การทำความเข้าใจภาษาเฉพาะทาง หรือ “คำศัพท์ SEO” เป็นพื้นฐานที่จำเป็นมาก เพราะช่วยให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ SEO ได้อย่างเข้าใจตรงกัน Cotactic ได้รวบรวม 40 คำศัพท์ SEO สำคัญที่ทุกคนควรทำความเข้าใจก่อนเริ่มทำอันดับบน Google
ทำไมต้องรู้คำศัพท์ SEO ก่อนเริ่มทำเว็บไซต์?

การจัดอันดับของ Google ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่รวมถึงปัจจัยเชิงเทคนิค คุณภาพของเนื้อหา และประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) โดยเฉพาะในยุคที่ Google นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการประมวลผลการค้นหา เช่น SGE (Search Generative Experience) และ AIO (AI Overviews) การรู้ศัพท์เฉพาะทางเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและสามารถแข่งขันในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวม 40 คำศัพท์ SEO สำคัญที่ต้องรู้ไว้ อัปเดตล่าสุด
1. SEO (Search Engine Optimization)
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือ กระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ Search Engine (เช่น Google) เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาแบบธรรมชาติ (Organic Search) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
2. Keyword (คำค้นหา)
Keyword คือคำหรือกลุ่มคำที่ผู้ใช้งานพิมพ์ลงในช่องค้นหาของ Search Engine เพื่อค้นหาข้อมูลสินค้า หรือบริการที่ต้องการ ถือเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ของคุณกับกลุ่มเป้าหมาย
3. Long-tail Keyword (คีย์เวิร์ดยาว)
Long-tail Keyword คือคำค้นหาที่มีความยาวและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มักประกอบด้วย 3 คำขึ้นไป แม้จะมีปริมาณการค้นหาน้อย แต่มีอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า (Conversion Rate) สูง เนื่องจากสะท้อนถึงความตั้งใจของผู้ใช้ที่ชัดเจน (User Intent)
4. On-page SEO
คือการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของคุณโดยตรง เช่น เนื้อหา โครงสร้าง URL การใช้คีย์เวิร์ด รูปภาพ และ Meta Tags เพื่อช่วยให้เว็บไซต์สามารถทำอันดับได้ดีขึ้น
5. Off-page SEO
คือกิจกรรมที่ทำภายนอกเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมีอำนาจของโดเมน (Domain Authority) โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Backlink หรือการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์ภายนอกที่มีคุณภาพกลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
6. Technical SEO
คือการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเชิงเทคนิคของเว็บไซต์ เพื่อให้ Googlebot สามารถ Crawl (เก็บข้อมูล) และ Index (จัดทำดัชนี) หน้าเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงความเร็วในการโหลด, การรองรับมือถือ, และการใช้งาน HTTPS
7. Title Tag
Title Tag หรือ Meta Title คือชื่อหัวข้อของหน้าเว็บไซต์ที่ปรากฏเป็นลิงก์สีน้ำเงินบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำ On-page SEO ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจคลิกของผู้ใช้งาน (CTR)
8. Meta Description
คือคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ ที่ปรากฏอยู่ใต้ Title Tag บนหน้า SERP แม้จะไม่ส่งผลต่ออันดับโดยตรง แต่ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ได้อย่างมาก
9. Heading Tags (H1–H6)
คือแท็กหัวเรื่อง (H1-H6) ที่ใช้จัดลำดับความสำคัญของหัวข้อและเนื้อหาบนหน้าเว็บ H1 คือหัวข้อหลักของหน้า ส่วน H2, H3 ใช้จัดลำดับหัวข้อย่อย เพื่อให้ Googlebot และผู้อ่านเข้าใจโครงสร้างของเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
10. Internal Link
