Lead คืออะไร? มีกี่ประเภท พร้อมวิธีหา Lead ให้เป็นลูกค้าธุรกิจ

สารบัญ
หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายและรายได้ธุรกิจของคุณ คุณต้องรู้จักกับ Lead และวิธีการหา Lead ที่เหมาะสมเพื่อการทำ Lead Generation เราจะแนะนำให้คุณเข้าใจว่า Lead มีประเภทอะไรบ้าง และวิธีการหา Lead ที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เครื่องมือ Lead Generation Tools และเทคนิคต่างๆ
เราคือ Cotactic Media ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้าง Lead สำหรับธุรกิจ เราพร้อมที่จะช่วยคุณได้รับ Lead ที่มีคุณภาพและสร้างโอกาสเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น
Lead คืออะไร?
Lead คือ คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า เพราะแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ และให้ข้อมูลติดต่อกับธุรกิจ การหา Lead เป็นกระบวนการที่คุณใช้เครื่องมือและช่องทางต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และเปลี่ยนเป็นผู้สนใจในสิ่งที่คุณขายหรือลูกค้าของคุณนั้นเอง
Lead มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับระดับความสนใจและความพร้อมในการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ การรู้จักประเภทของ Lead จะช่วยให้คุณสามารถจัดการ Lead ได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการแปลง Lead เป็นลูกค้า
Lead Generation เป็นกระบวนการที่ผสมผสานการตลาดและการขาย เพื่อย้าย Lead ผ่านกระบวนการซื้อ Lead Generation เป็นส่วนสำคัญของ Pipeline ซึ่งแบ่งเป็น Pipeline Marketing และ Pipeline Sales
ประโยชน์ของ Lead
การหา Lead มีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจของคุณ ด้วยการหา Lead คุณสามารถ:
- เพิ่มความรู้จักและเปิดตัวธุรกิจของคุณให้กับลูกค้าเป้าหมาย
- ดึงดูดผู้ที่สนใจให้แปลงเป็นลูกค้าของคุณ
- นำผู้ที่สนใจไปสู่กระบวนการซื้อสินค้าหรือใช้บริการอย่างราบรื่น
- เพิ่มยอดขายและรายได้ของธุรกิจ
- ประหยัดเวลาและพลังงานในการขยายธุรกิจของคุณ
การทำ B2B Lead Generation เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่สนใจในสิ่งที่คุณขาย และเตรียมพร้อมให้เปลี่ยนเป็นลูกค้าของคุณ
ประเภทของ Lead และวิธีการจัดการ
Lead ไม่ได้เป็นผู้บริโภคที่เหมือนกันทุกคน แต่มีความสนใจ ความพร้อม และความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงต้องรู้จักทุกประเภท และรู้จักวิธีการจัดการแต่ละประเภทให้เหมาะสม เพื่อให้ Lead เคลื่อนไหวไปสู่การเป็นลูกค้า
Marketing Qualified Lead (MQL)
Marketing Qualified Lead (MQL) คือ Lead ที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ แต่ยังไม่พร้อมที่จะซื้อในขณะนี้ เช่น Lead ที่ดาวน์โหลด E-book, เข้าร่วม Webinar และ สมัคร Newsletter อีกทั้ง MQL ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ และยังไม่ได้ติดต่อกับ Sales Team
วิธีการจัดการ MQL
- ใช้ Email Marketing เพื่อส่งเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับ MQL เช่น Case Study, Testimonial และ FAQ
- ใช้ Lead Scoring เพื่อประเมินความสำคัญและความพร้อมของ MQL เช่น Behavior, Demographic และ Engagement
- ใช้ Lead Nurturing เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจกับ MQL เช่น Social Media, Blog และ Video
- ส่ง MQL ให้ Sales Team เมื่อ MQL แสดงความพร้อมในการซื้อ เช่น Request a Demo และ Request a Quote
Sales Qualified Lead (SQL) หรือ Sales Lead
Sales Qualified Lead (SQL) หรือ Sales Lead คือ Lead ที่พร้อมที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ และต้องการการติดต่อจาก Sales Team โดย SQL เป็น Lead ที่ผ่านการ Qualify จาก Marketing Team หรือ Lead ที่ติดต่อ Sales Team เอง
