November 10, 2022

ชวนรู้จักลักษณะ Link ทั้ง 6 แบบที่คน ทำ Backlink ควรรู้

Reading Time: 2 minutes

ทำ Backlink คือ การวางลิงก์ในเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อเชื่อมกลับเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา มีจุดประสงค์เพื่อให้ Google ได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเราได้รับการยอมรับจากเว็บอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเว็บไซต์ของเราได้คะแนนจัดอันดับ SEO จากทาง Google มากขึ้น โดยการทำ Backlink นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

 

  • Natural Editorial Link เป็น Backlink แบบ Organic ที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา เกิดจากคอนเทนต์ในเว็บไซต์เรามีคุณภาพ มีประโยชน์ และไม่มีใครนอกจากเราที่เขียนได้ จึงมีเว็บไซต์อื่นอ้างอิงเนื้อหาของเราแล้วทำการเชื่อมลิงก์กลับมาให้
  • Manual Links Building เป็น Backlink ที่เราสร้างขึ้นเอง โดยการนำบทความหรือคอนเทนต์ไปใส่ไว้ในเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อที่จะได้วางลิงค์ให้เชื่อมกลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเว็บไซต์ที่จะนำคอนเทนต์ไปลงนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรากล่าวถึงและต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อสูงถึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • Non-Editorial Links เป็น Backlink ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์โดยตรง เช่น ลิงก์รีวิว เว็บไซต์สำหรับทำ PR หรือฟอรัมที่เปิดให้ทุกคนเข้าไปคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น เป็นต้น

Backlink นั้นถือเป็นหนึ่งในการทำ Link building ที่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น ทำให้ตัวเว็บผ่านเกณฑ์ E-A-T Factor (หลักเกณฑ์ในการสร้างเนื้อหาอย่างมีคุณภาพ) อีกทั้งยังช่วยให้หน้า Target Page ของเราติดหน้าแรกของ Google ได้อย่างง่ายดาย และนอกจากประเภทของ Backlink ที่คนทำ SEO ควรรู้แล้ว คุณยังต้องทำความเข้าใจในลักษณะของลิงค์แต่ละแบบอีกด้วย ว่ามีความแตกต่างและมีขั้นตอนในการใช้งานอย่างไร ถึงจะสร้างประสิทธิภาพให้กับการทำงานมากที่สุด 

 

ทำ Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

 

ลักษณะของลิงค์ทั้ง 6 แบบ ที่คน ทำ Backlink ควรรู้

 

1.Exact-match Link

Exact-match Link เป็น Text link ที่มีลักษณะเป็นคำตรงตัวกับ Keyword ในหน้าของ Landing page ที่เราใส่ไว้ เช่น 

โดยจะเห็นได้ว่าคำที่เรานำมาใช้ใส่ลิงค์นั้นจะเป็นคำคำเดียวกับ Keyword ที่เราใช้ในหน้า Landing page ลิงค์ลักษณะนี้จะให้ค่าคะแนน SEO เยอะที่สุด ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกของ Google เป็นรูปแบบลิงค์ที่เราแนะนำให้ใช้มากที่สุดครับ

 

2.Partial-match Link

Partial-match Link เป็น Text link ที่มีลักษณะเป็นวลีหรือรูปประโยคที่มี Main keyword ของหน้า Landing page ที่เราใส่ไว้ผสมอยู่ เช่น 

ลิงค์ลักษณะนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เราแนะนำให้ใช้รองลงมาจาก Exact-match Link เพราะในบางคอนเทนต์เราอาจเลือกใช้ลิงค์แบบนี้แทน เพื่อพาผู้ใช้งานไปเยี่ยมชมหน้าเว็บที่เราอยากให้ไป แม้จะเป็นคอนเทนต์เก่า ๆ หรือมีเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ตาม

 

star education

 

3.Branded Link

Branded Link คือ Text link ที่เป็นชื่อของแบรนด์หรือชื่อโดเมนของเว็บไซต์โดยตรง ซึ่งการใช้ลิงค์ในลักษณะนี้มักจะเชื่อมไปยังหน้าโฮมเพจของธุรกิจคุณ อาจใช้เพื่อเชื่อมไปยังคอนเทนต์หรือหน้าเพจอื่น ๆ ได้ตามต้องการ แต่ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ควรจะลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่เป็นชื่อเดียวกับคำใน Text link ครับ เช่น

 

4.Naked Link

Naked Link เป็นลิงค์ในลักษณะที่เราใส่ URL ลงไปเลยตรง ๆ ไม่ต้องแทรกลิงค์ผ่าน Text แต่อย่างใด แม้ลิงค์ลักษณะนี้จะใช้งานง่ายแต่มันกลับไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก เพราะการใส่ทั้ง URL ลงไปในเนื้อหาหรือคอนเทนต์จะทำให้บทความดูไม่สวยงามขาดความเป็นมืออาชีพ และ Google ยังให้ค่าคะแนนในการทำ SEO น้อยกว่าลิงค์ในลักษณะอื่นอีกด้วย ดังนั้นการใช้งาน Naked Link จึงมักมาในรูปแบบของการสอดแทรกเครดิตหรือต้องการอ้างอิงไปยังเว็บใดเว็บหนึ่งมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น 

 

การทำ Backlink เพื่อเชื่อมเพจเข้าด้วยกัน

 

5.Generic Link

Generic Link เป็น Text link ที่มาในลักษณะของคำกระตุ้นที่ทำให้คนอ่านอยากคลิก อยากกดเข้าไปอ่านต่อ ยกตัวอย่างเช่น 

  • คลิกที่นี่
  • ดูเพิ่มเติม
  • คลิกเลย!
  • Click here 
  • อ่านเพิ่มเติม
  • อ่านต่อ 