Internal Link คือการเชื่อมโยงจากหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ของคุณไปยังอีกหน้าหนึ่งภายในเว็บไซต์เดียวกัน ช่วยให้ผู้ใช้และ Googlebot สามารถนำทางและค้นพบเนื้อหาอื่น ๆ ในเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
11. Backlink
Backlink คือลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ภายนอก ชี้มายังเว็บไซต์ของคุณ ถือเป็น “คะแนนเสียง” ที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือของเนื้อหา (ถ้า Backlink มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้อง)
12. Anchor Text
Anchor Text คือข้อความที่สามารถคลิกได้ของลิงก์ (Hyperlink) ข้อความนี้จะช่วยบอกทั้งผู้ใช้และ Search Engine ว่าหน้าปลายทางของลิงก์นั้น ๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร
13. E-E-A-T
E-E-A-T ย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness, and Trustworthiness (ประสบการณ์, ความเชี่ยวชาญ, ความน่าเชื่อถือ, และความไว้วางใจ) เป็นหลักการสำคัญที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพของเว็บไซต์และผู้สร้างเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน, สุขภาพ, หรือความปลอดภัย (YMYL – Your Money or Your Life)
14. Crawl / Index / Render
- Crawl กระบวนการที่ Googlebot (หุ่นยนต์ของ Google) เข้ามาสืบค้นข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ของคุณ
- Index กระบวนการที่ Google จัดเก็บและจัดทำดัชนีข้อมูลของหน้าเว็บไซต์ที่ถูก Crawl แล้ว เพื่อเตรียมนำไปแสดงผลในหน้าค้นหา
- Render กระบวนการที่ Google ประมวลผลโค้ด HTML, CSS, และ JavaScript ของหน้าเว็บเพื่อดูว่าหน้านั้นแสดงผลอย่างไรต่อผู้ใช้งาน
15. Canonical Tag
คือโค้ด HTML ที่ใช้เพื่อบอก Google ว่าหน้านี้เป็นสำเนาของหน้าต้นฉบับใด เพื่อป้องกันปัญหา Duplicate Content (เนื้อหาซ้ำซ้อน)
16. Schema Markup
Schema Markup หรือ Structured Data คือโค้ดที่เพิ่มเข้าไปใน HTML ของเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ Search Engine เข้าใจความหมายของเนื้อหาในหน้าเว็บเพจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ข้อมูลรีวิว, สูตรอาหาร, หรือข้อมูลธุรกิจ
17. Core Web Vitals
คือชุดตัวชี้วัดที่ Google ใช้ในการประเมินประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) ในหน้าเว็บ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก:
- LCP (Largest Contentful Paint) ความเร็วในการโหลดเนื้อหาส่วนที่ใหญ่ที่สุด
- FID (First Input Delay) ความเร็วในการตอบสนองต่อการโต้ตอบครั้งแรกของผู้ใช้
- CLS (Cumulative Layout Shift) ความเสถียรของหน้าเว็บระหว่างการโหลด
18. SEO-Friendly
หมายถึงเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้ Search Engine เข้าใจได้ง่าย สามารถ Crawl และ Index ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับหลักการทำ SEO
19. AI SEO (Artificial Intelligence SEO)
AI SEO คือการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, สร้างกลยุทธ์, หรือแม้กระทั่งช่วยในการสร้างเนื้อหาเพื่อปรับปรุงอันดับ SEO
20. AIO (AI Overviews)
AIO ย่อมาจาก AI Overviews คือฟีเจอร์การสรุปคำตอบโดย AI ที่ปรากฏที่ด้านบนของหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) ของ Google ซึ่งจะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหลายเว็บไซต์เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง
21. GEO (Google Engine Optimization)
GEO หรือที่บางครั้งรู้จักกันในชื่อของ Local SEO คือการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอันดับในผลการค้นหาที่อิงตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง
22. AEO (Answer Engine Optimization)
AEO คือกลยุทธ์การปรับเนื้อหาให้พร้อมสำหรับการเป็นคำตอบโดยตรงบน Answer Engines หรือ AI Overview ซึ่งเน้นการตอบคำถามอย่างกระชับและตรงประเด็นเพื่อปรากฏในตำแหน่งสูงสุดของ SERP
23. SGE (Search Generative Experience)