วิธีการจัดการ SQL
- ใช้ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อบันทึกข้อมูลและประวัติการติดต่อของ SQL
- ใช้ Sales Call เพื่อสื่อสารกับ SQL เกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ และประโยชน์ของสินค้าหรือบริการของคุณ
- ใช้ Sales Presentation เพื่อแสดง Feature, Benefit, Value Proposition, Competitive และ Advantage ของสินค้าหรือบริการของคุณ
- ใช้ Sales Proposal เพื่อเสนอรายละเอียดและเงื่อนไขของการซื้อขาย เช่น Price, Discount, Warranty และ Delivery
- ใช้ Sales Negotiation เพื่อปรับปรุงและยืนยัน Proposal และปิดการขาย
Product Qualified Lead (PQL)
Product Qualified Lead (PQL) คือ Lead ที่มีประสบการณ์การใช้สินค้าหรือบริการของคุณ และพบว่ามีคุณค่าและประโยชน์ PQL เป็น Lead ที่มาจากการใช้ Free Trial, Free Plan และ Freemium โดยส่วนใหญ่ PQL มักจะมี Conversion Rate ที่สูงกว่า MQL หรือ SQL เนื่องจากมีความเข้าใจและความต้องการที่ชัดเจน
วิธีการจัดการ PQL
- ใช้ Product Analytics เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความพึงพอใจของ PQL เช่น Feature Usage, Session Duration และ Retention Rate
- ใช้ In-App Messaging เพื่อส่งข้อความหรือแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับการใช้สินค้าหรือบริการของ PQL เช่น Onboarding, Feedback และ Recommendation
- ใช้ Product Marketing เพื่อส่งเนื้อหาที่แสดงคุณสมบัติและประโยชน์ของการ Upgrade Plan เช่น Email, Blog และ Video
- ใช้ Sales Team เพื่อติดต่อ PQL เมื่อ PQL แสดงความสนใจในการ Upgrade Plan เช่น Request a Call และ Request a Demo
วิธีการหา Lead สำหรับธุรกิจ
Lead ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณคือ Lead ที่มีความต้องการหรือมีปัญหา ที่สินค้าหรือบริการของคุณสามารถแก้ไขได้ และมี Budget, Authority, Need และ Timeline ที่เหมาะสม การหา Lead ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย
ใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์
การใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์ เช่น Google Ads, Facebook Ads, LinkedIn Ads และอื่นๆอีกหลายช่องทางการตลาด เป็นวิธีการหา Lead ที่เป็นแบบ Passive หรือก็คือ Lead ที่ค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณเอง โดยใช้ Keyword, Interest และ Demographic เป็นตัวกำหนด Target Audience การใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์จะช่วยให้คุณสามารถหา Lead ที่มี Buyer Intent และเข้าถึง Lead ที่ยากที่จะ Contact ได้
วิธีการใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์:
- วิเคราะห์ Keyword, Interest และ Demographic ของ Target Audience
- เลือกเครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมกับ Budget, Goal และ Industry
- สร้าง Campaign, Ad Group, Ad Copy และ Landing Page ที่มีความน่าสนใจน่าดึงดูดลูกค้า
- เพิ่ม Tracking Code เพื่อวัดผลและปรับปรุง Campaign
เพิ่มคุณภาพของเว็บไซต์และเนื้อหา
เว็บไซต์และเนื้อหาของคุณเป็นสิ่งที่ Lead จะเห็นและรับรู้เมื่อเข้าถึงช่องทางการตลาดของคุณ ดังนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพของเว็บไซต์และเนื้อหา เพื่อให้ Lead รู้สึกประทับใจ และเชื่อถือในสินค้าหรือบริการของคุณ
วิธีการเพิ่มคุณภาพของเว็บไซต์และเนื้อหา:
- ทำให้เว็บไซต์มี Design, Layout และ Navigation ที่ User-Friendly, Responsive, และ Fast Loading
- ทำให้เนื้อหามี Quality, Relevance และ Value ที่ตรงกับ Buyer Persona และ Buyer Journey