ลิงค์ลักษณะนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังแทรก URL ได้ทุกเว็บตามแต่ที่เราต้องการ เราจะสามารถเห็นลิงค์แบบนี้ได้ในเกือบทุกเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งลักษณะของลิงค์ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานมากในปัจจุบัน

6.Images Link

Images Link เป็นลักษณะของลิงค์ที่แทรกและทำงานกับรูปภาพ อาจเป็นได้ทั้งการแทรกลิงค์เข้าไปที่ภาพโดยตรงหรือจะวางลิงค์ในส่วนของ Description ใต้ภาพก็ทำได้เช่นกัน เช่น 

 

ทำ Backlink แทรกลิงก์ในรูปภาพ

 

จำไว้ว่า Google ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปริมาณหรือจำนวนลิงค์ที่อยู่ในหน้าเว็บ แต่ Google ให้ความสำคัญกับลิงค์ที่ถูกกดต่างหาก ดังนั้นหากคุณอยากให้การทำ Backlink ของคุณมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้งานลักษณะลิงค์ให้เหมาะสมกับเนื้อหาหรือตัวเว็บไซต์ ก็จะช่วยดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายคลิกลิงค์ของคุณกันมากขึ้น และอย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพของตัวคอนเทนต์ด้วย เพราะถ้าคอนเทนต์ที่คุณสร้างไม่ดีหรือไม่น่าสนใจ ลิงค์ที่คุณนำไปใส่ไว้ก็จะไม่มีคนกดและจะไร้ประโยชน์ในที่สุดครับ


หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพด้านการทำ Online Marketing มาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้

Reading Time: 2 minutes

ให้ COTACTIC ดูแลธุรกิจของคุณ

เหมือนทีมการตลาดส่วนตัว

โทร.065-095-9544

Inbox: m.me/cotactic  

Line: @cotactic

——————————————————————–

ขอบคุณข้อมูลจาก

Facebook Comment
บทความที่เกี่ยวข้อง

PBN คืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง ?

Reading Time: 2 minutes การทำ SEO ถือเป็นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานของการทำการตลาดในยุคดิจิทัล ที่จะช่วยดันเว็บไซต์ของตัวธุรกิจให้ขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ บนหน้าค้นหาของ Google ส่งผลให้ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเจอเว็บไซต์หรือรู้จักธุรกิจของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่บริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้คงหนีไม่พ้นการทำ PBN หรือ Private Blog Network ที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพและได้ผลดีมากยิ่งขึ้น วันนี้ Cotactic จึงอยากพาผู้ประกอบการทุกท่านไปรู้จักกับ PBN กันครับว่ามันคืออะไร จำเป็นต้องทำไหม และส่งผลดีอย่างไรบ้าง   PBN คืออะไร Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink (Off page) ให้กับเว็บไซต์หลักที่เราต้องการโดยเฉพาะ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาอีกหนึ่งเว็บ จากนั้นก็ทำ Backlink ย้อนกลับไปยังหน้าเพจที่เราต้องการ เพื่อส่งค่าคะแนนความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์หลักของตัวธุรกิจ เพราะยิ่งเราได้ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ ตัว Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์หลักของเรามีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำ SEO […]

รู้จัก 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่เอเจนซี่ชั้นนำเลือกใช้

Reading Time: 3 minutes อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ ถึงจะสามารถทำให้ตัวเว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นอกจากความรู้และประสบการณ์ที่เราต้องมีแล้ว การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม วันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาแนะนำ 9 เครื่องมือ SEO คุณภาพที่นักการตลาดและบริษัทรับทำ SEO ทั่วโลกต่างเลือกใช้   1. Google Search Console เครื่องมือ SEO ที่ได้รับความนิยมจากนักการตลาดออนไลน์ทั่วโลก มันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราตรวจสอบคุณภาพและหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ทำให้เราสามารถติดตามผลลัพธ์และดูรายงานการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้คนทำ SEO สามารถปรับปรุงเว็บไซต์และวางกลยุทธ์ในการทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งตัวเครื่องมือยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ   เริ่มต้นใช้งานได้ที่นี่ Google Search Console   2. Google Analytics Google Analytics คือเครื่องมือ SEO ที่ใช้ในการวิเคราะห์และเก็บสถิติต่าง ๆ ของตัวเว็บไซต์ ว่าคนที่กดคลิกเข้ามานั้นเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ เข้ามาผ่านช่องทางไหน […]

404 not found คืออะไร ? ส่งผลแค่ไหนกับการทำ SEO

Reading Time: 3 minutes เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือท่องเว็บไซต์เป็นประจำแล้ว ต้องเคยประสบปัญหาพบเจอหน้าเพจ 404 not found มาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหานี้สร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้ใช้งานมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เราจึงควรหมั่นปรับปรุงและดูแลเว็บไซต์อยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาน่าปวดหัวนี้เกิดขึ้นครับ   วันนี้ Cotactic จึงอยากพาเจ้าของธุรกิจทุกท่านไปรู้จักกับปัญหา 404 not found กันว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร และทำไมเอเจนซี่ที่รับทำ SEO ถึงให้ความสำคัญ   404 not found คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? 404 not found คือ หน้าเพจที่แสดงผลผิดพลาดจากการที่ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วไม่พบ URL ของหน้าเว็บไซต์ หรือไม่พบข้อมูลที่อยู่บน Server ของเว็บไซต์ จึงแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าหน้าเพจนี้ไม่มีอยู่ ลิงก์อาจเสียหรือหน้าเพจมีปัญหา ซึ่งสาเหตุของการเกิด 404 not found นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายกรณีด้วยกัน เช่น  เปลี่ยนชื่อ […]

Reading Time: 3 minutes

Reading Time: 3 minutes