SGE คือประสบการณ์การค้นหาที่ใช้โมเดล AI ในการสร้างคำตอบและสรุปข้อมูลให้ผู้ใช้โดยตรง (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น AI Overview)
24. SERP
SERP ย่อมาจาก Search Engine Result Page คือหน้าแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้นหา (Keyword) ลงใน Search Engine ซึ่งประกอบด้วยลิงก์ Organic, โฆษณา, และฟีเจอร์อื่น ๆ
25. CTR

CTR ย่อมาจาก Click Through Rate คือ อัตราการคลิกผ่าน คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณเมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่ลิงก์ของคุณถูกแสดงบนหน้า SERP (Impression)
26. Bounce Rate
Bounce Rate คืออัตราการที่ผู้ใช้คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณแล้วออกจากเว็บไซต์ไปทันทีโดยไม่ได้คลิกดูหน้าอื่น ๆ ต่อ แสดงถึงคุณภาพของเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้ (UX)
27. Dwell Time
คือระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้บนหน้าเว็บไซต์ของคุณก่อนที่จะกลับไปยังหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) เป็นตัวชี้วัดคุณภาพและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา
28. Impression
Impression คือจำนวนครั้งที่ลิงก์เว็บไซต์ของคุณปรากฏขึ้นบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องคลิก เพราะจะนับเฉพาะการแสดงผลอย่างเดียว
29. Organic Traffic
คือปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ที่มาจากผลลัพธ์การค้นหาแบบธรรมชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายโฆษณา เป็นตัวเลขที่สื่อถึงการเติบโตของเว็บไซต์ที่ดี
30. Alt Text
Alt Text ย่อมาจาก Alternative Text คือข้อความที่ใช้อธิบายรูปภาพบนเว็บไซต์ ช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร และยังช่วยให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
31. Sitemap.xml
Sitemap.xml คือแผนผังเว็บไซต์ในรูปแบบไฟล์ XML ที่ใช้บอก Googlebot ว่ามีหน้าไหนบ้างในเว็บไซต์ของคุณที่ควรจะเข้ามา Crawl และ Index
32. Robots.txt
Robots.txt คือไฟล์ที่ใช้สั่งการ Googlebot ว่าไม่ควรเข้าถึง (Crawl) ส่วนใดของเว็บไซต์ของคุณ เช่น หน้าสำหรับผู้ดูแลระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลละเอียดอ่อนถูกเข้าถึงได้จากบุคคลภายนอก
33. Duplicate Content
Duplicate Content คือเนื้อหาที่เหมือนหรือคล้ายกันมาก ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหลาย URL ซึ่งอาจทำให้ Google สับสนและไม่รู้ว่าจะจัดอันดับหน้าใด ทำให้เป็นผลเสียต่อ SEO
34. Keyword Density
คือความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด หรือเปอร์เซ็นต์ของคำหลักที่ปรากฏในเนื้อหาเมื่อเทียบกับจำนวนคำทั้งหมด การใช้มากเกินไปเรียกว่า Keyword Stuffing ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นสแปม
35. User Intent (Search Intent)
User Intent หรือ Search Intent คือเจตนาที่แท้จริงเบื้องหลังคำค้นหาของผู้ใช้งาน เช่น ต้องการหาข้อมูล (Informational), ต้องการซื้อสินค้า (Transactional), หรือต้องการค้นหาเว็บไซต์เฉพาะเจาะจง (Navigational) การทำ SEO จำเป็นต้องตอบสนองเจตนาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ Traffic ที่มีคุณภาพ
36. do-follow
do-follow คือลิงก์ทั่วไปที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งอนุญาตให้ Googlebot สามารถติดตาม (Follow) ลิงก์นั้น และส่งผลประโยชน์ทางด้าน SEO (Link Juice) ไปยังเว็บไซต์ปลายทางได้
37. no-follow
no-follow คือแอตทริบิวต์ของลิงก์ที่บอก Googlebot ว่าไม่ต้องติดตามลิงก์นี้ และไม่ส่งผลประโยชน์ทางด้าน SEO ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง มักใช้สำหรับลิงก์โฆษณาหรือลิงก์ในส่วนคอมเมนต์
38. Inbound Link
คือคำศัพท์ที่ใช้เรียก Backlink หรือลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ภายนอกเข้าสู่เว็บไซต์ของเรา