- ใช้ Visual Content เช่น Image, Video และ Infographic เพื่อดึงดูดความสนใจและการมีส่วนร่วมของ Lead
- ใช้ Keyword Research เพื่อ Optimize เว็บไซต์และเนื้อหาให้ SEO-Friendly
สร้าง Landing Page และ Call to Action (CTA) ที่น่าสนใจ
Landing Page และ CTA เป็นสิ่งที่ Lead จะเห็นและตอบสนองเมื่อเข้าถึงเนื้อหาของคุณ ดังนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง Landing Page และ CTA เพื่อให้ Lead รู้สึกต้องการกรอกข้อมูลติดต่อ เพื่อรับเนื้อหาหรือข้อเสนอของคุณ
วิธีการสร้าง Landing Page และ CTA ที่น่าสนใจ:
- ทำให้ Landing Page มี Headline, Subheadline และ Copy ที่ชัดเจนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สามารถสัมผัสและดึงดูดผู้ใช้ได้
- ทำให้ CTA มี Button, Text และ Color ที่ดึงดูดสายตาและรับรู้ว่าปุ่มนี้สามารถกดได้
- ใช้ Testimonial, Social Proof และ Guarantee เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงในด้านต่างๆจากสิ่งที่ผู้คนคิดขึ้นมาเอง
- ใช้ A/B Testing เพื่อพัฒนาและเพิ่ม Conversion Rate ของธุรกิจ
ให้ข้อเสนอและสิ่งจูงใจให้ผู้เข้าชมกรอกข้อมูลติดต่อ
ข้อเสนอและสิ่งจูงใจ เช่น Lead Magnet, Discount และ Free Trial เป็นสิ่งที่ Lead จะได้รับเมื่อกรอกข้อมูลติดต่อ ดังนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับการให้ข้อเสนอและสิ่งจูงใจให้ผู้เข้าชมกรอกข้อมูลติดต่อ เพื่อให้ Lead รู้สึกคุ้มค่า และมีความพึงพอใจในการแลกเปลี่ยนข้อมูล
วิธีการให้ข้อเสนอและสิ่งจูงใจให้ผู้เข้าชมกรอกข้อมูลติดต่อ:
- มี Benefit, Value และ Solution ที่แก้ไข Paint Point และพา Lead ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
- มี Exclusivity, Scarcity และ Reciprocity เพื่อสร้างความต้องการของสินค้าหรือบริการ
- มี Relevance, Alignment และ Consistency เพื่อตอบสนองความต้องการและความสนใจของ Lead
ติดตามและดูแล Lead ให้เป็นลูกค้า
ติดตามและดูแล Lead เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเปลี่ยน Lead เป็น Customer ดังนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับการติดตามและดูแลให้เป็นลูกค้า เพื่อให้รู้สึกถูกเอาใจให้ และมีความพร้อมในการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ
วิธีการติดตามและดูแล Lead ให้เป็นลูกค้า:
- ใช้ CRM เพื่อ Manage, Track, และ Analyze Lead Data
- ใช้ Email Marketing, SMS Marketing และ Social Media Marketing เพื่อ Communicate, Educate, และ Nurture Lead
- ใช้ Lead Scoring เพื่อ Qualify, Prioritize, และ Segment Lead
- ใช้ Sales Funnel เพื่อ Guide, Influence, และ Convert Lead
Lead Generation Strategy
Lead Generation Strategy เป็นแผนการตลาดที่มีเป้าหมายในการดึงดูดความสนใจและเก็บเกี่ยว Lead ที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ ดังนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง Lead Generation Strategy สำหรับธุรกิจ เพื่อให้คุณสามารถ Generate Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการขาย
วิธีการสร้าง Lead Generation Strategy สำหรับธุรกิจมีดังต่อไปนี้:
เข้าใจ Buyer Persona และ Buyer Journey
Buyer Persona เป็นการสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าเป้าหมายของคุณ โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น Demographic, Psychographic และ Behavior
Buyer Journey เป็นการสร้างแผนที่ของกระบวนการซื้อของลูกค้าเป้าหมายของคุณ โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น Awareness, Consideration และ Decision
การเข้าใจ Buyer Persona และ Buyer Journey จะช่วยให้คุณสามารถ:
- รู้ Needs, Wants, Pain Points, และ Goals ของลูกค้าเป้าหมาย
