟังเพลงออนไลน์  การดูหนังออนไลน์ เป็นต้น
  • ธุรกิจที่มีการขายสินค้าออนไลน์ โดยมีการจำหน่ายถึงผู้บริโภคโดยตรงผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น
  • ร้านอาหารหรือร้านกาแฟ 
  • ร้านค้าสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำ
  • การให้บริการที่พักในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล เป็นต้น

 

กลยุทธ์การตลาด B2C ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจแบบ B2C ที่จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชัดเจนเรื่องราคา

B2C คือ

ธุรกิจแบบ B2C ควรมีการกำหนดราคาของสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน ถือว่าเป็นสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจการซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้า เพราะลูกค้าจะตัดสินใจในระยะเวลาสั้นและซื้อสินค้าหรือบริการตามความต้องการเท่านั้น

Content ดีมีคุณภาพ

B2C คือ

การสร้างคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับสิทธิพิเศษกว่าปกติ จะทำให้ลูกค้าอยากที่จะติดตามแบรนด์อยู่เป็นประจำและกลายมาเป็นลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ 

ตัวอย่างไอเดียการทำคอนเทนต์ในธุรกิจแบบ B2C

  • การเขียนบทความ อาจเป็นบทความแนวให้ความรู้เกี่ยวกับแบรนด์แก่ลูกค้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำคอนเทนต์ เพราะจะทำให้ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และความไว้วางใจของลูกค้าที่มีให้กับแบรนด์
  • การทำวิดีโอ มักจะอยู่ในรูปของการทำแคมเปญทางการตลาด ดังนั้นคอนเทนต์ในวิดีโอจึงต้องมีความน่าสนใจหรือดึงดูดลูกค้าหรือสามารถให้ลูกค้ามีส่วนร่วมที่ดีได้ในระยะเวลาสั้น

Promotion และ ส่วนลด

B2C คือ

ธุรกิจแบบ B2C อาจมีการทำการตลาดด้วยการทำส่วนลดราคาสินค้าหรือบริการหรือการทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า กระตุ้นความสนใจ และตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการได้เร็วขึ้น

ทำ Ecommerce

B2C คือ

ธุรกิจแบบ B2C เป็นธุรกิจที่เหมาะกับการทำ Ecommerce เพราะเป็นช่องทางการซื้อสินค้าหรือบริการ ทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้นและเพิ่มยอดขายทางธุรกิจ

 

Ecommerce มีประโยชน์อย่างไรต่อ B2C 

 ประโยชน์ของ Ecommerce ในการไปใช้ต่อยอดในธุรกิจแบบ B2C เพื่อโอกาสทางธุรกิจและการรับรู้แบรนด์ให้มีดียิ่งขึ้น มีดังนี้

สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

Ecommerce ช่วยให้ธุรกิจแบบ B2C เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้นเพราะเป็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และถือว่าเป็นการค้าขายแบบไร้พรมแดนเพราะสามารถซื้อขายสินค้าหรือบริการได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 

ช่วยลดต้นทุน

Ecommerce ช่วยให้ธุรกิจแบบ B2C ลดต้นทุนเพราะประหยัดในเรื่องของค่าใช้จ่ายหน้าร้านค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานขาย หรือประหยัดค่าเดินทาง

Customer Data

Ecommerce  สามารถนำข้อมูลของลูกค้าหรือ Customer Data มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดด้วยการสร้างคอนเทนต์ขายสินค้าหรือบริการ เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ข้อมูลลูกค้าจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจ เพราะสามารถนำข้อมูลของลูกค้ามาปรับแผนการตลาดหรือแผนธุรกิจเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าหรือเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้

ตัวอย่างประเภทของข้อมูลลูกค้า

  • ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่   Email address เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
  • ข้อมูลของการมีส่วนร่วมของลูกค้า  เช่น ความถี่ในการสั่งซื้อสินค้า การเข้าถึงของลูกค้า พฤติกรรมของลูกค้า เป็นต้น
  • ข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า ความชอบของลูกค้าที่มีต่อสินค้า เป็นต้น

การบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้า

Ecommerce  สามารถใช้การบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้าหรือ Customer Experience Management เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความรู้สึกที่ดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์

ตัวอย่างรูปแบบการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้า

  • การให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการตามที่ลูกค้าต้องการ
  • บริการหลังการขายที่ดีและความเต็มใจในการช่วยเหลือของพนักงานที่มีต่อลูกค้า
  • สินค้าหรือบริการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ดังนั้นการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้าจึงเน้นในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกของลูกค้าหรือความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ

 

โดยสรุปแล้ว B2C เป็นการทำธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการของแบรนด์ไปหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งวิธีการทำธุรกิจในรูปแบบนี้จะใช้ระยะเวลาสั้นและรวดเร็ว  ดังนั้นแบรนด์ควรใช้กลยุทธ์การตลาด เช่น การทำโปรโมชั่น การทำส่วนลดสินค้าหรือบริการเพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เป็นต้น


หากคุณต้องการที่ปรึกษาการรับทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว


โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

My Cloud FULFILLMENT, tbs Marketing. thaiwinner, FORETODAY,  A.R. Accounting Consultant, BIG DATA THAILAND, PACKHAI, GreedisGoods

[wpdevart_facebook_comment curent_url="https://www.cotactic.com/" order_type="social" title_text="Facebook Comment" title_text_color="#000000" title_text_font_size="22" title_text_font_famely="Montserrat" title_text_position="left" width="100%" bg_color="#d4d4d4" animation_effect="random" count_of_comments="3" ]

บทความที่เกี่ยวข้อง

กลยุทธ์เพิ่ม Customer Satisfaction เพื่อความสำเร็จของธุรกิจ

ยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงและรวดเร็ว ความพึงพอใจของลูกค้ากลายเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ธุรกิจไม่อาจมองข้ามอีกต่อไป ไม่ใช่แค่การขายของให้ได้เท่านั้น แต่ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกดี ประทับใจ และอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ เพราะลูกค้าที่พอใจมักจะกลายเป็นลูกค้าประจำ บอกต่อ และช่วยสร้างรายได้ระยะยาวให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน ในทางกลับกันหากลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่พึงพอใจ จะส่งผลให้ลูกค้าไม่กลับมาอีก แต่ที่น่ากลัวมากนนั้นอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของแบรนด์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลถูกแชร์ได้ในไม่กี่วินาที เสียงบ่นเพียงหนึ่งเสียง อาจกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าอีกหลายร้อยคนได้ทันที ด้วยเหตุนี้ Customer Satisfaction หรือความพึงพอใจของลูกค้า จึงไม่ใช่เพียงตัวเลขในแบบสอบถาม แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของ Customer Satisfaction ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ และวิธีพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม Customer Satisfaction คืออะไร? คือ การวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อประสบการณ์ที่ได้รับจากสินค้าหรือบริการของธุรกิจ โดยพิจารณาจากการเปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังกับสิ่งที่ได้รับจริง เมื่อผลลัพธ์ที่ได้รับตรงตามความคาดหวังหรือเกินกว่าที่ความคาดหวัง ลูกค้าจะรู้สึกพอใจ แต่หากได้รับน้อยกว่าที่คาดหวัง จะทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ได้มีเพียงมิติเดียว แต่ครอบคลุมทุกจุดสัมผัสของลูกค้ากับแบรนด์ ตั้งแต่คุณภาพสินค้า ความรวดเร็วในการให้บริการ การสื่อสารของพนักงาน ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาด Customer Satisfaction จึงเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้าเกิดขึ้นจากอะไร? ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลมาจากการรับรู้และประสบการณ์ที่สะสมจากหลายแหล่ง ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและความรู้สึกของลูกค้า ประสบการณ์ที่ผ่านมา ประสบการณ์เก่าที่ลูกค้าเคยมีกับแบรนด์หรือสินค้าในกลุ่มเดียวกัน จะสร้างความคาดหวังสำหรับการซื้อครั้งใหม่ หากเคยได้รับบริการที่ดีเยี่ยม ลูกค้าจะคาดหวังให้ได้รับการดูแลในระดับเดียวกันหรือดีกว่า ในขณะที่ประสบการณ์ไม่ดีในอดีตอาจทำให้ลูกค้าตั้งความคาดหวังต่ำลง หรือตัดสินใจไม่กลับมาใช้บริการซ้ำ […]

Third Party คืออะไร? สำคัญต่อคนทำการตลาดแค่ไหน?

ในโลกของการตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดไม่ได้แค่ต้องสร้างแคมเปญที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจ “เบื้องหลัง” ของการทำงานทั้งหมด ทั้งระบบติดตามพฤติกรรมลูกค้า การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ผล ไปจนถึงการจัดการกับเครื่องมือมากมายที่ใช้ในแต่ละช่องทาง สิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับ “ข้อมูล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ “Third Party” หรือ “บุคคลที่สาม” กลายเป็นกลไกสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จหรือความล้มเหลวของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เมื่อคุณเลื่อนดูโฆษณาบน Facebook คลิกดูสินค้าในเว็บไซต์ หรือกดซื้อของจากแคมเปญที่ยิงตรงมาถึงคุณ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากแค่ทีมการตลาดภายในองค์กร แต่เกิดจากเครือข่ายของเทคโนโลยีรวมถึงข้อมูลภายนอก หรือ Third Party เข้ามาช่วยจัดการและเชื่อมโยงอยู่เบื้องหลัง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักว่า Third Party คือใคร มีหน้าที่อะไรในโลกของ MarTech (Marketing Technology) เพราะอะไรการเข้าใจแนวคิดนี้ถึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรอันดับหนึ่งของธุรกิจ Third Party คืออะไร? Third Party หมายถึงบุคคลหรือองค์กรภายนอกที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ แต่มีส่วนร่วมในการให้บริการหรือจัดการข้อมูลในระบบดิจิทัล ในบริบทของการตลาดดิจิทัล Third Party มักจะเป็นบริษัทหรือแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดเก็บ ประมวลผล รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้ เช่น Google Analytics, Facebook Pixel, […]