39. Outbound Link
คือลิงก์ที่ชี้จากหน้าเว็บไซต์ของเราออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหาของเรา
40. External Link
External Link คือลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังโดเมนอื่นที่ไม่ใช่โดเมนของเรา อาจเป็นได้ทั้ง Inbound Link หรือ Outbound Link
41. NoIndex
คือแท็กที่ใช้บอก Search Engine ว่า “ห้ามจัดทำดัชนี (Index) หน้านี้” ซึ่งหมายความว่าหน้านั้นจะไม่ปรากฏในผลลัพธ์การค้นหา นิยมใช้กับหน้าที่มีข้อมูลภายในองค์กร หรือหน้าสำหรับ Admin
42. 301 Redirect / 302 Redirect
- 301 Redirect การย้ายหน้าเว็บแบบถาวร (Permanent) และส่งผ่านค่า SEO ไปยังหน้าใหม่
- 302 Redirect การย้ายหน้าเว็บแบบชั่วคราว (Temporary)
43. Domain Authority (DA)
เป็นตัวชี้วัด (พัฒนาโดย Moz) ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือโดยรวมของโดเมนหรือเว็บไซต์นั้น ๆ
44. Page Authority (PA)
เป็นตัวชี้วัด (พัฒนาโดย Moz) ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของหน้าเว็บเพจนั้น ๆ โดยเฉพาะ
45. Redirect
Redirect คือกระบวนการส่งผู้ใช้และ Search Engine จาก URL หนึ่งไปยังอีก URL หนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาลิงก์เสีย หรือจัดระเบียบภายในเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
46. HTTPS / SSL
HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure) คือโปรโตคอลการสื่อสารที่ปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต SSL (Secure Sockets Layer) คือใบรับรองที่เข้ารหัสข้อมูล เป็นปัจจัยสำคัญด้าน Technical SEO ที่ Google ให้ความสำคัญ
47. LSI Keywords
LSI (Latent Semantic Indexing) Keywords คือคำศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกันในเชิงความหมายกับคีย์เวิร์ดหลัก ช่วยให้ Google เข้าใจบริบทและหัวข้อของเนื้อหาได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่คำพ้องความหมาย แต่เป็นคำที่มักปรากฏร่วมกันในหัวข้อเดียวกัน
48. Pillar Content
Pillar Content คือเนื้อหาที่ครอบคลุมหัวข้อหลักในวงกว้างอย่างละเอียด เป็นฐานของ Content Cluster (กลุ่มเนื้อหา) ที่เชื่อมโยงไปยังเนื้อหาย่อย ๆ ที่เจาะจงมากขึ้น ช่วยสร้างความเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้น ๆ
49. Topical Authority
การสร้างความเชี่ยวชาญในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งอย่างครอบคลุม โดยการสร้างเนื้อหาที่ละเอียดและเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมดในหัวข้อนั้น ๆ แสดงให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณคือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่สุดสำหรับเรื่องนั้น
50. Zero-Click Search

การที่ผู้ใช้ได้รับคำตอบโดยตรงจากหน้า SERP (เช่น จาก AI Overviews หรือ Featured Snippet) โดยไม่ต้องคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ใด ๆ เป็นเทรนด์สำคัญที่ทำให้กลยุทธ์ SEO ต้องปรับไปเน้นการได้ตำแหน่ง AEO (Answer Engine Optimization) แทน
สรุป
การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบันนี้ ต้องอาศัยความเข้าใจในคำศัพท์เฉพาะทาง ตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างภายใน (On-page) ไปจนถึงการสร้างความน่าเชื่อถือจากภายนอก (Off-page) การรู้จักคำศัพท์เหล่านี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถไต่อันดับ เพิ่มการเข้าชมแบบ Organic Traffic และยืนหยัดอยู่บนหน้าแรกของ Google ได้อย่างมั่นคง
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านรับทำ SEO เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับกับยุคของ AI Search และต้องการผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้
โทร.065-095-9544
Inbox: m.me/cotactic
Line: @cotactic
ติดต่อ COTACTIC