- รู้ Behavior, Preference และ Motivation ของลูกค้าเป้าหมาย
- รู้ Stage, Touchpoint และ Trigger ของกระบวนการซื้อ
- สร้างเนื้อหาและข้อเสนอที่ตรงกับ Buyer Persona และ Buyer Journey
เลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม
ช่องทางการตลาด เช่น Website, Blog, Social Media และ Email เป็นสื่อที่คุณใช้เพื่อสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมาย และสร้าง Lead ดังนั้น คุณต้องเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถ Reach, Engage และ Convert ลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม:
- วิเคราะห์ Audience, Objective และ Budget ของธุรกิจ
- วิเคราะห์ Strength, Weakness, Opportunity, Threat (SWOT) ของแต่ละช่องทางการตลาด
- เปรียบเทียบ Performance, Cost และ ROI ของแต่ละช่องทางการตลาด
- เลือกช่องทางการตลาดที่ Align กับ Buyer Persona และ Buyer Journey
เน้น Content Marketing และ SEO
Content Marketing เป็นการสร้างและแจกจ่ายเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับลูกค้าเป้าหมาย เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มามีส่วนร่วมบนหน้าเว็บไซต์ (Engagement)
SEO เป็นการปรับปรุง Website และเนื้อหา เพื่อให้ Ranking สูงใน Search Engine เพื่อเพิ่มการมองเห็น (Visibility) บนเว็บไซต์และจำนวนผู้เข้าชม (Organic Traffic)
การเน้น Content Marketing และ SEO จะช่วยให้คุณสามารถ:
- สร้าง Awareness, Interest และ Trust ให้กับลูกค้าเป้าหมาย
- สร้าง Lead ที่มีคุณภาพ และเข้ากันได้กับธุรกิจ
- สร้าง Authority, Credibility และ Reputation ให้กับธุรกิจ
- สร้าง Long-Term Value และ Sustainable Growth ให้กับธุรกิจ
เพิ่ม Conversion Rate Optimization (CRO)
Conversion Rate Optimization (CRO) เป็นการปรับปรุง Website และ Landing Page เพื่อให้มี Performance ที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่ม Conversion Rate หรืออัตราการแปลง Lead เป็นลูกค้า ดังนั้น คุณต้องเพิ่ม CRO เพื่อให้คุณสามารถ Generate Lead ได้มากขึ้น และลด Cost Per Lead (CPL) ลง
วิธีการเพิ่ม Conversion Rate Optimization (CRO):
- ใช้ A/B Testing, Heatmap และ Analytics เพื่อวิเคราะห์ User Behavior และ User Feedback
- ใช้ Design, Copy และ Call to Action เพื่อ Optimize User Experience และ User Interface
- ใช้ Lead Magnet, Value Proposition และ Social Proof เพื่อ Optimize Lead Generation Form และ Lead Capture Page
- ใช้ Personalization, Segmentation และ Automation เพื่อ Optimize Lead Nurturing และ Lead Conversion
วัดผลและปรับปรุงแผนการตลาด
วัดผลและปรับปรุงแผนการตลาด เป็นการติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของ Lead Generation Strategy ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุง แผนการตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คุณต้องวัดผลและปรับปรุงแผนการตลาด เพื่อให้คุณสามารถพัฒนาคุณภาพ หรือ Lead Quality และปริมาณ หรือ Lead Quantity
วิธีการวัดผลและปรับปรุงแผนการตลาด:
- กำหนด Key Performance Indicator (KPI) และ Goal ของ Lead Generation Strategy
- ใช้ Tools เช่น Google Analytics, Facebook Pixel และ CRM เพื่อเก็บข้อมูล ติดตามข้อมูล และนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาปรับปรุงต่อไป
- ใช้ Metrics เช่น Traffic, Conversion Rate และ Cost Per Lead เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานและ ROI ที่ได้รับ
- ใช้ Insights เช่น Strength, Weakness, Opportunity, Threat (SWOT) เพื่อระบุปัญหาและหาทางแก้ไขอย่างถูกวิธี
เคล็ดลับในการจัดการ Lead
การจัดการ Lead คือ การทำให้ผู้ที่สนใจเข้าใจและเห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ และเปลี่ยนเป็นลูกค้า ในการจัดการ Lead คุณต้องเพิ่ม Engagement และ Trust ซึ่งเป็นการมีการสื่อสารและการมีส่วนร่วมระหว่างคุณและผู้ที่สนใจ และสร้างความไว้วางใจและความเชื่อถือในคุณและผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ นอกจากนี้คุณยังต้องสร้างโอกาสให้ผู้ที่สนใจเปลี่ยนเป็นลูกค้า ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ที่สนใจตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
เก็บข้อมูลให้ครบถ้วน
การเก็บข้อมูล Lead ให้ครบถ้วน คือ การเก็บข้อมูลที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับ Lead ที่คุณได้รับ เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล อาชีพ งบประมาณ ปัญหาที่ต้องการแก้ไข ฯลฯ
การเก็บข้อมูลให้ครบถ้วน จะช่วยให้คุณ
- เข้าใจความต้องการและความสนใจได้ดีขึ้น
- เลือกวิธีการติดต่อและสื่อสารที่เหมาะสม
- เสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการ
- เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
การเก็บข้อมูล Lead สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ใช้แบบฟอร์มในเว็บไซต์หรือ Landing Page เพื่อกรอกข้อมูล
- ใช้ Chatbot เพื่อสอบถามข้อมูล
- ใช้ Call Center เพื่อโทรไปสอบถามข้อมูล
- ใช้ CRM Software เพื่อจัดเก็บและจัดการข้อมูล
BONUS: ไม่ควรเก็บข้อมูล Lead เกินไป เพราะจะทำให้ Lead รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่อยากให้ข้อมูล ควรเลือกเก็บข้อมูลที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อการขาย
จัดหมวดหมู่ตามความสำคัญ
Lead ที่คุณได้รับไม่ได้มีความสำคัญและความพร้อมในการซื้อเท่ากัน บาง Lead เป็น Hot Lead (Lead ที่พร้อมซื้อ) บาง Lead เป็น Warm Lead (Lead ที่สนใจแต่ยังไม่พร้อมซื้อ) และบาง Lead เป็น Cold Lead (Lead ที่ไม่สนใจ)
การจัดหมวดหมู่ Lead ตามความสำคัญ คือ การแยก Lead เป็นกลุ่มต่างๆ ตามระดับความสำคัญและความพร้อมในการซื้อ
การจัดหมวดหมู่ Lead ตามความสำคัญ จะช่วยให้คุณ
- เลือกผู้ที่จะติดต่อและสื่อสารกับ Lead ที่เหมาะสม
- จัดลำดับความสำคัญของ Lead และให้ความสนใจกับ Lead ที่มีโอกาสซื้อสูง
- ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการติดต่อและสื่อสารกับ Lead
การจัดหมวดหมู่ Lead ตามความสำคัญ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ใช้เกณฑ์การจัดหมวดหมู่ที่เป็นมาตรฐาน เช่น BANT (Budget, Authority, Need, Timeline) หรือ CAMP (Challenges, Authority, Money, Prioritization)
- ใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดหมวดหมู่ Lead เช่น Lead Scoring หรือ Lead Nurturing
- ใช้ข้อมูลที่เก็บได้จาก Lead เพื่อประเมินความสำคัญ เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ การโหลดเนื้อหา การตอบกลับอีเมล ฯลฯ
BONUS: ไม่ควรจัดหมวดหมู่ Lead เป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้คุณไม่สามารถให้ความสนใจและบริการ ได้อย่างเป็นระบบและเป็นประจำ ควรจัดหมวดหมู่เป็นกลุ่มที่เล็กลงและเฉพาะเจาะจง
สื่อสารกับ Lead อย่างต่อเนื่อง
การสื่อสารกับ Lead อย่างต่อเนื่อง คือ การติดต่อและสื่อสารอย่างเป็นประจำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ และเพิ่ม Engagement
การสื่อสารกับ Lead อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณ:
- เพิ่มความสนิทสนมและความจำข้อมูลได้
- เพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ
- เพิ่มความสนใจและความต้องการ
- เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
การสื่อสารกับ Lead อย่างต่อเนื่อง สามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น
- โทรศัพท์
- อีเมล
- SMS
- Social Media
- Chatbot
- Webinar
- Newsletter
BONUS: ไม่ควรสื่อสารกับ Lead บ่อยเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกรำคาญและไม่ต้องการติดต่อกับคุณ ควรเลือกช่วงเวลาและความถี่ที่เหมาะสม
เพิ่ม Engagement และ Trust
Engagement คือ การมีการสื่อสารและการมีส่วนร่วมระหว่างคุณและ Lead Trust คือ การมีความไว้วางใจและความเชื่อถือในคุณและผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
การเพิ่ม Engagement และ Trust จะช่วยให้คุณ
- เพิ่มความรู้จักและความจำ
- เพิ่มความสนใจและความต้องการ
- เพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ
- เพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยน Lead เป็น Customer
การเพิ่ม Engagement และ Trust สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ให้ข้อมูล เช่น Content, Blog, Ebook และ Webinar เพื่อเพิ่มความรู้และความเข้าใจ
- ให้คำแนะนำ เช่น Tips, Tricks และ Hacks เพื่อเพิ่มความสามารถและความประทับใจ
- ให้การตอบกลับ เช่น Comment, Like และ Share เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์และความเป็นกันเอง
- ให้การถาม เช่น Survey, Poll และ Quiz เพื่อเพิ่มความร่วมมือและความเห็นอกเห็นใจ
สร้างโอกาสให้ Lead เปลี่ยนเป็น Customer
การสร้างโอกาสให้ Lead เปลี่ยนเป็น Customer คือ การทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
การสร้างโอกาสให้ Lead เปลี่ยนเป็น Customer จะช่วยให้คุณ
- เพิ่มยอดขายและรายได้ของคุณ
- เพิ่มจำนวนลูกค้าและลูกค้าประจำของคุณ
- เพิ่มความภักดีและความผูกพันของลูกค้ากับคุณ
- เพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้างการแนะนำและการเผยแพร่ของลูกค้า
การสร้างโอกาสให้ Lead เปลี่ยนเป็น Customer สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ใช้การติดตาม เช่น Call, Email และ SMS เพื่อเพิ่มความติดต่อและความจำ
- ใช้การปิดการขาย เช่น Offer, Proposal และ Contract เพื่อเพิ่มความชัดเจนและความเป็นทางการ
- ใช้การสนับสนุน เช่น FAQ, Chatbot และ Customer Service เพื่อเพิ่มความเชื่อถือและความปลอดภัย
- ใช้การรับประกัน เช่น Refund, Warranty และ Trial เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความพอใจ
สรุป
การหา Lead เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการขาย ที่จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่ม Revenue และ Growth ของธุรกิจของคุณ Lead ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณคือ มีความต้องการหรือปัญหาที่สินค้าหรือบริการของคุณสามารถแก้ไขได้ และมี BANT (Budget, Authority, Need, Timeline) ที่เหมาะสม
สรุปวิธีการหา Lead ที่เหมาะสมกับธุรกิจแบบง่าย ๆ มีดังนี้
- ใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดออนไลน์ เพื่อหา Lead ที่มี Buyer Intent
- ใช้เครือข่ายและการแนะนำ เพื่อหา Lead ที่มี Trust และ Loyalty
- ใช้เนื้อหาและการสร้างความต้องการ เพื่อหา Lead ที่มี Awareness และ Interest
Cotactic หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณที่กำลังหา Lead เพื่อการทำ Lead Generation สำหรับธุรกิจของคุณ
อ้างอิงข้อมูลจาก:
https://dynamics.microsoft.com/en-us/marketing/what-is-lead-generation/
https://www.salesforce.com/products/sales-cloud/resources/improving-sales-lead-generation/
https://www.nutshell.com/blog/6-types-of-sales-leads-and-how-to-close-them
https://blog.hubspot.com/marketing/effective-lead-management-guide
https://zapier.com/blog/lead-management/
https://leadbazz.com/benefits-of-lead-generation/